นักแสดงสาว ฮันโซฮี ถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง โดยใจความหลักๆ ก็คือการที่เธอเปิดเผยรอยสักนี้ทำให้เธอ “ดูไม่แพง” ไม่สมกับการร่วมงานกับแบรนด์หรูอย่าง Dior

ผู้หญิงมีรอยสักยังคงถูกตัดสิน เมื่อฮันโซฮีโดนติว่า “ดูไม่แพง” หลังเธอเลือกสวมชุดเดรสที่เผยรอยสัก ในอีเวนต์ของ Dior

ขณะที่สำหรับหลายคน “รอยสัก” คือศิลปะที่สะท้อนอัตลักษณ์ตัวตนของใครหลายคนออกมาได้เป็นอย่างดี และในยุคสมัยนี้ ผู้คนต่างก็เปิดกว้างต่อรอยสักกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนบางพื้นที่ในสังคมก็ยังมีอคติและพร้อมจะตัดสินคนที่มีรอยสักอยู่เหมือนเดิม &nbsp;ล่าสุดนี้นักแสดงสาว ฮันโซฮี ที่ก่อนหน้านี้เคยมีภาพลักษณ์เป็นพี่สาวสุดเท่ขวัญใจชาวเกาหลีใต้ ก็ได้ถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง เมื่อเธอเลือกจะสวมชุดเดรสที่เผยให้เห็นรอยสักบริเวณด้านข้างลำตัว เข้าร่วมงานอีเวนต์ของ Dior โดยเสียงวิจารณ์มีตั้งแต่การติเบาๆ ไปจนถึงด่าแรงๆ ซึ่งใจความหลักๆ ก็คือการที่เธอเปิดเผยรอยสักนี้ทำให้เธอ “ดูไม่แพง” ไม่สมกับการร่วมงานกับแบรนด์หรู และใช่หรือไม่ว่า นี่คือการตัดสินไปโดยปริยายว่าคนที่มีรอยสักนั้นมีภาพลักษณ์เป็นอีกชนชั้นหนึ่ง ไม่เหมาะจะเข้าสังคมไปอยู่ใน “สังคมชั้นสูง”&nbsp;นี่เป็นครั้งแรกๆ หลังจากที่เริ่มมีชื่อเสียงในวงการ ที่ฮันโซฮีเลือกเปิดเผยรอยสักของตัวเองต่อสาธารณะ ก่อนหน้านี้หลายคนน่าจะเคยเห็นภาพพรีเดบิวต์ของเธอที่มีรอยสักขนาดใหญ่บนแขน และเธอก็ได้ลบมันออกไปเพื่อให้สามารถรับงานในวงการได้มากขึ้น ซึ่งเธอเองเคยออกมาเปิดเผยว่าใจจริงเธอไม่ได้อยากลบรอยสักเหล่านั้นออกสักนิด แต่จำเป็นต้องทำเพราะหน้าที่การงาน ภายหลังเธอยังโพสต์ภาพที่ตัวเองใช้สติกเกอร์แทททูแปะตามร่างกาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเธอมีแพชชันกับศิลปะแขนงนี้มากแค่ไหน แต่สิ่งที่เธอชื่นชอบนี้ กลับต้องถูกชาวเน็ตจำนวนหนึ่งหยิบมาเป็นเครื่องลดทอนคุณค่าเธอเสียอย่างนั้น ทั้งที่การจะสักหรือไม่สักล้วนแต่เป็นรสนิยมส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวข้องกับระดับความดีงาม หรือมาตรฐานในการใช้ชีวิตของแต่ละคนแต่อย่างใด&nbsp;ที่น่าสังเกตคือนักแสดงหรือไอดอลชายเกาหลีใต้หลายคนก็มีรอยสักให้เห็นชัดเจน กลับไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในข้อนี้มากเท่าฮันโซฮี (ซึ่งอันที่จริงไม่ว่าใครก็ไม่ควรต้องถูกวิจารณ์เพียงเพราะมีรอยสัก) หรือหากลองมองไปอีกฝั่งของโลก คนดังหญิงฝั่งตะวันตกหลายคนที่เปิดเผยรอยสักของตัวเองในงานอีเวนต์ต่างๆ ก็แทบจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างที่ฮันโซฮีกำลังโดนอยู่เลย ดังนั้นคงไม่เกินเลยนักหากจะพูดว่า ยิ่งเป็นผู้หญิงเอเชีย ก็ยิ่งต้องเผชิญกับอคติที่ว่านี้มากเข้าไปอีกอย่างไรก็ตาม คงไม่อาจสรุปได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮันโซฮีในตอนนี้เข้าทำนอง “คนไม่ใช่ ทำอะไรก็ผิด” ด้วยหรือเปล่า จากที่ก่อนหน้านี้ความเป็นตัวของตัวเองของเธอ ไม่ว่าจะเป็นการเมาแอ๋นอนกับพื้น หรือการเจาะบนร่างกาย ฯลฯ ได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ได้แย่และหลายคนก็ชื่นชอบเธอที่เป็นตัวเองแบบนี้ แต่หลังจากที่มีดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับรยูจุนยอล และฮเยริ ดูเหมือนว่าเสียงติติงที่ผู้คนมีต่อเธอกลับเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ&nbsp;ที่แน่ๆ กรณีนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าในปัจจุบัน ในบางพื้นที่อย่างเช่นสังคมเกาหลีใต้ ก็ยังไม่เปิดใจให้กับผู้หญิงที่มีรอยสัก ยังมีอคติว่ารอยสักเท่ากับภาพลักษณ์ที่ดูร้ายๆ แรงๆ ดูไม่แพง ไม่กุลสตรี คาแรกเตอร์ของผู้หญิงที่จะได้รับการยอมรับจริงๆ ก็ยังคงมีจำกัด ซึ่งท้ายที่สุดนี้ เราคงต้องขอชื่นชมทางเลือกของฮันโซฮี ที่ยืนยันในสิ่งที่เธอเลือก แม้จะตามมาด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์ แต่เราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์เล็กๆ ที่ทำให้สังคมได้มองเห็นว่าทางเลือกที่ดูแตกต่างจากชาวบ้าน ก็สามารถมีพื้นที่หยัดยืนได้ไม่ต่างจากคาแรกเตอร์ตามสเตอริโอไทป์ และตราบใดที่ทางเลือกนั้นเป็นสิทธิในเนื้อตัวร่างกาย มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลยจริงๆอ้างอิง<a href="https://www.allkpop.com/article/2024/05/makes-her-look-cheap-netizens-arent-fans-of-han-so-hees-tattoo-at-dior-event" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.allkpop.com/article/2024/05/makes-her-look-cheap-netizens-arent-fans-of-han-so-hees-tattoo-at-dior-event</a>&nbsp;<a href="https://www.allkpop.com/article/2024/01/han-so-hee-confesses-that-she-didnt-want-to-get-rid-of-her-tattoos" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.allkpop.com/article/2024/01/han-so-hee-confesses-that-she-didnt-want-to-get-rid-of-her-tattoos</a> &nbsp;

นักเคลื่อนไหวในฝรั่งเศสกล่าวถึง
กรณี Gisèle Pelicot
ที่ถูกสามีวางยาและให้ผู้ชายหลายสิบคนเข้ามาข่มขืน เป็นอีกหนึ่งข้อยืนยันว่าฝรั่งเศสต้องการกฎหมาย
ที่แข็งแรงกว่าเดิม


จินนี แลม (Ginny Lam) คือหญิงสาวเชื้อสายจีนในแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา เธอตัดสินใจฟ้องศาลเมื่อแม่ของเธอมอบมรดกให้น้องชายของเธอ 2.9 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ตัวเธอได้เพียง 170,000 เหรียญฯ ทั้งที่เธอเป็นคนดูแลกิจการของที่บ้าน และเป็นคนดูแลแม่จนถึงวาระสุดท้าย 

ลูกสาวชาวจีนในแคนาดา ฟ้องศาลเรื่องการ
ถูกเลือกปฏิบัติในฐานะ ‘ลูกสาว’ หลังแม่ให้มรดก 
‘ลูกชาย’ มากกว่าหลายเท่า ทั้งที่เธอเป็นคนดูแล
กิจการของที่บ้านและดูแลแม่ที่ป่วย

เมื่อสุดสัปดาห์ผ่านมาประเด็นหนึ่งที่ถูกพูดถึงอย่างมาก คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากกรณีของ จงหยาง (Zhong Yang) หญิงผู้เป็นอดีตผู้ว่าการและรองเลขานุการพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือ CPC วัย 52 ซึ่งถูกตัดสินจำคุกจากความผิดที่เธอประพฤติมิชอบด้วยการคอร์รัปชั่น และบังคับเพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาชายมากกว่า 58 คนให้มีเซ็กซ์กับเธอ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS