การคุกคามทางเพศในที่ทำงานยังคงเป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกองค์กร อย่างเช่น กรณีหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีรายงานออกมาว่าเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติที่ทำงานด้านการดูแลผู้ป่วย ถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีใครกล้าปริปากพูด ด้วยความกลัวว่าจะเสียวีซ่าทำงาน และสุดท้ายจะทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบาก เพราะเป็นเพียงแรงงานชาวต่างชาติ

แรงงานต่างชาติในอังกฤษจำนวนมาก ถูกนายจ้างล่วงละเมิดทางเพศ แต่หลายคนกลับไม่สามารถร้องเรียน เพราะกลัวถูกเพิกถอนวีซ่า

การคุกคามทางเพศในที่ทำงานยังคงเป็นเรื่องใหญ่ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกองค์กร อย่างเช่น กรณีหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในอังกฤษเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีรายงานออกมาว่าเจ้าหน้าที่ชาวต่างชาติที่ทำงานด้านการดูแลผู้ป่วย ถูกล่วงละเมิดทางเพศอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่มีใครกล้าปริปากพูด ด้วยความกลัวว่าจะเสียวีซ่าทำงาน และสุดท้ายจะทำให้พวกเขาตกที่นั่งลำบาก เพราะเป็นเพียงแรงงานชาวต่างชาตินี่คือความเป็นจริงอีกด้านที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไรของระบบการทำงานด้านสาธารณสุขในอังกฤษซึ่งกำลังบีบบังคับให้บรรดาคนทำงานด้านการดูแลผู้ป่วยไม่มีทางเลือกมากขึ้นไปอีก นอกจากต้องฝากชีวิตไว้กับนายจ้างซึ่งมีอำนาจเหนือกว่า และกำลังใช้อำนาจนั้นคุกคามพวกเขาข้อมูลจากวารสาร The Bureau of Investigative Journalism (TBIJ) และ Citizens Advice หน่วยงานที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายของสหราชอาณาจักรได้เปิดเผยตัวเลขการคุกคามและแสวงหาประโยชน์ทางเพศกับบรรดาแรงงานต่างชาติในหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วอังกฤษว่ามีจำนวนสูงถึง 175 เคส และกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่แล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งตัดสินใจร้องเรียนต่อ Citizens Advice ว่าเธอถูกนายจ้างล่วงละเมิดทางเพศหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอไม่กล้าที่จะแจ้งตำรวจ เพราะทั้งกลัวเสียรายได้ เสียงาน และถูกถอนวีซ่าทำงานจากนายจ้าง&nbsp;นั่นยังไม่รวมถึงกรณีที่มีแรงงานหญิงถูกคุกคามทางเพศโดยเจ้าของห้องเช่า ซึ่งห้องเช่าที่ว่านี้ก็จัดหาโดยนายจ้างหรือนายหน้าที่เป็นคนจัดหางานให้กับพวกเธอ และแน่นอนว่าหากพวกเธอร้องเรียนเรื่องนี้ไป ก็อาจเสี่ยงต่อการเลิกจ้าง และถูกเพิกถอนวีซ่าได้ทันทีเหมือนกัน เนื่องจากระบบวีซ่าทำงานด้านการดูแลผู้ป่วยจะอนุมัติให้เพียงครั้งเดียวเมื่อลูกจ้างได้รับการรับรองจากนายจ้าง หรือองค์กรของอังกฤษเท่านั้น และเป็นที่รู้กันว่าพวกเขาคือผู้มีอำนาจในการชี้เป็นชี้ตายชีวิตของแรงงานเหล่านั้น และนั่นเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด แรงงานต่างชาติจึงไม่กล้าที่จะปริปากพูดเรื่องที่พวกเขาถูกคุกคาม&nbsp;รายงานจากรัฐบาลอังกฤษเปิดเผยข้อมูลว่า เฉพาะในปี 2023 มีแรงงานต่างชาติมากถึง 106,000 ราย ที่ได้รับการอนุมัติวีซ่าให้ทำงานในหน่วยงานด้านการดูแลผู้ป่วย ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงเป็น 2 เท่า หากเทียบกับปี 2022 โดยส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากประเทศอินเดีย ไนจีเรีย ซิมบับเว กานา บังกลาเทศ และปากีสถาน ที่ติดอันดับต้นๆ ในลิสต์ของแรงงานต่างชาติที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานด้านนี้ในอังกฤษ &nbsp;แอนดรูว์ กวินเน่ (Andrew Gwynne) รัฐมนตรีเงา (รัฐมนตรีจากพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนของอังกฤษ มีหน้าที่ติดตามการทำงานของรัฐมนตรีตัวจริงและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลโดยตรง) ซึ่งดูแลด้านสวัสดิการสังคมให้ความเห็นต่อประเด็นนี้ว่า รัฐบาลอังกฤษพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าการคุกคามแรงงานต่างชาติเป็นเรื่องไม่อาจรับได้ และสเตปต่อไปจากนี้คือการหยุดคนที่กระทำความผิดในหน่วยงานเหล่านั้นให้ได้เรื่องนี้น่ากังวลไม่น้อย เมื่อรายงานการคุกคามทางเพศในกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ทำงานด้านการดูแลผู้ป่วยมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และตัวเลขจริงๆ ของผู้ถูกคุกคามนั้นอาจจะมากกว่านี้หลายเท่า เพราะพวกเขาไม่กล้าที่จะร้องเรียน ซึ่งหน่วยงานอย่าง Citizens Advice ก็ต้องการให้รัฐฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเรื่องสิ่งแวดล้อมในการทำงานที่เสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศของแรงงานต่างชาติด้านการดูแลผู้ป่วยมากกว่าที่เป็นอยู่แต่ไม่เพียงแค่ปัญหาการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นกับแรงงานต่างชาติ วารสาร The Bureau of Investigative Journalism ยังพบว่ามีการจ่ายเงินค่าหัวสูงถึงกว่า 30,000 ยูโร เพื่ออ้างว่าเป็น ‘ค่าธรรมเนียม’ ในการจ้างงานอย่างผิดกฎหมาย ขณะที่แรงงานกลับไม่ได้รับค่าจ้างครบตามจำนวนชั่วโมงการทำงานอย่างที่ตกลงกันไว้ จนทำให้แรงงานหลายคนถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทางให้ดิ้นรนเอาเองภายใต้เงื่อนไขการทำงานที่เลวร้ายและเอาเปรียบ ใครทนทำงานตามที่นายจ้างกำหนดไม่ได้ก็จะถูกเพิกถอนวีซ่า และกลายเป็นแรงงานต่างชาติที่อยู่อย่างผิดกฎหมายทันที&nbsp;เดมี่ (นามสมมติ) แรงงานด้านการดูแลผู้ป่วยผู้ถูกคาดหวังให้ทำงานวันละกว่า 20 ชั่วโมง โดยไม่มีการพักเบรกบอกว่า เธอเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าองค์การด้านสาธารณสุขในประเทศที่เรียกได้ว่า ‘โลกที่หนึ่ง’ จะหนีพ้นปัญหา การคุกคาม การแสวงหาประโยชน์ และการใช้แรงงานทาสในโลกยุคใหม่ได้จริงหรือไม่&nbsp;“ทั้งที่คนเหล่านี้คือแรงงานมืออาชีพที่เข้ามาช่วยเติมเต็มให้ระบบการบริการด้านสุขภาพของเราดำเนินต่อไปได้ แต่กลับถูกทิ้งไว้ข้างทางโดยไม่มีหลักประกันอะไรที่คุ้มครองชีวิตพวกเขาได้เลย” เคลี่ ไฮเนล (Kayley Hignell) ผู้อำนวยการด้านนโยบาย Citizens Advice กล่าว“มีคนเป็นพันๆ ติดแหง็กอยู่กับระบบนี้ที่ทำให้พวกเขาเจ็บปวดจากการถูกคุกคาม ข่มขู่ แต่ไม่มีอำนาจจะไปเรียกร้องอะไรได้ แถมยังต้องหมดเนื้อหมดตัวเพื่อแลกกับการได้ทำงาน”&nbsp;เขาบอกว่าสเตปแรกที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ก็คือการเปลี่ยนระบบวีซ่าเสียใหม่ ให้ชีวิตของแรงงานไม่ต้องผูกมัดอยู่กับนายจ้าง หรือนายหน้าหางาน 100% อย่างที่เป็นอยู่ และรัฐบาลควรมีทางเลือกให้กับแรงงานในการที่พวกเขาจะสามารถส่งเสียงออกมาได้ หากได้รับการคุกคามหรือความไม่เป็นธรรม รวมถึงพอเกิดการคุกคามใดๆ นายจ้างก็ควรจะต้องได้รับโทษอย่างไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกันโดยวีซ่าการทำงานในหน่วยงานด้านการดูแลผู้ป่วยของอังกฤษมีการเปลี่ยนแปลงล่าสุดเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ปี 2022 หลังจากที่มีการเสนอจากคณะกรรมการดูแลผู้อพยพ หรือ The Migration Advisory Committee (MAC) ซึ่งมีอำนาจในการเสนอแนะแนวทางการแก้ปัญหาประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวกับแรงงานต่างชาติต่อรัฐบาล โดยเรียกร้องให้รัฐฯ อนุญาตให้แรงงานต่างชาติเข้าถึงสิทธิ์ในการทำงานอย่างถูกกฎหมายมากกว่านี้ และไม่บีบบังคับให้แรงงานต่างชาติเหล่านั้นต้องฝากชีวิตไว้กับนายจ้าง หรือนายหน้าที่มีอำนาจในวีซ่านั้นเพียงอย่างเดียว ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าการกลับมาแก้ปัญหาด้วยวิธีนี้ อาจช่วยให้แรงงานต่างชาติไม่ว่าจะในหน่วยงานด้านสาธารณสุข หรือหน่วยงานใดๆ ก็ตามมี ‘ทางเลือก’ และ ‘ความปลอดภัย’ ในชีวิตได้อย่างเท่าเทียมเท่ากับมนุษย์คนอื่นๆ ได้อ้างอิง&nbsp;<a href="https://www.theguardian.com/global-development/2024/mar/12/health-care-worker-visas-abuses-exploitation-rape-sponsors-right-work-uk" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.theguardian.com/global-development/2024/mar/12/health-care-worker-visas-abuses-exploitation-rape-sponsors-right-work-uk</a><a href="https://www.thairath.co.th/news/politic/2721242" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.thairath.co.th/news/politic/2721242</a>

อิทธิพลของคนดังในอุตสาหกรรมวงตรีไม่เพียงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของป๊อบคัลเจอร์ทุกวันนี้ แต่มันยังเป็นที่สนใจในแวดวงการศึกษาอย่างมากอีกด้วยในตลอดหลายปีผ่านมา ซึ่งล่าสุดมหาวิทยาลัยเยลก็ขอต้อนรับการเปิดเรียนภาคฤดูร้อนปีหน้าด้วยการเผยข้อมูลของคอร์สวิชาใหม่ที่เก๋มากถึงมากที่สุด ว่าด้วยการศึกษาตัวตนและผลงานของนักร้องสาวแห่งยุคอย่าง Beyoncé ล้วนๆ แบบจัดเต็มตลอดทั้งคอร์สกันไปเลย 

มหาวิทยาลัยเยล เตรียมเปิดสอนวิชา ‘บียอนเซ่ศึกษา’ ว่าด้วยผลกระทบทางการเมืองและวัฒนธรรม จากงานเพลงและการแสดงสดตลอดหลายปีของ Beyoncé

แม้จะไม่ได้มีกฎข้อห้ามอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นที่บรรดานักแสดงตลกในจีนต่างรู้กันว่า ‘ไม่พูดดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อน’ ก็เห็นจะต้องยกให้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องทหาร กับเรื่องของ ‘ความเป็นชาย’ มาเป็นอันดับต้นๆ 

Yang Li กับเหล่านักเดี่ยวไมโครโฟนหญิงในจีนที่ยืนยันจะเล่นมุกท้าทาย ‘อีโก้อันเปราะบาง’ ของผู้ชาย แม้จะรู้ว่าสิ่งที่รออยู่คือการถูกเกลียดชัง

เมื่อถึงช่วงหนึ่งในชีวิต การไม่สามารถมีลูกได้อาจกลายเป็นบาดแผลสำหรับผู้หญิงหลายคน และมิเชลล์ โหย่ว (Michelle Yeoh) ก็คือหนึ่งในนั้น โดยเธอเพิ่งออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในรายการ BBC Woman’s Hour ว่าเธออยากมีลูกมาตลอด แต่ก็ไม่สามารถมีได้ เธอเข้าปรึกษาแพทย์และรับการรักษาภาวะมีบุตรยาก แต่ก็ยังไม่สำเร็จ และนั่นก็ทำให้เธอรู้สึกว่าแม้ตัวเองจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน แต่ในด้านความเป็นผู้หญิง เธอกลับล้มเหลว

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS