ในช่วงเวลาที่การเดินสายหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไปกำลังใกล้เข้ามา อดีตประธานาธิบดีอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็เรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้อีกรอบ เมื่อเขาเรียกตัวเองว่าเป็น ‘Protector’ หรือผู้ปกป้องผู้หญิงระหว่างการหาเสียงที่รัฐเพนซิเวเนีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

Donald Trump กล่าวในการปราศรัยว่าเขาขอเป็น ‘ผู้ปกป้อง’ ผู้หญิง หากได้รับเลือกเป็นผู้นำคนต่อไป

ในช่วงเวลาที่การเดินสายหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ คนต่อไปกำลังใกล้เข้ามา อดีตประธานาธิบดีอย่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ก็เรียกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้อีกรอบ เมื่อเขาเรียกตัวเองว่าเป็น ‘Protector’ หรือผู้ปกป้องผู้หญิงระหว่างการหาเสียงที่รัฐเพนซิเวเนีย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตอนหนึ่ง ทรัมป์กล่าวถึงประเด็นการทำแท้งอย่างถูกกฎหมายในสหรัฐฯ ระหว่างการปราศรัยว่า ผู้หญิงชาวอเมริกันจะ ‘ไม่นึกถึงการทำแท้งเลย’ หากเลือกเขาได้รับเลือกเป็นผู้นำคนต่อไป“ผมคิดมาเสมอว่าผู้หญิงชอบผมนะ ไม่เคยคิดว่ามีปัญหาอะไรเลย แต่บรรดาข่าวเท็จก็ยังชอบนำเสนอว่าผู้หญิงไม่ชอบผมอยู่นั่นละ ซึ่งผมไม่เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นหรอก” โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างการปราศรัยหาเสียงที่เมืองอินเดียนา รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากนั้นทรัมป์ยังกล่าวอีกว่า ผู้หญิงในสหรัฐฯ ทุกวันนี้ทั้งสิ้นหวัง ไม่มีความสุข ไม่มีความปลอดภัย มีความเป็นอยู่ยากลำบากลงทุกที แถมสุขภาพก็ยังย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ด้วยเมื่อเทียบกับสมัยที่เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้นำ ซึ่งทรัมป์ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าหากเขาได้เป็นประธานาธิบดีคนต่อไป เขาจะแก้ไขทั้งหมดที่ว่านี้เอง และทำให้ ‘ฝันร้ายระดับชาติ’ ของผู้หญิงเหล่านี้จบสิ้นลงอย่างแน่นอน“เพราะผมคือผู้ปกป้องของคุณไงละ ผมอยากปกป้องพวกคุณ และในฐานะประธานาธิบดี ผมมีหน้าที่ต้องปกป้องพวกคุณเอง และผมหวังว่าข่าวเท็จพวกนั้นจะทำอะไรคุณไม่ได้ด้วย”&nbsp;“ผู้หญิงจะมีความสุข มีสุขภาพที่ดี มีความมั่นใจ และเป็นอิสระ” ทรัมป์กล่าวเสริมว่า ผู้หญิงอเมริกันจะไม่ ‘คิดถึงการทำแท้งเลย’ หากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี แถมยังกล่าวพาดพิงถึงฝั่งพรรคเดโมเเครตอีกด้วยว่า พวกเขาเอาแต่พูดเรื่องการทำแท้งอยู่เรื่องเดียว แต่กลับไม่เห็นผลเป็นรูปธรรมอะไรเลยในตลอดหลายปีที่เดโมแครตได้เป็นรัฐบาล &nbsp;“ประเทศก็กำลังย่ำแย่ลง เรากำลังจะจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 อยู่แล้ว และสิ่งที่พวกเขาพูดก็มีอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องการทำแท้ง แต่มันไม่ได้มีผลอะไรเลย เพราะสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ก็ยังเคยเกิดขึ้นมาแล้ว” ทรัมป์กล่าวถึงกรณี Roe v. Wade ที่ศาลฎีกาของสหรัฐฯ พลิกคำตัดสินและทำให้ทุกวันนี้กฎหมายการทำแท้งเสรียังคงไม่เกิดขึ้นจริงเสียทีในประเทศ แม้ว่าจะได้รับการเรียกร้องจากทั้งประชาชน หรือจากนโยบายของฝั่งเดโมแครตเองที่เชียร์เรื่องนี้มาโดยตลอด (ราวกับจะหลงลืมไปว่าในบรรดาศาลที่ตัดสินคว่ำ Roe v. Wade ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่ทรัมป์ส่งเข้าไปนั่นเอง)คำปราศรัยในครั้งนี้ของทรัมป์ อาจเป็นไปได้ว่าตัวเขาเองก็เริ่มหวั่นๆ ต่อผลโพลที่ทยอยออกมาเรื่อยๆ อย่างเช่นล่าสุด ที่ผลสำรวจของ CNN POll เปิดเผยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้วว่า ฝั่งผู้ท้าชิงตำแหน่งอย่างรองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน กมลา แฮร์ริส (Kamala Harris) นั้นค่อนข้างมีนโยบายที่ชัดเจนกว่าในเรื่องกฎหมายการทำแท้งเสรีในสหรัฐฯ ซึ่งความชัดเจนนี้ของแฮร์ริสก็น่าจะทำให้เธอได้รับเสียงโหวตจากผู้สนับสนุนซึ่งเป็นผู้หญิงในประเทศอย่างท่วมท้น ทั้งในระดับชาติและในรัฐที่มักมีคะแนนเสียงสูสี หรือที่เรียกว่า Swing States อิงจากผลสำรวจที่มีผู้สนับสนุนนโยบายเรื่องการทำแท้งและอนามัยเจริญพันธุ์ของแฮร์ริสกว่า 52% ของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง เทียบกับนโยบายฝั่งทรัมป์อยู่ที่ 31% และเสียงส่วนใหญ่ที่พร้อมโหวตให้กมลา แฮร์ริส ยังต่างจากคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของทรัมป์ที่คาดว่าจะยังคงได้จากผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอยู่&nbsp;ถึงแม้ว่าบางผลสำรวจอย่างเช่นโพลในรัฐแอริโซนา โดนัลด์ ทรัมป์ จะมีคะแนนนำมากกว่ากมลา แฮร์ริส แต่ผลสำรวจก็ชี้ว่ากว่า 58% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งบอกว่าพวกเขา ‘ต้องการ’ และ ‘กำลังมองหา’ ผู้นำที่จะเข้ามาผลักดันให้เกิดการทำแท้งอย่างถูกกฎหมายในประเทศเสียที สวนทางกับผู้ไม่เห็นด้วยกับการทำแท้งเสรีที่มีเพียง 35% เท่านั้น&nbsp;นี่อาจเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าชาวอเมริกันยังต้องการให้การทำแท้งถูกกฎหมาย และเป็นความท้าทายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะผู้ชิงตำแหน่งผู้นำจากฝั่งรีพับลิกันที่ถูกมองว่ามีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่งมาโดยตลอดในเรื่องการทำแท้งว่าพวกเขาจะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือคำพูดครั้งนี้ของเขาได้มากน้อยอย่างไร&nbsp;อ้างอิง<a href="https://edition.cnn.com/2024/09/24/politics/donald-trump-women-voters-protector-abortion/index.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2024/09/24/politics/donald-trump-women-voters-protector-abortion/index.html</a>เครดิตภาพ : Bloomberg

มีหลายกรณีที่ชวนให้คนได้ตระหนักถึงกรณีที่ ‘ผู้ชาย’ หรือ ‘เด็กชาย’ ตกเป็นเหยื่อการคุกคามทางเพศจนถึงการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะข่าวลือเรื่อง Justin Bieber ที่ถูก Diddy ล่วงละเมิด ทั้งยังมีการเปิดเผยอีกว่ามีเด็กชายวัย 9 ขวบเคยตกเป็นเหยื่อของ Diddy ด้วยเหมือนกัน ในจังหวะใกล้ๆ กัน ดาราชายฝั่งไทยก็ออกมาเปิดเผยเรื่องที่เคยถูกคุกคามทางเพศ

เมื่อ ‘ผู้ชาย’ ตกเป็นเหยื่อการล่วงละเมิดทางเพศ แต่กำแพงเรื่อง 
‘ความเป็นชาย’ อาจทำให้พวกเขาเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ และอาจ 
‘โทษตัวเอง’ ทั้งที่ไม่ได้ผิด

วันที่ 22 มกราคม 2568 จะเป็นวันแรกในหน้าประวัติศาสตร์ไทยที่ความรักของคู่รัก ‘ทุกเพศ’ จะเท่าเทียมกัน เพราะคนเพศหลากหลายจะ มี ‘สิทธิ’ ครองรักกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย 'สมรสเท่าเทียม'

นับตั้งแต่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป คู่รักเพศหลากหลายในไทย จะมีสิทธิรักกัน
อย่างถูกต้องตามกฎหมาย #สมรสเท่าเทียม

ยิ่งเข้าใกล้โค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ นอกจากการหาเสียงที่ดุเดือดแล้ว การ ‘คอมเมนต์’ พาดพิงถึงบรรดาผู้ท้าชิงตำแหน่งของแต่ละฝั่งก็ดูเหมือนจะไม่ยอมลดราวาศอกด้วยเช่นกัน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Social Issues

Donald Trump กล่าวในการปราศรัยว่าเขาขอเป็น ‘ผู้ปกป้อง’ ผู้หญิง หากได้รับเลือกเป็นผู้นำคนต่อไป

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS