หนึ่งในคำถามที่ญดาถูกนักข่าวบันเทิงยิงคำถามใส่เมื่อไม่นานนี้ จนทำให้หลายคนในโซเชียลฯ ตั้งคำถามว่า ยุคนี้แล้ว คำถามนี้ยังน่าถามอยู่อีกหรือ? คือ “เราเป็นนางเอก คนมองว่าเราเป็นนางเอกอ่า เรามาเปิดตัวแบบนี้ หลายคนเขาจะแบบ มันได้เหรอ มันเหมาะเหรอ แล้วพระเอกล่ะ คู่จิ้นพระเอกเขาจะยังไง?”

แนวคำถามสุดงงของนักข่าวต่อ ‘ญดา นริลญา’ หลังเปิดตัวว่าชอบผู้หญิง สะท้อนความน่าอึดอัดในอุตสาหกรรม ที่คาดหวังให้นักแสดงขายเพศสภาพเพื่อเสิร์ฟคนดู ราวกับฝีมือการแสดงจะถูกหักล้างแค่เพราะรสนิยมทางเพศไม่ถูกใจบางคน

การ <a href="https://mirrorthailand.com/tags/Come%20Out" rel="noopener noreferrer" target="_blank">come out</a> ว่าเป็น ‘หญิงรักหญิง’ ของนางเอกสาว ‘<a href="https://mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%8D%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%8D%E0%B8%B2%20%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%8A%E0%B8%A3" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ญดา นริลญา</a>’ ต่อหน้าสื่อ เรามองเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าเล็กๆ ที่เห็นในอุตสาหกรรมบันเทิงไทย เพราะการยืนหยัดในตัวเองครั้งนี้สะท้อนมุมมองว่านักแสดงก็เป็น ‘คน’ และควรที่จะสามารถเป็นตัวเองได้โดยไม่ต้องปิดบังหรือเก็บซ่อนตัวตนเอาไว้ให้อึดอัดใจ โดยเฉพาะกับนักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘พระเอก’ / ‘นางเอก’ ซึ่งที่ผ่านมาการจะเปิดเผยถึงเรื่องเพศของตัวเองของเหล่านักแสดงนำ นับว่าเต็มไปด้วยความท้าทายและการถูกคาดหวังมากมาย เพราะแม้เราจะอยู่ในยุคที่มีสมรสเท่าเทียม มีซีรีส์วายในไทยให้ดูอย่างล้นหลาม รวมถึงซีรีส์แซฟฟิกก็กำลังมาแรงสุดๆ แต่มุมมองของบางคนทั้งคนในอุตสาหกรรมบันเทิง รวมถึงคนนอกที่เสพสื่อ กลับยังมีชุดความคิดที่มองความ ‘เกย์’ เป็นสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมาให้ชัดๆ เป็นเส้นเบลอๆ ให้คนเขาจินตนาการกันเองต่อดีกว่า…แต่ทำไมกันล่ะ? เราจะเบลอความเกย์กันไปทำไม? ทั้งที่ความรักของคนเพศเดียวกันมันปกติธรรมดาที่สุดแล้วและหนึ่งในคำถามที่ญดาถูกนักข่าวบันเทิงยิงคำถามใส่เมื่อไม่นานนี้ จนทำให้หลายคนในโซเชียลฯ ตั้งคำถามว่า ยุคนี้แล้ว คำถามนี้ยังน่าถามอยู่อีกหรือ? และย้ำในสิ่งที่เราพูดไปก่อนหน้าถึงทัศนคติของบางคนต่อเรื่องการ come out นั่นคือ “ญดากลัวไหม เพราะภาพลักษณ์ของญดาคือนางเอก” ก่อนที่จะมีนักข่าวอีกคนถามแทรกขึ้นมาอีกว่า “เราเป็นนางเอก คนมองว่าเราเป็นนางเอกอ่า เรามาเปิดตัวแบบนี้ หลายคนเขาจะแบบ มันได้เหรอ มันเหมาะเหรอ แล้วพระเอกล่ะ คู่จิ้นพระเอกเขาจะยังไง?” แม้ญดาจะตอบอย่างใจเย็นว่า “ก็ยังเป็นนางเอกได้อยู่ ยังรับเป็นนางเอกอยู่นะคะ การแสดงเป็นพาร์ทของการทำงาน” แต่คำถามดังกล่าวก็เป็นการสะท้อนทัศนคติกลายๆ ว่า ถ้าคุณเป็นพระเอก-นางเอก ก็ไม่ควรจะเปิดตัวว่าเป็นเกย์ เพราะหากเปิดตัวแล้ว ก็เป็นเหมือนการตัดโอกาสในการรับบทสเตรท (คู่ชาย-หญิง) ไปโดยปริยาย ซึ่งหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ ก็นับว่าเป็นทั้งการเหยียดเพศ การเลือกปฏิบัติทางเพศ และเป็นการสร้างวัฒนธรรมห้าม come out ของคนเป็นเกย์จริงๆ ในวงการ ซึ่งนับว่าท็อกซิกใช่เล่น (และที่ผ่านมาก็มีนักแสดงที่เป็นเกย์จริงๆ เคยออกมาเล่าว่า การชัดเจนในตัวเอง ก็ส่งผลกระทบต่องานจริงๆ)ญดาเลือกที่จะซื่อสัตย์กับทุกคนต่อเพศของตัวเอง หากคนจะแยกแยะไม่ได้ที่อนาคตเธอจะไปเล่นคู่กับผู้ชาย อันนั้นก็เป็นเรื่องน่าเศร้าอีก ที่บางคนคาดหวังที่จะจำกัดเธอไว้ว่าหลังจากนี้ควรเล่นแค่กับผู้หญิงเท่านั้น เนื่องจากล่าสุดนี้เธอกำลังจะมีซีรีส์ GL เรื่องใหม่ ‘Play Park รักไม่คาดฝัน’ กับทางช่อง 3 ทั้งๆ ที่ก่อนที่จะ come out เธอก็มีผลงานที่การันตีฝืมือการแสดงของเธอว่าเก่งจริงๆ เช่น บท มิ้ง ในหนังร่างทรง น้องขวัญ หรือ ไอ้ทัย ในละครขวัญฤทัย และ ไข่มุก สาวใช้ในซีรีส์ สืบสันดาน ดังนั้นการที่เธอเปิดตัวว่าชอบเพศไหน ก็ไม่ควรจะลบล้างสิ่งที่เธอพยายามทำมันสุดความสามารถมาตลอดเช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าเธอจะเล่นบทบาทแนวไหน เธอก็ควรจะได้เล่นตามเดิม ไม่ใช่พอเปิดตัวว่าชอบผู้หญิง แล้วทุกอย่างควรจะต้องเปลี่ยนไป ราวกับว่ามันมีอะไรผิดปกติตัดภาพไปที่คนเป็นสเตรทกลับสามารถรับเล่นบทเกย์กันได้โดยแทบจะไม่มีใครรู้สึกค้านสายตา แถมบางคนกลับยังรู้สึกฟินมากกว่า เมื่อเจ้าตัวไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนในคอมมูนิตี้ LGBTQ+ แค่มีเคมีจิ้นๆ กับคู่ของตัวเองก็เพียงพอ และนี่อาจเป็นการหนุนสิ่งที่เรียกว่า ‘Queerbaiting’ หรือการที่นักแสดงคู่จิ้นขายแฟนเซอร์วิสแบบจัดเต็มจนแฟนคลับก็เชื่อสนิทใจว่าเขาเป็นแฟนกันจริงๆ โดยเชื่อว่าเขาเป็น ‘ชายรักชาย’ หรือ ‘หญิงรักหญิง’ แค่กับคู่จิ้นของตัวเอง ซึ่งก็กลายเป็นฉากแฟนตาซีในจินตนาการ ที่ทำให้เห็นว่าบางคนอาจไม่ได้ยอมรับการมีอยู่ของ LGBTQ+ จริงๆ แค่ฟินไปตามสิ่งที่ถูกเสิร์ฟเฉยๆ หรือบางคนก็อาจถลำลึกคาดหวังให้เขาเป็น ‘เกย์’ จริงๆ เมื่อได้ดูผลงาน ทำให้หากวันหนึ่งนักแสดงเหล่านั้น ต้องไปเข้าคู่หรือมีเคมีกับคนเพศตรงข้าม จนถึงมีความรักกับคนเพศตรงข้าม ก็อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่อินขึ้นมา บ้างก็ออกโรงแอนตี้อย่างชัดเจน เพราะ ‘แยกแยะ’ การทำงานกับชีวิตส่วนตัวไม่ได้ ซึ่งอาจจะดีกว่ามาก ถ้าเรามองคู่จิ้นเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์หนึ่งเฉยๆ ไม่ได้ผูกใจเชื่ออย่างสนิทว่ามัน ‘เรียล’ จนเอามาทำร้ายคนเป็นนักแสดง&nbsp;การที่คนอยากให้นักแสดงที่ชอบเป็น ‘เกย์’ จริงๆ เพื่อตอบสนองความฟินให้กับตัวเอง ไม่อาจนับว่าเป็นการยอมรับคนเป็นเกย์จริงๆ ได้เท่ากับการยอมรับคนเป็น LGBTQ+ ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งด้วยสายตาปกติที่เท่าเทียมกับทุกคน และหากพูดถึงในอุตสาหกรรมบันเทิง การมองนักแสดงที่เป็นเกย์ให้เป็น ‘นักแสดง’ คนหนึ่งที่สามารถรับเล่นบทท้าทายแบบไหนก็ได้ มีโอกาสที่หลากหลายเท่าๆ กับนักแสดงสเตรท ไม่มองเป็นอะไรที่แปลกแยกหรือไม่เหมาะสม อาจเป็นการสร้างบรรยากาศให้อุตสาหกรรมบันเทิงไทยดูเฮลตี้ได้ไม่มากก็น้อย และทำให้ตัวนักแสดงเองได้เฉิดฉาย แสดงความสามารถโดยไม่ต้องกั๊ก ปราศจากความกังวล“สมัยนี้เราอยู่ในยุคที่สังคมค่อนข้างเปิดกว้าง แล้วก็เปิดใจยอมรับแล้ว หนูก็ดีใจที่หลายๆ คนยอมรับในความเป็นหนู หนูก็รู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เหมือนเราได้เป็นตัวเองมากขึ้น” ญดากล่าว ทั้งยังโชว์มุมน่ารักๆ พลังบวกเมื่อพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ว่า “โดนจีบเยอะขึ้น มีน้องๆ ผู้หญิง มีพี่ๆ ผู้หญิงมาจีบเยอะขึ้น เขิน…จริงๆ ตอนแรกบอกว่าชอบคนเรียบร้อย เป็นผู้หญิงสวย หลายๆ คนก็พร้อมจะเปลี่ยนตัวเองกันมากๆ เลย อยากจะบอกว่าที่ทุกคนเป็นอยู่น่ารักอยู่แล้ว หนูมองว่าสเปคของหนูไม่ได้มีรูปร่างตายตัวขนาดนั้น จะเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วเราสบายใจ แต่ขอเป็นคนที่เทคแคร์ดูแลเก่งนิดนึง เพราะหนูเป็นคนชอบอ้อน ถ้ามีแฟนก็อยากอ้อน อยากอยู่ติด ชอบกอด”หลังจากนั้นเธอก็มาโพสต์ใน X ส่วนตัวว่า “ทุกค๊นนน ที่อยากตรงสเปคหนู เอ็นดูสุดๆ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองน้า ที่ทุกคนเป็นอยู่คือน่ารักแล้ว คือออ หนูใจสั่นกับคนสวยก็จริงงงง แต่ใดๆ คือ นิสัยกับความเป็นตัวเองมากกว่าที่หนูจะรัก งืออ” ทำให้แฟนๆ ของเธอใจฟูกันไปตามๆ กันถึงทัศนคติของเธอก่อนหน้านี้ ญดา กล่าวกับ คุยแซ่บShow ที่แรกว่าเธอชอบผู้หญิง ท่ามกลางความอบอุ่นของผู้เป็นแม่ที่กล่าวว่า “สิ่งแรกและสิ่งเดียวที่แม่จะไม่บังคับหรือดุน้องเลยคือเรื่องความรัก” หลังจากนั้นในรายการ แฉ เธอก็เล่าว่า “จริงๆ แอบรู้มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ เหมือนเราเป็นคนที่สบายใจเวลาที่เราอยู่กับเพศเดียวกัน อยู่กับผู้หญิง” โดยอธิบายว่า เธอใจสั่นแค่กับผู้หญิง ตอนเด็กๆ ก็ไม่รู้หรอกว่าหมายถึงอะไร แต่พอโตมาก็เริ่มเข้าใจมากขึ้น ซึ่งคุณแม่ก็รู้มาก่อนที่เธอจะ come out ต่อหน้าสื่อ ญดาย้ำชัดว่า “ไม่ต้องปิดบังอะไร ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร” ที่นับว่าเป็นมุมมองต่อเพศของตัวเองที่เรียบง่าย แต่มีพลัง เพราะการเป็นตัวของตัวเอง มันไม่ใช่ความผิดที่เธอต้องปกปิดไว้ ทั้งยังรู้สึกดีใจกับการได้ come out เนื่องจากเธอได้กลายเป็นคนในคอมมูนิตี้แซฟฟิกที่สร้างแรงบันดาลใจให้คนที่ติดตามเธอไม่น้อย เธอเล่าว่า “มีน้องๆ หลายคนที่เขาชอบเพศเดียวกัน โพสต์ในทวิตเตอร์ ใน X ขอบคุณที่พี่ออกมาพูด เหมือนเขามีแรงบันดาลใจ เขาไม่กล้าออกมาพูดกับสังคม หรือครอบครัวไม่ยอมรับ เขาก็ฟังเราแล้วเขามีกำลังใจในการที่จะใช้ชีวิต ในการจะมีความรัก หรือการจะบอกครอบครัว”และแม้เธอจะถูกโจมตีจากผู้คนที่แสดงความคิดเห็นเหยียดเพศว่า “เสียดายของ” / “อย่าให้เห็นคบผู้ชายนะ” / “รับไม่ได้” / “ตีฉิ่ง” ฯลฯ ที่เป็นอะไรที่น่าตกใจไม่ใช่น้อยว่าในปี 2025 ที่ประเทศเจริญทางความคิดขึ้นมากแล้ว คำพูดลักษณะนี้กลับยังมีหลงเหลืออยู่ ถึงอย่างนั้นเราเชื่อว่าความรัก ความอบอุ่น ที่เป็นพลังบวกของผู้คนทั้งคนใกล้ตัวและแฟนๆ ของเธอที่ส่งไปยังเธอ จะทำให้เธอใช้ชีวิตโดยซื่อสัตย์กับตัวเองต่อไปได้อย่างมีความสุข เพราะการได้เป็นตัวเองนั้นสวยงามที่สุดแล้วอ้างอิง:<a href="https://youtu.be/DGUgGSKAIE0?si=QyFENVc679Go6O89" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://youtu.be/DGUgGSKAIE0?si=QyFENVc679Go6O89 </a><a href="https://youtu.be/UiJ68dvqIpI?si=pqedwma9gDAGUDoz" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://youtu.be/UiJ68dvqIpI?si=pqedwma9gDAGUDoz </a><a href="https://youtu.be/RWBQ2uGAyZk?si=lqCJ_bSNVaD4zwvj" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://youtu.be/RWBQ2uGAyZk?si=lqCJ_bSNVaD4zwvj </a>

แทบทุกครั้งที่สาวสวย อินฟลูเอนเซอร์ หรือไอดอลสักคน กลายเป็นบุคคลในข่าวดังขึ้นมา แม้ว่าเธอคนนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความใดๆ หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่เรามักเห็นเสมอ ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ก็คือการคอมเมนต์ในเชิง Sexual Harassment

ทุกครั้งที่ไอดอลหรือสาวสวยตกเป็นข่าว มักกลายเป็นเป้า Sexual Harassment อยู่อย่างนั้น

กลายเป็นประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความปังของเพลง Dream โดย LISA ที่ล่าสุดนี้มียอดวิวพุ่งไปกว่า 18 ล้านวิวทางยูทูบ และเนื่องจากเพลงนี้ได้พระเอกเอ็มวีเป็น Kentaro Sakaguchi นักแสดงหนุ่มหล่อมาแรงชาวญี่ปุ่น จึงทำให้มีคนดูชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาติดตามผลงานชิ้นนี้

ไม่ใช่แค่เรื่องของแอนตี้แฟน แต่คือเรื่องของ Internalized Misogyny เมื่อลิซ่าถูกเกลียดชังเพียงเพราะจ้างนักแสดงชายสุดหล่อมาเล่นเอ็มวี

Blaize Shiek และ Louie Conn เชียร์ลีดเดอร์ชายของทีมอเมริกันฟุตบอล Minnesota Vikings ใน National Football League (NFL) ปี 2025 ที่ทำเอาแฟนบอลชายบางคนเดือดขั้นสุด เพราะยอมรับไม่ได้ที่เชียร์ลีดเดอร์ในทีมที่ตัวเองเชียร์มีผู้ชายร่วมด้วย

วาทะจากอดีตนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลที่โกรธเกรี้ยวหลังเห็น ‘เชียร์ลีดเดอร์ชาย’ ในสนาม ท่ามกลางแฟนบอลชายแท้จำนวนมากที่เดือดพอกัน เพราะอยากดูหญิงล้วนเต้น และไม่ชอบที่พวกเขาออกสาว ไม่สมกับกีฬาแมนๆ?!

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS