กลายเป็นประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความปังของเพลง Dream โดย LISA ที่ล่าสุดนี้มียอดวิวพุ่งไปกว่า 18 ล้านวิวทางยูทูบ และเนื่องจากเพลงนี้ได้พระเอกเอ็มวีเป็น Kentaro Sakaguchi นักแสดงหนุ่มหล่อมาแรงชาวญี่ปุ่น จึงทำให้มีคนดูชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาติดตามผลงานชิ้นนี้

ไม่ใช่แค่เรื่องของแอนตี้แฟน แต่คือเรื่องของ Internalized Misogyny เมื่อลิซ่าถูกเกลียดชังเพียงเพราะจ้างนักแสดงชายสุดหล่อมาเล่นเอ็มวี

กลายเป็นประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความปังของเพลง Dream โดย LISA ที่ล่าสุดนี้มียอดวิวพุ่งไปกว่า 18 ล้านวิวทางยูทูบ และเนื่องจากเพลงนี้ได้พระเอกเอ็มวีเป็น Kentaro Sakaguchi นักแสดงหนุ่มหล่อมาแรงชาวญี่ปุ่น จึงทำให้มีคนดูชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเข้ามาติดตามผลงานชิ้นนี้ และมีคนดูกลุ่มหนึ่งที่โจมตีลิซ่าว่าเธอใช้เงินเพื่อสนองนี้ดของตัวเองในการใกล้ชิดกับคนหล่อๆ อีกทั้งหลังจากมีการเผยแพร่ภาพเบื้องหลังการถ่ายทำที่มีฉากแสดงความรักอย่างใกล้ชิด ก็ถึงกับมีคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอคุกคามทางเพศนักแสดงชาย ซึ่งนี่อาจไม่ใช่แค่เรื่องของแอนตี้แฟนที่จ้องแต่จะด่า แต่ยังเกี่ยวข้องกับ Internalized Misogyny หรือความเกลียดชังผู้หญิงในหมู่ผู้หญิงด้วยกันเองด้วย&nbsp;และคำถามต่อมาที่ทำไมผู้หญิงบางส่วนถึงวิจารณ์ลิซ่าในการทำเอ็มวีนี้แรงกว่าผู้ชายเสียอีก (อันที่จริงพวกเขาแทบไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ) ใช่หรือไม่ว่า พวกเธอมีความโกรธบางอย่างแฝงอยู่ข้างในอยู่แล้ว?ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมญี่ปุ่นยังคงผูกติดอยู่กับวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า not all แต่ในบางคนหรือในบางพื้นที่ก็ดูจะเข้มข้นเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากความเจริญรุ่งเรืองของประเทศที่ผ่านมานั้นเกิดขึ้นจากแนวคิดที่กำหนดให้ผู้ชายออกไปทำงานหนักนอกบ้าน ส่วนผู้หญิงก็มีหน้าที่เป็นภรรยาที่ดีและแม่บ้านคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างหลัง ดังนั้นการที่ผู้หญิงจะเป็น ‘ภรรยาที่ดี’ ก็ย่อมมาพร้อมกับการเป็น ‘ผู้หญิงที่ดี’ ตามที่สังคมคาดหวังเสียก่อน วิธีคิดนี้เข้มข้นทั้งในสื่อกระแสหลักและในแต่ละครอบครัวที่หล่อหลอมกันมารุ่นต่อรุ่นนั่นจึงทำให้ผู้หญิงญี่ปุ่นบางคนซึมซับเอาภาพเหล่านี้ไว้ตลอดเส้นทางการเติบโต และอาจรู้สึกโกรธแต่ต้องเก็บไว้ จนอดไม่ได้ที่จะหันมาเกลียดชังผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นไปตามกรอบกำหนดเหล่านั้น อย่างที่พวกเธอเองไม่อาจทำได้ กรณีของลิซ่าอาจเป็นเพียงหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดหากมองไปในวัฒนธรรมไอดอลกระแสหลัก เราจะเห็นว่าไอดอลหญิงมีกรอบกำหนดชัดเจน ว่าพวกเธอควรประพฤติตัวอย่างไรเพื่อจะตอบสนองความคาดหวังของเหล่าแฟนคลับชาย พวกเธอต้องพูดจาน่ารัก ไม่แต่งตัวโป๊เกินงาม ไม่แสดงออกถึงความปรารถนาในตัวผู้ชาย ไม่แสดงด้านที่เฟียร์สหรือไม่น่ารัก ซึ่งน่าเสียดายที่กลายเป็นว่าผู้หญิงบางส่วนก็อยากเห็นภาพเดียวกันนั้น เพราะอยากเห็นผู้หญิงที่พึงประสงค์ในสังคม&nbsp;หรือหากดูจากในอุตสาหกรรมหนัง AV ที่เฟื่องฟูมากในญี่ปุ่น เราก็จะเห็นหนึ่งในพล็อตเรื่องยอดนิยมที่ว่าด้วยแม่บ้านญี่ปุ่นที่เก็บซ่อนแรงปรารถนาภายในตัวเองเอาไว้ จนวันหนึ่งต้องได้รับการปลดปล่อยจากชายแปลกหน้าที่เข้ามาในบ้าน และแม้แต่การทำท่าทีปฏิเสธของพวกเธอก็กลายเป็นเพียงฉากบังหน้าไม่ให้คนอื่นรู้ว่าจริงๆ แล้วพวกเธอต้องการอะไร แต่สุดท้ายพวกเธอก็ดูสุขสมกับเซ็กซ์นั้นๆ เสมอ (ซึ่งในข้อนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนว่าในสังคมญี่ปุ่นมีคนที่จำเป็นต้องเก็บซ่อนความปรารถนาของตัวเองจริงๆ แต่มันยังมาพร้อมการเสนอภาพที่อาจคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงว่าการบอกว่า “ไม่” แปลว่า “อยาก” ซึ่งอาจนำไปสู่วัฒนธรรมการข่มขืนได้)อย่างไรก็ตาม แนวคิดที่กดทับผู้หญิงในนามความก้าวหน้าของประเทศ ส่งผลต่อผู้หญิงจำนวนมาก ทั้งผู้หญิงที่เลือกใช้ชีวิตตามกรอบนั้นๆ ไปแล้วโดยอาจต้องละทิ้งความปรารถนาบางประการของตัวเองไป และผู้หญิงคนอื่นที่ถูกเกลียดชังเพียงเพราะเลือกใช้ชีวิตแบบอื่นๆ หรือใช้ความปรารถนาของตัวเองนำชีวิต ซึ่งการจะรื้อความคิดเหล่านี้ออกจากผู้คนย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องอาศัยเวลายาวนานพอดูอย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับมาที่เอ็มวีเพลง Dream ของลิซ่า แม้จะมีดราม่าจากคนที่ไม่ชื่นชอบอยู่บ้าง แต่ขณะเดียวกัน นี่ก็นับว่าเป็นอีกครั้ง (เช่นเดียวกับที่ผู้หญิงญี่ปุ่นหลายต่อหลายคนเคยทำมาก่อนนักต่อนักแล้ว) ที่สื่อกระแสหลักได้เปิดพื้นที่ให้กับภาพลักษณ์ผู้หญิงแบบอื่นๆ ให้ถูกมองเห็นเป็นวงกว้างในญี่ปุ่น และเชื่อว่าจะทำให้หลายคนมองเห็นความเป็นไปได้อื่นๆ นอกจากการเป็นผู้หญิงตามกรอบเดิมๆ&nbsp;อ้างอิง<a href="https://kbizoom.com/lisa-dream-short-film-controversy/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://kbizoom.com/lisa-dream-short-film-controversy/</a> &nbsp;

บน TikTok มีคนเล่นคอนเทนต์ “ไม่แข่งด้วยหรอก คู่แข่ง…” กันอยู่เต็มไปหมด ที่ดูเหมือนสัดส่วนส่วนมากจะเป็นผู้หญิงที่เข้าร่วมเทรนด์ ซึ่งคอนเทนต์นี้ได้กลายเป็นพื้นที่เอาไว้เพื่อ ‘ข่ม’ อีกฝ่าย ทว่ากลับมีหลายคนบอกว่าผ่านมาเห็นแล้วแอบสะดุ้ง! เพราะมันเหมือนคอนเทนต์ที่ดูจะ ‘เสรีบูลลี่’ ไม่ใช่น้อย

“ไม่แข่งด้วยหรอก คู่แข่ง…” อะไรก็ไม่น่าเศร้าเท่าผู้หญิงด้อยค่ากันเอง เมื่อผู้หญิงหลายคนทำคลิปฯ TikTok ‘บูลลี่’ ผู้หญิงที่ตัวเองไม่ชอบด้วยเรื่อง ‘รูปลักษณ์’ จนทำให้หลายคนรู้สึกโดนเหมารวม และกลายเป็นการส่งต่ออคติว่า “ผู้หญิงแบบไหนไม่สวย ไม่เริ่ด” ไปโดยปริยาย?

งานจับคู่โดยป้าหวัง คือกิจกรรมที่จัดขึ้นในสวนแห่งเมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน ให้คนได้ลุ้นกันแบบเรียลไทม์ เห็นตัวคนกันจริงๆ ซึ่งมีคนดูแน่นเต็มพื้นที่ทุกครั้ง

‘งานจับคู่โดยป้าหวัง’ จัดสดในสวนโดยแม่สื่อสายฮา ที่เปิดโอกาสให้เหล่าคนโสดชาวจีนมาชูสกันสดๆ บนเวที จนมีคนดู 7 พันล้านวิว

ปัญญาประดิษฐ์มีอิทธิพลต่อวงการธุรกิจออนไลน์มากขึ้น โดยแบรนด์ต่างๆ เริ่มออกมาไลฟ์สดขายสินค้าด้วยอวตาร AI ผ่านแพลตฟอร์ม TikTok ก่อให้เกิดการถกเถียงออกเป็น 2 ฝั่ง ผู้ชมส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่า การไลฟ์สดด้วย AI เป็นการขายสินค้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ และไม่จริงใจต่อผู้บริโภค ทำให้รู้สึกไว้วางใจในตัวแบรนด์น้อยลง ขณะที่อีกฝั่งตั้งคำถามว่า ทำไมบางคนต้องต่อต้านการใช้เทคโนโลยีใหม่อย่าง AI ด้วย?

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS