พรรค Sanseito กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ต้องจับตา ด้วยนโยบาย Japanese First โดยพรรคนี้ก่อตั้งขึ้นทางออนไลน์เมื่อปี 2020 โดยนาย Sōhei Kamiya ที่เริ่มต้นจากการทำช่องยูทูบบอกเล่าถึงทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านวัคซีนโควิด

Sanseito พรรคอนุรักษนิยมที่กำลังมาแรงในญี่ปุ่น ด้วยความเชื่อว่าทางรอดของประเทศคือ ‘ชาตินิยม’ และให้ผู้หญิงกลับไปเป็นแม่บ้าน

นับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ที่พรรคอนุรักษนิยมชนะการเลือกตั้ง ซึ่งสะท้อนถึงการ ‘หันขวา’ ของประเทศนั้นๆ เมื่อคนส่วนใหญ่มองว่าทางรอดของประเทศคือแนวคิดชาตินิยมและการปฏิเสธสิ่งที่เป็นอื่นออกไปเสีย พร้อมกับทำให้คนกลับสู่ขนบเดิมๆ ที่เคยทำให้ประเทศรุ่งเรืองมาในยุคเก่าก่อน และดูเหมือนว่า ญี่ปุ่น อาจกำลังจะเป็นอีกประเทศหนึ่งในฝั่งเอเชียที่หันขวา&nbsp;สิ่งที่ทำให้หลายคนเชื่ออย่างนั้นก็คือความนิยมที่พุ่งสูงของพรรคอนุรักษนิยมเกิดใหม่อย่าง Sanseito&nbsp;โดยจากการเลือกตั้งสภาสูงเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา พรรค Sanseito ได้ที่นั่งในสภาไปกว่า 14 ที่นั่ง จากที่เมื่อ 4 ปีก่อนได้เพียง 1 ที่นั่ง ขณะที่พรรค LDP แม้จะได้เป็นรัฐบาลต่อแต่ก็นับว่าสูญเสียเสียงข้างมาก เพราะชาวญี่ปุ่นหลายคนมองว่านายกรัฐมนตรี Shigeru Ichiba มีนโยบายที่ไม่แข็งกร้าวพอโดยเฉพาะกับประเทศจีนSanseito จึงกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงที่ต้องจับตา พรรคนี้ก่อตั้งขึ้นทางออนไลน์เมื่อปี 2020 โดยนาย Sōhei Kamiya ที่เริ่มต้นจากการทำช่องยูทูบบอกเล่าถึงทฤษฎีสมคบคิดต่อต้านวัคซีนโควิด จากนั้นก็ขยายเรื่องเล่าไปสู่เรื่องการรวมตัวลับๆ ของบุคคลชั้นสูงระดับโลก และการโปรโมทแนวคิดชาตินิยมที่ชี้ว่าคนต่างชาติกำลังเข้ามาบั่นทอนประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เน้นการท่องเที่ยวราคาประหยัดแต่ทำลายความเป็นระเบียบเรียบร้อยของญี่ปุ่น จนถึงแรงงานต่างชาติและผู้อพยพที่มีแนวโน้มก่ออาชญากรรมในญี่ปุ่น&nbsp;พรรค Sanseito ชูนโยบายหลักคือ Japanese First ที่ให้ความสำคัญกับการทำให้ญี่ปุ่นกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งและให้ความสำคัญกับชนชาติญี่ปุ่นก่อนใครอื่น (ซึ่งก็คือวิธีคิดแบบเดียวกับ Make America Great Again ของทรัมป์) โดยจากผลสำรวจก็พบว่าพรรค Senseito ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ผู้ชายวัย 18-30 ปี นั่นเพราะอีกหนึ่งแนวคิดที่นาย Kamiya เสนอก็คือการปฏิเสธการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศ&nbsp;Kamiya ต้องการให้ผู้หญิงหันกลับไปสู่บทบาททางเพศแบบดั้งเดิม นั่นคือการแต่งงาน เป็นแม่บ้าน และมีลูก เพื่อสร้างบุคลากรในประเทศและอุดรอยรั่วของสังคมผู้สูงอายุที่เป็นเหมือนระเบิดเวลาของญี่ปุ่น ขณะที่ผู้ชายก็ต้องเป็นฝ่ายทำงานเพื่อผลักดันประเทศไปข้างหน้า เขาเชื่อว่าการกลับไปสร้างครอบครัวตามขนบเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้ญี่ปุ่นกลับมาเจริญก้าวหน้าและสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากจากสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยลงไปได้อย่างไรก็ตาม มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงเนื้อหาที่พรรคนำเสนอ ว่าเต็มไปด้วยความเกลียดกลัวคนต่างชาติ (Xenophobic) และเลือกปฏิบัติ ดังนั้นหลังการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นาย Kamiya ก็ตั้งใจจะใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงในประเด็นเปราะบางต่างๆ นั่นก็เพื่อดึงให้ผู้หญิงหันมาเลือกพรรคของเขาเพิ่มขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดแล้วพรรคของเขาจะสามารถก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไปอ้างอิง<a href="https://www.japantimes.co.jp/commentary/2025/07/21/japan/conservatives-election-win/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.japantimes.co.jp/commentary/2025/07/21/japan/conservatives-election-win/</a> &nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/2025/07/21/asia/how-did-a-far-right-party-that-began-on-youtube-win-big-in-japans-recent-election" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2025/07/21/asia/how-did-a-far-right-party-that-began-on-youtube-win-big-in-japans-recent-election</a>&nbsp;<a href="https://theconversation.com/rightwing-populist-sanseito-party-shakes-japan-with-election-surge-261303" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://theconversation.com/rightwing-populist-sanseito-party-shakes-japan-with-election-surge-261303</a> &nbsp;

ท่ามกลางวิกฤติศรัทธาในแวดวงศาสนาและตัวผู้เผยแผ่ศาสนาที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเรา อีกฟากฝั่งของโลกอย่างประเทศบราซิล ดูเหมือนว่าศาสนาก็กำลังพยายามปรับตัวเข้าหาคนเช่นกัน เมื่อซิสเตอร์ Marizele Rego วัย 46 และซิสเตอร์ Marisa Neves วัย 41 กลายเป็น 2 แม่ชีอินฟลูฯ ที่น่าจะดังที่สุดเวลานี้ จากการที่ทั้งคู่นำคำสอนของคริสต์นิกายคาธอลิกมาเล่าใหม่แบบมันๆ ผ่านจังหวะบีตบ็อกซ์และเบรคแดนซ์ สร้างความคึกคักให้กับชุมชนคาธอลิกในบราซิลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน 

แก๊งแม่ชีสายแร็ป-ขาแดนซ์ในบราซิล
ที่กลายเป็น ‘อินฟลูฯ คาธอลิก’ ผู้ทำให้ศาสนาเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้แบบโคตรมันและเป็นมิตร

‘คลินิกไม่อยากไปทำงาน’ (Dislike Going to Work Clinic) มีเป้าหมายเพื่อบำบัดความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน โดยตั้งใจออกแบบชื่อคลินิกให้เป็นมิตรและเข้าถึงง่าย เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาไม่รู้สึกกดดัน อับอาย และถูกสังคมรอบข้างตีตราจากการรักษาทางจิตเวช

‘Dislike Going to Work Clinic’ รพ.จีนเปิด ‘คลินิกไม่อยากไปทำงาน’ รับมือความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า เมื่อการเป็นผู้ใหญ่ทำให้หลายคนรู้สึกหมดแพสชัน เหนื่อยล้า และมองไม่เห็นคุณค่าในการทำงาน

“เป็นเวลากว่า 61 ปีค่ะ ที่ฉันต้องใช้ชีวิตในฐานะอาชญากร” คุณยายชเว มัลจา (Choi Mal-ja) วัย 78 ปีกล่าว โดยเธอเคยถูกตัดสินให้มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บเมื่อปี 1964 ตอนที่เธออายุ 18 ปี หลังจากที่เธอกัดลิ้นชายคนที่พยายามข่มขืนเธอจนลิ้นขาด

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS