บ่อยครั้งที่คนเป็น ‘เมียหลวง’ เลือกใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงอีกคนของสามีหรือชายคนรัก ตบ ตี ถ่ายคลิปรุมทำร้าย สาดน้ำกรด ฯลฯ ซึ่งสร้างบาดแผลหรือกระทั่งทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตของอีกฝ่าย ไม่ว่าเธอคนนั้นจะอยู่ในสถานะเมียน้อยหรือคนทำที่งานบริการทางเพศ

‘เมียหลวง’ กับการเลือกใช้ความรุนแรง จากความรู้สึกถูกแย่งชิงสิ่งสำคัญ และไม่ทันตระหนักถึงทางเลือกอื่นๆ ในการจัดการปัญหา

หลายคนน่าจะได้เห็นข่าวเมียหลวงท่านหนึ่งที่กำลังอุ้มท้อง 7 เดือน บุกเข้าไปทำร้ายร่างกายผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเอนเตอร์เทนจนเสียชีวิต หลังพบว่าสามีตัวเองอยู่กับผู้หญิงคนดังกล่าว และหากย้อนไปก่อนหน้านั้น เราก็น่าจะจดจำได้ถึงอีกหลายๆ ข่าว ที่คนเป็น ‘เมียหลวง’ เลือกใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงอีกคนของสามีหรือชายคนรัก ตบ ตี ถ่ายคลิปรุมทำร้าย สาดน้ำกรด ฯลฯ ซึ่งสร้างบาดแผลหรือกระทั่งทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตของอีกฝ่าย ไม่ว่าเธอคนนั้นจะอยู่ในสถานะเมียน้อยหรือคนทำที่งานบริการทางเพศ&nbsp;สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงในละคร แต่หลายครั้งมันก็ไม่ต่างจากละครที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เมื่อหลายคนถือเอา ‘ความสะใจ’ ของตัวเองเข้าว่า รวมถึงยึดมั่นในความเชื่อที่ว่า เมียหลวงคือผู้ถูกกระทำ ดังนั้นจึงมีสิทธิจะเอาคืนอย่างไรก็ได้และขณะที่สังคมส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันแล้วว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางแก้ปัญหา แต่ดูเหมือนเมื่อสถานการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นตรงหน้า หลายๆ คนก็ถูกความหึงหวงและความรู้สึกถูกแย่งชิงสิ่งสำคัญเข้ามาบังตา จนทำให้มองไม่เห็นหรือไม่ทันได้ตระหนักถึงทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถจัดการปัญหาตรงหน้าได้อย่างตรงจุดและยั่งยืนกว่า ทั้งที่จริงแล้ว ความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจจำเป็นต้องอาศัยการจัดการหลายๆ ข้อ มากกว่าการใช้ความเป็นเหยื่อของตัวเองมาอ้างสิทธิในการคุกคามหรือทำร้ายคนอื่นๆ&nbsp;ทีนี้แล้ว เราลองมาดูกันสักหน่อยว่าเมื่อถูกคนรักนอกใจ เรายังมีทางเลือกอื่นๆ ในการจัดการปัญหานี้ยังไงบ้าง1. ตระหนักถึงสิทธิทางกฎหมายของตัวเองก่อน: สิ่งแรกที่ต้องตระหนักเลยคือต่อให้อีกฝ่ายจะทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดอย่างไร เราก็ไม่มีสิทธิในการทำร้ายร่างกายหรือละเมิดสิทธิของเขา ดังนั้นเมื่อเผชิญการถูกนอกใจ การตรวจสอบสิทธิของตัวเองว่าสามารถจัดการอย่างไรได้บ้างจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นในกรณีของคู่สมรส แน่นอนว่าเราสามารถฟ้องร้องทั้งคู่สมรสของเราเองและคนที่เข้ามาเป็นชู้ได้ แต่อย่างไรก็ควรตรวจสอบให้แน่ชัด ว่ากระบวนการเป็นอย่างไร แล้วเราจะสามารถหาข้อพิสูจน์อย่างไรได้บ้าง และสิ่งที่เกิดขึ้นเข้าข่ายการเป็นชู้มากน้อยแค่ไหน หรือหากไม่มีทะเบียนสมรส นอกจากวิธีการทางกฎหมายแล้วเราก็อาจต้องไปว่ากันต่อที่ทางเลือกอื่นๆ&nbsp;2. สื่อสารและจัดการที่ตัวต้นเหตุ: หลายครั้งทีเดียว ที่เหตุการณ์ทำนองนี้จะเกิดขึ้นในรูปแบบการตบตีแย่งชิงของผู้หญิงด้วยกัน ขณะที่ผู้ชายลอยตัวโดยปริยาย และแม้ฝ่ายแรกจะสามารถทวงคืนคนรักกลับมาได้ ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้นการสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคู่อาจเลือกการให้อภัยและสร้างข้อตกลงกันใหม่ แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า3. ขยายมุมมองที่มีต่อผู้หญิงอีกคน: การเกลียดชังผู้หญิงอีกคนอาจเป็นผลมาจาก Internalized Misogyny ที่ทำให้เรารู้สึกว่าผู้หญิงอีกคนเป็นศัตรูหรือภัยคุกคามโดยไม่รู้ตัว และยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น ความโกรธก็ยิ่งพัฒนาเป็นความเกลียดชังได้ง่ายๆ ดังนั้นการลองขยายมุมมองที่มีต่อผู้หญิงอีกคนอาจช่วยบรรเทาความรุนแรงทางความรู้สึกได้ เมื่อเธอคนนั้นก็อาจเป็นเหยื่อเหมือนกัน ถูกหลอกลวง หรือถูกกล่อมด้วยคำหวานไม่ต่างกัน บางกรณีผู้หญิงอีกคนไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ากำลังอยู่ในสถานะมือที่สาม บางคนอาจแค่ประกอบอาชีพของตัวเอง ซึ่งนับว่าไม่ยุติธรรมหากพวกเธอต้องกลายเป็นฝ่ายที่รองรับความโกรธอยู่คนเดียว และที่ต้องรีมาร์กเอาไว้ก็คือ ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ใช่เหยื่อ หรือรู้อยู่แก่ใจว่ามีเราอีกคน ก็ไม่ได้แปลว่าเรามีสิทธิทำร้ายร่างกายพวกเธออยู่ดี4. หาพื้นที่ปลอดภัยในการเยียวยาจิตใจตัวเอง: ความรุนแรงอาจทำให้รู้สึกสะใจเพียงชั่วครู่ แต่ไม่อาจเยียวยาจิตใจที่เจ็บปวดได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นการปรึกษากับเพื่อนที่พร้อมเข้าใจและไม่ตัดสิน หรือกระทั่งการพบเธอราพิสต์หรือจิตแพทย์ ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เรากลับมาโอเคขึ้นได้ เช่นเดียวกับการมองหาพื้นที่ปลอดภัยอื่นๆ เช่นชุมชนออนไลน์สำหรับการแบ่งปันปัญหาและความรู้สึกอย่างเฮลตี้ ก็เป็นอีกทางเลือกเช่นกัน5. เรียกคืนคุณค่าและความมั่นใจในตัวเอง: หลายคนถูกกล่าวโทษว่าไม่ดีพอ ผู้ชายถึงนอกใจ จนต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองเป็นคนอื่น หลายคนถูก gaslight จนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า บกพร่องในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเรื่องเซ็กซ์หรือเรื่องบทบาทการเป็นแฟนหรือเป็นภรรยา จนพาลรู้สึกอยากทำร้ายคนที่แฟนเราเห็นว่า ‘ดีกว่า’ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากความเห็นแก่ตัวของอีกฝ่าย และการจัดการที่ดีที่สุดก็อาจเป็นการกลับมาโอบกอดตัวเอง เรียกคืนคุณค่าและความมั่นใจในตัวเอง ทำสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ให้เกิดขึ้นกับตัวเองแม้จะเริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม เหล่านี้อาจเรียกคืนความมั่นใจของเรากลับมาได้ มากกว่าการตบ!6. รู้เท่าทันสื่อและโซเชียลมีเดีย: หลายครั้งที่ความรุนแรงถูกทำให้กลายเป็นเรื่องปกติ ด้วยภาพความสะใจที่เห็นในละคร หรือกระทั่งแรงเชียร์จากคนในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อกล่อมให้คนดูเชื่อว่าเราใช้ความรุนแรงได้สิ ในเมื่อเราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ดังนั้นเราจึงอาจต้องรู้เท่าทันก่อนว่ามวลเหล่านั้นล้วนขับเคลื่อนด้วย ‘อารมณ์’ และเกิดขึ้นเพื่อเรียกความสนใจ ยอดวิว ยอดไลค์ มันคือสิ่งที่ถูกเสิร์ฟออกมา และเราเลือกรับได้ ไม่ใช่มาตรฐานที่ต้องยึดมั่นในชีวิต&nbsp;ที่สำคัญ 'สื่อ' เองก็จำเป็นต้องทบทวนวิธีการนำเสนอของตัวเองด้วยเช่นกัน

“เธอโยกอยู่ในฟลอร์ ซ้าย ขวา ซ้าย เธออยากโดน ‘เซ็ตหย่อ’ หันหลังมา” ท่อนไวรัลที่เต้นกันม่วนๆ กับเพลง ‘CHI MI’ จาก YOUNGGU ฟีเจอริ่งกับ GUNNER ที่ฟังผ่านๆ ก็ดูเป็นเพลงจังหวะสนุก แต่ปัญหาที่น่าพูดถึงไม่น้อยคือการที่มี ‘ภาษาคุก’ ปรากฏอยู่อย่างคำว่า ‘เซ็ตหย่อ’ ซึ่งแฝงไปด้วยความรุนแรงทางเพศที่ LGBTQ+ รวมถึงผู้ชายในคุกต้องเผชิญ

คนทั่วไปอาจขำๆ แต่คนเคยโดนอาจไม่ตลก เมื่อ “เซ็ตหย่อ” / “หนมน้า” ภาษาคุกที่แฝงด้วยความรุนแรงทางเพศ ยังถูกใช้อย่างสนุกปาก แถมปรากฏในเพลงไวรัลที่เด็กๆ ก็ร้องกัน

Manosphere มาจาก Man และ Sphere มีความหมายตรงตัวว่ามันคือพื้นที่สำหรับผู้ชายในการแชร์มุมมอง ทัศนคติ และความเชื่อในแบบของพวกเขาและแม้จะเกลียดคำว่า woke แต่เหล่าสมาชิก Manosphere ก็ใช้คอนเซปต์เรื่องการ ‘ตื่นรู้’ มาเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม

Manosphere : อาณาจักรออนไลน์ของผู้ชายที่เกลียดชังผู้หญิง และเชื่อว่าตัวเอง 
‘ตื่นรู้’ ถึงความเป็นจริงกว่าชาวโลก

นี่คือภารกิจทะยานสู่อวกาศในรอบ 60 ปี ซึ่ง ‘ผู้หญิง’ ได้ขึ้นยานอวกาศไปพร้อมกันในฐานะทีมลูกเรือหญิงล้วน ที่บริษัทอวกาศ Blue Origin ได้แท็กทีมรวมตัวผู้หญิง 6 ชีวิต 6 อาชีพ 6 วิสัยทัศน์ แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างดุเดือดว่า นี่ไม่ใช่การพื้นที่ให้ผู้หญิงจริงๆ แต่เป็นการโฆษณาเชิงพาณิชย์

สัญลักษณ์เพื่อผู้หญิงในอนาคต หรือ ‘เฟมินิสม์ปลอม’ เชิงพาณิชย์? Blue Origin ภารกิจลูกเรือหญิงล้วน กับการถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียงการตลาด ทั้งที่เงินก้อนนั้น
สามารถช่วยผู้หญิงและคนชายขอบได้อีกหลายชีวิต

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS