เราพอทราบกันอยู่แล้วว่ารัฐจีนต้องการกลืนชาติ ‘อุยกูร์’ เพื่อสร้างจีนเดียวที่ทุกคนมีความคิดความเชื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน และจีนก็ยังมีอีกวิธีการกลืนชาติอุยกูร์ซึ่งมุ่งเป้ามาที่ผู้หญิงโดยตรง 

ผู้หญิงชาวอุยกูร์ถูกบังคับให้ทำแท้ง ทำหมัน หรือต้องแต่งงานกับชายชาวจีน เพื่อหยุดยั้งการสืบสายเลือดชาวอุยกูร์

เราพอทราบกันอยู่แล้วว่ารัฐจีนต้องการกลืนชาติ ‘อุยกูร์’ เพื่อสร้างจีนเดียวที่ทุกคนมีความคิดความเชื่อเป็นหนึ่งเดียวกัน และนั่นจึงทำให้วัฒนธรรมความเชื่อของชาวอุยกูร์ที่นับถือศาสนาอิสลามกลายเป็นปัญหาสำหรับรัฐเผด็จการคอมมิวนิสต์อย่างจีน&nbsp;ชาวอุยกูร์&nbsp;คือกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในแถบซินเจียงในพื้นที่ประเทศจีน โดยทางการจีนประกาศว่าชาวอุยกูร์เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีแนวคิดแบ่งแยกดินแดนอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ทั้งยังเป็นพวกมุสลิมหัวรุนแรง ที่จำต้องถูก ‘ปรับทัศนคติ’ เพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของจีนอย่างหมดจด&nbsp;และภายใต้การปรับทัศนคติที่ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการกดขี่ ทั้งบังคับใช้แรงงาน ทำลายพื้นที่ทางศาสนา บังคับให้ละทิ้งวัฒนธรรมและภาษาดั้งเดิมของตน และมีการสร้างสถานที่กักกันเพื่อลงโทษอย่างรุนแรงซึ่งหลายคนก็ถูกลงโทษจนถึงแก่ชีวิต ซึ่งหลายคนมองว่าการกระทำอันโหดร้ายเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และจีนก็ยังมีอีกวิธีการกลืนชาติอุยกูร์ซึ่งมุ่งเป้ามาที่ผู้หญิงโดยตรง นั่นคือการบังคับให้ผู้หญิงอุยกูร์ที่แต่งงานแล้วทำหมันหรือทำแท้ง เพื่อไม่ให้สืบลูกสืบหลาน จนส่งผลให้อัตราการเกิดของเด็กชาวอุยกูร์ลดลงถึง 24% นับตั้งแต่ในปี 2019&nbsp;ขณะที่ผู้หญิงอุยกูร์อีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้แต่งงาน ก็ต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับชายชาวจีนเชื้อสายฮั่นที่ถูกส่งไปอยู่ในแถบซินเจียง ภายใต้นโยบายส่งเสริมการแต่งงานข้ามชาติพันธุ์ของรัฐบาลจีน เพื่อให้พวกเธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจีน และลูกที่เกิดมาก็จะไม่ถูกนับว่าเป็นชาวอุยกูร์อีกต่อไป&nbsp;มีรายงานจาก Uyghur Human Rights Project ว่าในทางปฏิบัติ การแต่งงานเหล่านี้แทบไม่ได้เกิดจากความรัก แต่มีที่มาจากการใช้ความรุนแรงทางเพศ แบล็กเมล จนถึงการใช้อำนาจเข้าบังคับ โดยผู้หญิงที่ปฏิเสธการเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการแต่งงานข้ามชาติพันธุ์ ก็มีสิทธิที่พวกเธอรวมถึงครอบครัวจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง หรือบางคนก็ได้รับข้อเสนอให้ยอมแต่งงานเพื่อแลกกับการปล่อยคนในครอบครัวจากค่ายกักกันส่วนผู้หญิงชาวอุยกูร์ที่แต่งงานแล้ว แต่สามีถูกส่งเข้าค่ายกักกัน ทางการจีนก็จะส่งชายชาวจีนเชื้อสายฮั่นเข้ามาอยู่ในบ้านกับพวกเธอแทน โดยมีรายงานจาก The Diplomat ที่ระบุว่าทางการจีนใช้พร็อพอะกันด้าเกี่ยวกับ ‘ความสวย’ ของผู้หญิงชาวอุยกูร์ เพื่อดึงดูดให้ชายชาวจีนอยากได้พวกเธอมาเป็นภรรยาภายใต้การกดขี่ของรัฐและความพยายามที่จะทำลายเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์ ผู้หญิงเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ต้องเผชิญความเจ็บปวดหนักหนาสาหัส และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การ “ส่งชาวอุยกูร์กลับบ้าน” นั้นไม่ได้มีความใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่รอพวกเขาอยู่เลย เพราะที่นั่นไม่อาจนับว่าเป็นบ้านได้อย่างแท้จริง แต่สำหรับหลายคน มันคือนรก และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับรัฐไทยที่ตัดสินใจส่งชาวอุยกูร์กลับสู่เงื้อมมือรัฐจีน เราหลายๆ คนก็น่าจะได้เห็นกันแล้วอ้างอิง<a href="https://thediplomat.com/2022/12/uyghur-women-and-forced-marriages-in-china/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://thediplomat.com/2022/12/uyghur-women-and-forced-marriages-in-china/</a> &nbsp;<a href="https://thecfhk.org/raise-your-voice-for-uyghur-women/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://thecfhk.org/raise-your-voice-for-uyghur-women/</a> &nbsp;<a href="https://foreignpolicy.com/2021/03/12/uyghur-women-are-chinas-victims-and-resistance/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://foreignpolicy.com/2021/03/12/uyghur-women-are-chinas-victims-and-resistance/</a>&nbsp;

แบมแบม-ชนิสรา หน่ายมี คือนักเขียนสาวผู้มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว ทำให้เดินลำบาก เจ้าของคอลัมน์ ‘Mental Life by Chanisara’ แห่ง แสนสิริ ซึ่งเป็นหนึ่งคนที่ใช้ชีวิตโดยเชื่อในพลังของตัวเอง แม้เธอจะเคยถูกปฏิเสธงานมามากเพราะความพิการ

‘แบมแบม-ชนิสรา หน่ายมี’ นักเขียนเจ้าของคอลัมน์ Mental Life by Chanisara แห่ง แสนสิริ ผู้มีข้อจำกัดทางการเคลื่อนไหว ซึ่งอยากผลักดันให้ผู้พิการทุกคนได้ทำทุก ‘อาชีพ’ ที่รัก

นักแสดงสาว ‘คิมแซรน’ ได้จบชีวิตตัวเองลงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุใหญ่อาจไม่ใช่เพียงเพราะการที่เธอถูกสังคมประนามเรื่องเมาแล้วขับ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเธอกับนักแสดงหนุ่ม ‘คิมซูฮยอน’ ด้วย

แม่ของคิมแซรน บอกเล่าเหตุผลที่ต้องออกมาเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของลูกสาวผู้ล่วงลับกับนักแสดงชายคิมซูฮยอนว่าเป็นเรื่องจริง

มีรายงานจากองค์การสหประชาชาติว่าประเทศอิหร่านกำลังเดินหน้าใช้ทุกวิถีทางเพื่อตรวจจับผู้หญิงที่ไม่ยอมแต่งกายตามที่รัฐอิสลามกำหนด นั่นคือต้องสวมฮิญาบเพื่อปิดบังใบหน้าและเส้นผม ทั้งยังห้ามเปิดเผยส่วนต่างๆ ของร่างกายรวมถึงแขนและขา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS