เป็นเวลานาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน ที่ ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ วัย 69 ปี หรือที่หลายคนเรียกเธอว่า ‘ป้าอัญชัญ’ ถูกตัดสินจำคุกจากคดีมาตรา 112 วันนี้ 27 สิงหาคม 2568 เธอได้รับอิสรภาพจากการอภัยโทษ ได้กลับบ้านของเธอแล้วในที่สุด

ความรู้สึกแรกของ ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ หลังสิ้นสุดการถูกคุมขังคดี 112 เป็นเวลา 8 ปี 4 เดือน 19 วัน พร้อมเน้นย้ำว่าต้องการให้ ‘นิรโทษกรรม’ มีผลบังคับใช้กับประชาชน

เป็นเวลานาน 8 ปี 4 เดือน 19 วัน ที่ ‘อัญชัญ ปรีเลิศ’ วัย 69 ปี หรือที่หลายคนเรียกเธอว่า ‘ป้าอัญชัญ’ ถูกตัดสินจำคุกจากคดีมาตรา 112 รวม 29 ปี 174 เดือน จากการถูกกล่าวหาว่าเป็นหนึ่งในผู้อัปโหลดและเผยแพร่คลิปเสียงของ บรรพต ดีเจผู้จัดรายการวิทยุใต้ดิน ซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทกษัตริย์ รวมทั้งหมด 29 ครั้ง เป็นความผิด 29 กระทง วันนี้ 27 สิงหาคม 2568 เธอได้รับอิสรภาพจากการอภัยโทษ ได้กลับบ้านของเธอแล้วในที่สุด ท่ามกลางประชาชนและสื่อมวลชนที่มารอรับเธอด้านหน้าทัณฑสถานหญิงกลางฯป้าอัญชัญรับดอกไม้จากผู้คนมากมายที่มาให้กำลังใจเธอด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวว่า “อยากจะได้รับอิสรภาพนี้มานานแล้ว เพราะเราอายุก็มากแล้ว เวลาเราก็เหลือน้อยลงไปทุกที 8 ปีกว่า มันทั้งชีวิต มันขมขื่นใจจริงๆ นะคะ เพราะว่ามันไม่ใช่ที่อยู่ของเรา มันทรมานค่ะ…มันไม่ใช่บ้านเรา ขอบคุณทุกคน ทุกกำลังใจ”เธอยังเล่าว่าอยู่ด้านในเรือนจำไม่ได้รับข่าวสารอะไรเลย เพราะไม่สามารถดูได้ ยิ่งประเด็นทางการเมืองยิ่งไม่ทราบอะไรได้เลย ทั้งนี้เธอยังแสดงจุดยืนต่อหน้าสื่อว่า “นิรโทษกรรม ดิฉันอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะว่าแฟนดิฉันก็อยู่ต่างประเทศ แก่มากแล้วด้วย อยากให้เขามาอยู่ในประเทศไทยที่เป็นบ้านเกิดของเขา ก็อยากให้มันได้ผล อยากให้มีผลบังคับใช้กับประชาชน ไม่ใช่ว่าอะไรๆ ก็ไม่ได้” และถ่ายรูปกับคนที่มารอรับเธอ พร้อมกับชูสามนิ้ว ทั้งยังบอกอย่างขำๆ ว่า “ไม่อยากยิ้มนะคะ ฟันหลอ ต้องไปทำฟัน” นี่จึงเป็นบรรยากาศที่อบอุ่น ที่เธอได้กลับไปมีชีวิตของตัวเองอีกครั้งหากย้อนกลับไปในปี 2558 ป้าอัญชัญที่รับราชการในหน่วยงานรัฐ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 10 นายบุกเข้าจับกุมตัว และถูกแจ้งข้อหาคดีมาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในช่วงปี 2563 อัญชัญตัดสินใจกลับคำให้การเป็นรับสารภาพ ทำให้ปี 2564 จากที่ศาลอาญาพิพากษาลงโทษจำคุกอัญชัญ 87 ปี ลดโทษเหลือ 29 ปี 174 เดือน (ประมาณ 43 ปี 6 เดือน) ทำให้เธอกลายเป็นผู้ถูกพิพากษาที่จำคุกคดีมาตรา 112 สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น&nbsp;ในช่วงปลายปี 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานจดหมายของเธอที่ถูกส่งออกมาผ่านทนายความว่า “สำหรับป้านะลูก ปี 2567 เป็นปีแห่งความผิดหวัง ป้าคอยอภัยโทษ เขาก็ไม่ให้ พอไม่ได้ออกก็ต้องใช้ชีวิตในเรือนจำที่เสียงดัง ข้าวของแพง จะกินจะนอนก็ลำบาก มีแต่คนเพิ่มขึ้น ๆ ไม่มีคนออก สภาพแวดล้อมมันหดหู่น่ะลูก”&nbsp;และในปีนี้เอง ก่อนเธอจะได้รับอิสรภาพ เธอกล่าวว่า “ป้าอยู่มา ถ้าถึงวันที่ 26 ส.ค. 2568 ก็รวมๆ 3,054 วัน หรือ 8 ปี 4 เดือน 19 วัน คงเพียงพอแล้วกับความผิดที่สุดในชีวิตของป้า เป็นประวัติศาสตร์ของชีวิตเลยค่ะ ชีวิตที่เหลือก็คงไม่มากแล้ว ความเป็นมนุษย์กำลังจะกลับมาแล้ว ด้วยคำว่าอิสรภาพ ชีวิตของป้าจะดำเนินต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือให้ดีที่สุด ยังมีสองมือ สองขา ก็ต้องสู้ต่อไปจนกว่าจะลาโลกนี้”นิรโทษกรรมที่เธออยากให้เกิดขึ้นจริงคืออะไร? นับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2549 ทำให้เกิดคดีทางการเมืองมากมายผ่านการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ โดยสถิติของผู้ถูกดำเนินคดีจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน หากนับเฉพาะมาตรา 112 ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 63-20 ส.ค. 68 มีอย่างน้อย 283 คน ใน 316 คดี โดยแยกเป็นคดีที่มีประชาชนเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษจำนวน 168 คดี คดีที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร้องทุกข์กล่าวโทษจำนวน 11 คดี คดีที่กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร้องทุกข์กล่าวโทษ 9 คดี คดีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไปร้องทุกข์กล่าวโทษ 1 คดี ส่วนที่เหลือเป็นคดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้กล่าวหาเกี่ยวกับการปราศรัยในการชุมนุมจำนวน 60 คดี คดีการแสดงออกอื่นๆ ที่ไม่ใช่การปราศรัย เช่น การติดป้าย พิมพ์หนังสือ หรือ แปะสติ๊กเกอร์ จำนวน 73 คดี คดีที่เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นบนโลกออนไลน์ จำนวน 175 คดี และไม่ทราบสาเหตุ 7 คดี ซึ่งผู้ถูกดำเนินคดีเป็นเด็กและเยาวชน อายุไม่เกิน 18 ปี จำนวน 20 ราย ในจำนวน 24 คดีขอบเขตการถูกดำเนินคดีนั้นแผ่ขยายไปค่อนข้างกว้างขวาง ดังนั้นการผลักดันให้มีนิรโทษกรรมจึงเป็นการเน้นย้ำถึงเสรีภาพในการแสดงออก และมุ่งเน้นไปที่การบังคับใช้กฎหมายให้ตรงจุดกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม กล่าวคือ ดำเนินคดีทางอาญาต่อผู้ที่ฝ่าฝืนกฎหมายตามปกติไม่ใช่ใช้กฎหมายต่างๆ เป็นเครื่องมือทางการเมืองและนอกจากป้าอัญชัญแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ต้องลี้ภัยเพราะคดีทางการเมือง และยังมีคนที่ยังรอวันที่ได้รับอิสรภาพจากข้างในเรือนจำอยู่อีกเช่นกัน&nbsp;อ้างอิง:<a href="https://www.youtube.com/live/3iA4RoZn1aI?si=Dzwkrco5NQrX51RU" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.youtube.com/live/3iA4RoZn1aI?si=Dzwkrco5NQrX51RU </a><a href="https://tlhr2014.com/archives/77744?fbclid=IwY2xjawMbX1JleHRuA2FlbQIxMABicmlkETE4WE5BZGE4V3U1bGRqQ3BuAR7ZA9koc9DyZQ4SGJgQa95cp74vj6HL46wCwnGDs6IJbFBfaUv3bA8Y3bG7aA_aem_N2p4XnZn1rekyweShwnqEw" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://tlhr2014.com/archives/77744?fbclid=IwY2xjawMbX1JleHRuA2FlbQIxMABicmlkETE4WE5BZGE4V3U1bGRqQ3BuAR7ZA9koc9DyZQ4SGJgQa95cp74vj6HL46wCwnGDs6IJbFBfaUv3bA8Y3bG7aA_aem_N2p4XnZn1rekyweShwnqEw </a><a href="https://tlhr2014.com/archives/23983" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://tlhr2014.com/archives/23983 </a><a href="https://www.ilaw.or.th/articles/17321" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.ilaw.or.th/articles/17321 </a>

บน TikTok มีคนเล่นคอนเทนต์ “ไม่แข่งด้วยหรอก คู่แข่ง…” กันอยู่เต็มไปหมด ที่ดูเหมือนสัดส่วนส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่เข้าร่วมเทรนด์ ซึ่งคอนเทนต์นี้ได้กลายเป็นพื้นที่เอาไว้เพื่อ ‘ข่ม’ อีกฝ่าย ทว่ากลับมีหลายคนบอกว่าผ่านมาเห็นแล้วแอบสะดุ้ง! เพราะมันเหมือนคอนเทนต์ที่ดูจะ ‘เสรีบูลลี่’ ไม่ใช่น้อย

“ไม่แข่งด้วยหรอก คู่แข่ง…” อะไรก็ไม่น่าเศร้าเท่าผู้หญิงด้อยค่ากันเอง เมื่อผู้หญิงหลายคนทำคลิปฯ TikTok ‘บูลลี่’ ผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบด้วยเรื่อง ‘รูปลักษณ์’ จนทำให้หลายคนรู้สึกโดนเหมารวม และกลายเป็นการส่งต่ออคติว่า “ผู้หญิงแบบไหนไม่สวย ไม่เริ่ด” ไปโดยปริยาย?

หลังจาก ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยว่าเธอจะได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายกฯ ต่อหรือสิ้นสุดบทบาทนี้ลง อันเนื่องมาจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ซึ่งวันนี้ 29 สิงหาคม 2568 ศาลตัดสินให้เธอ ‘พ้นจากตำแหน่งนายกฯ’  

‘แพทองธาร ชินวัตร’ พ้นตำแหน่งนายกฯ ปมคลิปเสียงละเมิดจริยธรรมร้ายแรง เป็นการเจรจาเพื่อความสัมพันธ์ส่วนตัว 
ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ นำไปสู่คำถาม ควรให้ ‘ศาล’ มีอำนาจตัดสินเหนือ ‘ประชาชน’ หรือไม่?

ปัญญาประดิษฐ์มีอิทธิพลต่อวงการธุรกิจออนไลน์มากขึ้น โดยแบรนด์ต่างๆ เริ่มออกมาไลฟ์สดขายสินค้าด้วยอวตาร AI ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ก่อให้เกิดการถกเถียงออกเป็น 2 ฝั่ง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า การไลฟ์สดด้วย AI เป็นการขายสินค้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ และไม่จริงใจต่อผู้บริโภค ทำให้รู้สึกไว้วางใจในตัวแบรนด์น้อยลง ขณะที่อีกฝั่งตั้งคำถามว่า ทำไมบางคนต้องต่อต้านการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง AI ด้วย?

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS