สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เริ่มจากที่ผู้ต้องหาคือนายสุวรรณพานางสาวรุจิราผู้เป็นภรรยาไปส่งโรงพยาบาล โดยอ้างว่าเธอลื่นล้มในห้องน้ำ แต่ด้วยบาดแผลฟกช้ำบนร่างกาย ทำให้ทางโรงพยาบาลเอะใจและติดต่อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบจับกุม

ผู้หญิงมีชู้ จึงสมควรถูกฆ่า? อีกหนึ่งคดีฆาตกรรม ที่สะท้อนว่าสังคมส่วนหนึ่งยังเชื่อว่าการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงที่นอกใจนั้นเป็นเรื่องสมควรหรือเข้าใจได้

จากข่าวล่าสุดเกี่ยวกับกรณีที่ชายคนหนึ่งฆาตกรรมหญิงคนรักของตัวเอง ซึ่งกลายเป็นประเด็นจนที่ออกรายการโหนกระแส และเกิดเป็นข้อถกเถียงย่อมๆ ทางไลฟ์แชต ระหว่างฝั่งที่ส่วนใหญ่คือผู้หญิง กับอีกฝั่งที่ส่วนใหญ่คือผู้ชาย โดยฝั่งที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายแสดงความคิดเห็นในทำนองว่า “การที่ผู้หญิงเป็นฝ่ายมีคนอื่น ก็นับว่าเข้าใจได้ หรือสมควรแล้วที่ฝ่ายชายจะบันดาลโทสะแล้วลงมือฆ่า” ขณะที่อีกฝั่งยืนยันว่า “ไม่ว่าฝ่ายหญิงจะทำผิดหรือไม่ อย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องสมควรที่เธอจะต้องถูกฆาตกรรม” สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เริ่มจากที่ผู้ต้องหาคือนายสุวรรณพานางสาวรุจิราผู้เป็นภรรยาไปส่งโรงพยาบาล โดยอ้างว่าเธอลื่นล้มในห้องน้ำ แต่ด้วยบาดแผลฟกช้ำบนร่างกาย ทำให้ทางโรงพยาบาลเอะใจและติดต่อหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบจับกุม และจากการสอบสอน นายสุวรรณรับสารภาพในภายหลังว่าเป็นคนลงมือฆ่าภรรยาเนื่องจากทะเลาะกันด้วยความหึงหวง โดยเขาเชื่อว่าฝ่ายภรรยากำลังมีความสัมพันธ์กับชายอื่นจากที่มีการรายงานข่าวนี้หลายช่องทาง พบว่ามีหลายคอมเมนต์ที่แสดงความคิดเห็นกล่าวโทษฝั่งผู้เสียชีวิต และเช่นเดียวกับไลฟ์แชตทางโหนกระแส ที่มองว่าแม้การฆาตกรรมจะผิดกฎหมาย แต่เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ผู้ต้องหาจะลงมือใช้ความรุนแรงกับคนที่ทำผิดในความสัมพันธ์ ซึ่งความคิดเห็นเหล่านี้นับว่าน่ากังวลไม่น้อย เพราะที่สุดแล้ว การใช้ความรุนแรงและการฆาตกรรมไม่ควรเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ และความผิดฐานนอกใจนั้นไม่ควรต้องถูกจัดการด้วยความรุนแรง ยังมีทางออกอีกมากมายที่จะจบเรื่องนี้โดยไม่ต้องคร่าชีวิตคน (ซึ่งสำหรับกรณีนี้ยังมีคนตั้งข้อสงสัยต่ออีกว่า ฝ่ายหญิงจริงหรือไม่ เพราะยังเป็นเพียงการให้การจากผู้ต้องหาเพียงฝ่ายเดียว) &nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้นยังมีรายงานข่าวจากทางช่อง 3 ซึ่งทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์คุณ นฤชา กมุทโยธิน ลงพื้นที่ ระบุว่า “นายสุวรรณและ นางสาวรุจินา ก็เข้าไปทะเลาะกันต่อในห้อง เสียงดังจนคนในหอพักต้องโทรศัพท์แจ้งคนดูแลหอเข้ามาเตือน ซึ่งมีคนได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือและร้องขอชีวิตด้วย คนในหอเข้าไปเคาะประตูสอบถาม นายสุวรรณ ตะโกนออกมาว่า เรื่องของผัวเมียไม่ต้องยุ่ง กระทั่งคนในหอมาทราบข่าวอีกทีคือ นางสาวรุจิรา เสียชีวิตแล้ว”เป็นอีกครั้งที่คำว่า “เรื่องของผัวเมีย” ถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำความรุนแรงต่อคนรัก และสิ่งที่น่าสะเทือนใจก็คือ แม้จะมีคนที่อยู่ภายในบริเวณที่เกิดเหตุ และได้ยินเสียงการใช้ความรุนแรง รวมถึงเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากฝ่ายหญิง ทั้งยังพยายามช่วยเหลือ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถมีใครยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้สำเร็จ จนเธอเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรต้องหาคำตอบกันต่อว่าเมื่อมีความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้นซึ่งหน้าอย่างนี้ คนรอบข้างหรือผู้ให้บริการที่พักจะสามารถใช้มาตรการช่วยเหลืออย่างไรได้บ้างและกลับมาที่ความคิดเห็นของคนที่ได้รับรู้เรื่องราวนี้ หลายคนยังแสดงความคิดเห็นว่านี่คือ “เรื่องปกติของสังคมโรงงาน” รวมถึงมองว่าคอมเมนต์ที่กล่าวโทษผู้เสียชีวิตนั้นเป็นความคิดเห็นที่ไม่น่าหยิบเอามาใส่ใจ ไม่ควรต้องให้ค่า ซึ่งในทางหนึ่งก็เท่ากับการละเลยว่าทัศนคติบิดเบี้ยวในสังคมที่อาจเป็นต้นตอขอความรุนแรงนั้นมีอยู่จริง เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าเหล่าคนที่แสดงความคิดเห็นด้วยทัศนคติเหล่านั้น วันหนึ่ง จะมีคนรอบตัวของเขาที่ถูกผลกระทบจากทัศนคติอย่างนี้มากน้อยแค่ไหน และแม้สำหรับบางคนข่าวเหล่านี้จะเป็นข่าวชาวบ้านทั่วไป แต่หากมองดีๆ เราจะพบว่ามีปัญหาระดับสังคมฝังอยู่ในนั้นและรอการแก้ไขอยู่เช่นกัน

นักแสดงสาว ‘คิมแซรน’ ได้จบชีวิตตัวเองลงเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าสาเหตุใหญ่อาจไม่ใช่เพียงเพราะการที่เธอถูกสังคมประนามเรื่องเมาแล้วขับ แต่ยังเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของเธอกับนักแสดงหนุ่ม ‘คิมซูฮยอน’ ด้วย

แม่ของคิมแซรน บอกเล่าเหตุผลที่ต้องออกมาเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์ของลูกสาวผู้ล่วงลับกับนักแสดงชายคิมซูฮยอนว่าเป็นเรื่องจริง

สำหรับประเด็น Life Empowerment เรียกได้ว่าพิเศษมากๆ ที่ Mirror Thailand ได้เชิญนางงาม 4 ท่าน จาก 2 เวทีอันดับต้นของเมืองไทย อย่าง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ มาส่งพลังแห่งเพื่อนหญิงพลังหญิงให้ผู้หญิงทุกคนมีแรงก้าวไปข้างหน้าต่อไป

Life Empowerment ของ ‘มารีญา-ฟ้าใส-อุ้ม-มีนา’ เมื่อจักรวาลและแกรนด์ จับมือส่งต่อพลังหญิง ในงาน Mirror International Women’s Day 2025

ไม่ว่าจะข่าวการส่งชาวกุยอูร์กลับประเทศ หรือความเกรี้ยวกราดของทรัมป์ขณะคุยกับเซเลนสกี หรือเรื่องราวพีคๆ ใดๆ ในช่วงนี้ ก็ไม่อาจทำให้ชาวไทยจำนวนมากตื่นตัวได้เท่ากับเรื่องการเลิกรากับแฟนหนุ่มของ ‘ลำไย ไหทองคำ’

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS