ลูกหลายคนถูกผู้ให้กำเนิดคุกคามทางเพศ หรือหนักจนถึงขั้น ‘ข่มขืน’ มีให้เห็นกันแทบทุกเดือน และปฏิเสธไม่ได้อีกว่า เหยื่อจากข่าวดังกล่าว หลายครั้งก็มักจะเป็น ‘ลูกสาว’ ที่ถูกข่มขืนโดยผู้ชายในบ้าน

จากหลายข่าวในไทย จนถึงเคส Alice Munro เมื่อแม่ไม่อาจปกป้องลูกจากการถูกพ่อข่มขืน ด้วยสาเหตุใหญ่คือ ‘ไม่เชื่อ’ หรือ ‘ไม่ได้รับฟัง’

แม้ว่า ‘บ้าน’ ควรจะเป็นสถานที่ที่ลูกรู้สึกปลอดภัยที่สุด และคนใน ‘ครอบครัว’ ควรจะเป็นคนที่ลูกไว้ใจได้มากที่สุด แต่บางครั้งกลับไม่เป็นเช่นนั้น อย่างที่เรามักเห็นในข่าวทุกวันนี้ ที่ลูกๆ หลายต่อหลายชีวิตถูกทำร้ายร่างกายจากคนในบ้าน กระทั่งลูกหลายคนถูกผู้ให้กำเนิดคุกคามทางเพศ หรือหนักจนถึงขั้น ‘ข่มขืน’ มีให้เห็นกันแทบทุกเดือน และปฏิเสธไม่ได้อีกว่า เหยื่อจากข่าวดังกล่าว หลายครั้งก็มักจะเป็น ‘ลูกสาว’ ที่ถูกข่มขืนโดยผู้ชายในบ้าน ไม่ว่าจะญาติร่วมชายคา พ่อเลี้ยงที่เป็นสามีใหม่ของแม่ หรือกระทั่งโดยพ่อแท้ๆ ของตัวเอง ซึ่งน่าสะเทือนใจที่ในหลายกรณีผู้เป็นแม่ก็ไม่สามารถปกป้องลูกได้ ด้วยเหตุปัจจัยที่ต่างกัน ตั้งแต่การไม่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจให้กับลูกได้ แม่เป็นคนที่ใช้ความรุนแรงกับลูก แม่ไม่เชื่อคำพูดของลูก จนถึงการที่แม่บางคนเลือกที่จะอยู่ข้างสามี เพราะไม่อยากตัดความสัมพันธ์นี้ไปจากชีวิต หรือกระทั่งรู้สึกหึงหวงลูก ฯลฯเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีกรณีลูกสาวถูกพ่อแท้ๆ ข่มขืนในหลายจังหวัดของประเทศไทยให้เห็นกันติดๆ ยกตัวอย่างกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้เป็นพ่ออย่าง นายชัยวัฒน์ อายุ 33 ปี ได้ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวหลังจากเขาก่อเหตุข่มขืนลูกสาวแท้ๆ วัย 12 ปี ซึ่งไม่ได้กระทำเป็นครั้งแรก แต่ข่มขืนลูกสาวมาแล้วถึง 10 ครั้ง โดยในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ เด็กหญิงคนนี้ได้วิ่งร้องไห้ออกมาเพราะถูกผู้เป็นแม่ตี เนื่องจากเธอออกจากบ้านไปโดยไม่ยอมบอกกล่าว โดยคนเป็นแม่ไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ลูกออกจากบ้านไปนั้นเป็นเพราะถูกพ่อข่มขืน นั่นแปลว่าแม่ก็เพิ่งได้รู้เรื่องราวว่าลูกถูกสามีตัวเองข่มขืน หลังจากที่ลูกถูกข่มขืนมาเป็นปีๆ แล้วจากเหตุการณ์นี้สะท้อนปัญหาครอบครัวได้ชัดเจนว่าลูกไม่สามารถกล้าจะบอกใครในบ้านถึงปัญหาต่างๆ เลยตั้งแต่ต้น เธอจึงเป็นลูกที่กลัวการถูกทำร้ายทั้งจากพ่อและแม่ไปพร้อมๆ กัน ทำให้เธอต้องเก็บความเจ็บปวดนี้ไว้คนเดียว มีเพียงเพื่อนสนิทในโรงเรียนเดียวกันที่ได้รับรู้เรื่องนี้ และให้ความช่วยเหลือ&nbsp;ด้านพ่อก็ให้เหตุผลที่ข่มขืนกับเจ้าหน้าที่ว่า เป็นเพราะตน “มีอารมณ์” ตอนกินเหล้า และไม่สามารถควบคุมอารมณ์นั้นได้ แม้จะหักห้ามใจแล้วก็ตาม ส่วนหนึ่งเพราะ “เห็นลูกโตเป็นสาวแล้ว” พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการสอดใส่ แต่เอาเจลหล่อลื่นทาแล้วถูๆ จนสำเร็จความใคร่…นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ข้ออ้างในการข่มขืนมีเพียงคำว่าหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ และยังเป็นการพยายามพูดให้สถานการณ์ดูไม่ร้ายแรง โดยการอ้างว่าไม่ได้สอดใส่ ทั้งที่แม้จะไม่ได้สอดใส่ แต่การขืนใจลักษณะนี้ก็นับเป็นการข่มขืนอยู่ดี และไม่ได้แปลว่าความรุนแรงนี้จะลดลงเลยแม้แต่น้อยเบื้องต้นเด็กได้รับการคุ้มครองที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดฉะเชิงเทรา แต่หลังจากนี้สหวิชาชีพจะมาร่วมสอบว่าเด็กจะสามารถกลับไปอยู่กับแม่แท้ๆ ได้หรือไม่ เพราะหากว่ากันตามตรง การที่เด็กถูกพ่อข่มขืนมานานหลายปี โดยที่แม่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นเพราะเด็กไม่สบายใจที่จะเล่าให้แม่ฟัง เนื่องจากไม่มั่นใจว่าแม่จะเป็นที่พึ่งที่ช่วยหาทางออกให้กับเธอได้&nbsp;หากย้อนไปในเดือนมิถุนายน ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ก็มีกรณีหญิงสาววัย 22 ปี เข้าแจ้งความหลังจากที่เธอโดนพ่อแท้ๆ ข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 12 ปี เมื่อพ่อติดคุก และหายสาบสูญไปนาน พอถึงอายุ 19 ปี เธอก็ถูกแม่บังคับให้ขายตัวให้ผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่สมยอมราว 10 ครั้ง ดังนั้นการเข้าช่วยเหลือคนคนหนึ่งจากการถูกทำร้ายทางเพศจึงไม่อาจสรุปได้เลยว่า คนในครอบครัวจะเป็นที่พึ่ง หรือที่ที่เหยื่อจะรู้สึกปลอดภัยจริงๆ เพราะในหลายๆ ครั้ง การยังอยู่ในการดูแลของคนในครอบครัวก็อาจเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายซ้ำจากคนในบ้านด้วยกันก็เป็นได้ในต่างประเทศก็มีเรื่องราวในทำนองเดียวกันที่เพิ่งเป็นประเด็นร้อนช็อกวงการวรรณกรรม จากกรณี Alice Munro นักเขียนหญิงชาวแคนาดาในตำนาน ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ซึ่งเลือกที่จะอยู่เคียงข้างสามีของเธอ แม้เขาจะยอมรับว่าล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวของเธอก็ตาม โดยที่ไม่ได้ปกป้องลูกสาวเลย เรื่องนี้ทำเอาหลายคนอึ้งไปตามๆ กัน เพราะเธอถือเป็นนักเขียนหญิงที่โดดเด่นเรื่องการเขียนเรื่องราวความเป็นหญิงอย่างเข้มข้น จึงนับว่าย้อนแย้งมากเลยทีเดียวที่เธอเลือกผู้ชายที่เธอรัก ทั้งยังออกมากล่าวโทษลูกสาวของตัวเองว่า “กุเรื่องขึ้นมา”Andrea Robin Skinner ผู้เป็นลูกสาวของ Alice Munro ออกมาเปิดเผยว่า สามีของแม่ ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของเธอ ล่วงละเมิดทางเพศเธอมาตั้งแต่ปี 1976 ในตอนที่เธออายุเพียง 9 ขวบ และเมื่อเธอโตขึ้นเป็นสาว เธอก็ตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับแม่ของเธอ ซึ่งสามีของแม่ก็ยอมรับด้วยว่าทำผิดจริง ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังอยู่กับเขาจนถึงวันที่เสียชีวิต โดย Skinner บอกว่า ในตอนที่เธอบอกแม่ แม่ทำเหมือนกับว่าถูกนอกใจเสียมากกว่า ซึ่งตรงกับที่ Sam Lazarevich อดีตตำรวจสืบสวนที่ทำคดีนี้เมื่อ 20 ปีที่แล้วออกมากล่าวว่า ตอนนั้นเขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีของนักเขียนคนนี้ เพราะ Munro โกรธมากและกล่าวว่าลูกสาวของเธอโกหก ทำให้เขาถึงกับต้องตั้งคำถามว่า “นั่นคือลูกสาวของคุณนะ คุณจะไม่ปกป้องลูกสาวเลยหรือ?”&nbsp;นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งกรณีเหล่านี้สะท้อนปัญหาในครอบครัวได้หลากหลายมิติตั้งแต่ ความรุนแรงในครอบครัว การใช้อำนาจข่มขู่ลูก การที่ลูกไม่มีพื้นที่ปลอดภัยให้ได้แชร์เรื่องราว หรือการมองลูกเป็นวัตถุทางเพศ และการที่แม่ไม่สามารถปกป้องเด็กได้เลย เพราะ “ไม่เชื่อ” ว่าสามีที่ตนรักจะลงมือทำอย่างนั้นจริงๆ หรือ “ไม่ได้รับฟัง” ด้วยเหตุผลที่ว่ารักสามีมากเกินไป หรือจำยอมต้องมีสามีในชีวิตไว้เป็นที่พึ่งพา ก็นับเป็นอะไรที่น่าสะเทือนใจมากไม่ใช่น้อย&nbsp;และหากใครจะบอกว่าให้ไว้ใจคนในครอบครัวที่สุด ก็อาจใช้ไม่ได้กับเด็กทุกคนเสมอไป เพราะเรื่องราวที่เขาหรือเธอเจอ อาจจะร้ายแรงจนไม่สามารถไว้ใจหรือมองผู้ปกครองในแง่ดีได้เลย จึงน่าจะดีหากสังคมได้ลองทำความเข้าใจเหยื่อจากความรุนแรงในครอบครัวให้มากขึ้น เพราะหากบางคนยังยึดติดกับคำว่าพ่อ-แม่ทุกคนรักลูก หรือลูกควรยอมพ่อ-แม่ทุกอย่าง ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่จบไม่สิ้น และเด็กก็จะไม่กล้าเล่าปัญหาของตัวเองให้ใครฟังอยู่เหมือนเดิม จนทำให้ปัญหานี้ยังดำเนินต่อไป และมีเด็กที่ตกเป็นเหยื่อไปเรื่อยๆ ไม่เปลี่ยนแปลงอ้างอิง:&nbsp;<a href="https://www.ch7.com/sports/739922" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.ch7.com/sports/739922&nbsp;</a><a href="https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/225471" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/225471</a><a href="https://www.washingtonpost.com/world/2024/07/12/alice-munro-abuse-canada-reckoning/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.washingtonpost.com/world/2024/07/12/alice-munro-abuse-canada-reckoning/</a><a href="https://apnews.com/article/alice-munro-husband-daughter-sexual-assault-detective-1969a7a2fdfe70333b538914b039bd56" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://apnews.com/article/alice-munro-husband-daughter-sexual-assault-detective-1969a7a2fdfe70333b538914b039bd56</a>

ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


แม้ผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาจะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าหมูเด้งจะทายถูกแล้วแน่ๆ และโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะได้กลับมา “Make America Great Again!”แต่มันคือข้อยืนยันเรื่องการหันขวาของคนจำนวนมากที่ยื่นชัยชนะเข้ามือชายอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงคนนี้ และชัยชนะของเขาก็อาจส่งผลต่อสิทธิมนุษยชนในหลายๆ ประเด็นให้ถดถอยลง โอกาสนี้เราเลยอยากรวมรวบประเด็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในอเมริกา เมื่อทรัมป์กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง


 เมื่อชัยชนะครั้งที่ 2 ของ Donald Trump 
ผู้ “อยากทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง” 
อาจไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับหลายคน

เมื่อถึงช่วงหนึ่งในชีวิต การไม่สามารถมีลูกได้อาจกลายเป็นบาดแผลสำหรับผู้หญิงหลายคน และมิเชลล์ โหย่ว (Michelle Yeoh) ก็คือหนึ่งในนั้น โดยเธอเพิ่งออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในรายการ BBC Woman’s Hour ว่าเธออยากมีลูกมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถมีได้ เธอเข้าปรึกษาแพทย์และรับการรักษาภาวะมีบุตรยาก แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่าแม้ตัวเองจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ในด้านความเป็นผู้หญิง เธอกลับล้มเหลว

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS