“ฉันรู้สึกทั้งอับอายขายขี้หน้า และบอบช้ำทางจิตใจเต็มๆ” Natasha Marques หญิงชาวแคนาดาให้สัมภาษณ์กับ Global News จากกรณีที่เธอถูกเจ้าหน้าที่สนามบินที่เป็นผู้ชาย ‘บังคับ’ ให้ถอดเสื้อ 

หญิงชาวแคนาดา ถูกเจ้าหน้าที่ชายที่สนามบินในสาธารณรัฐโดมินิกัน บังคับให้ถอดเสื้อออกจนเปลือย เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย ซึ่งสร้างบาดแผลทางใจให้เธออย่างมาก

“ฉันรู้สึกทั้งอับอายขายขี้หน้า และบอบช้ำทางจิตใจเต็มๆ” นี่คือเสียงจาก Natasha Marques หญิงชาวแคนาดา ผู้อาศัยอยู่ในรัฐออนแทริโอ ซึ่งให้สัมภาษณ์กับ Global News จากกรณีที่เธอถูกเจ้าหน้าที่สนามบินที่เป็นผู้ชาย ‘บังคับ’ ให้ถอดเสื้อ จนเหลือแค่ร่างกายเปลือยเปล่าท่อนบน เพื่อเดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ (Metal Detector) แม้เธอจะคัดค้าน และยืนยันอยู่นานว่าภายใต้เสื้อสเวตเตอร์ของเธอ เธอไม่ได้ใส่อะไรทับไว้ข้างในเลยแม้แต่ชิ้นเดียวเหตุการณ์ที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชนนี้เกิดขึ้นที่สนามบินปุนตาคานา สาธารณรัฐโดมินิกัน เมื่อ Marques วัย 23 ปี ได้บินจากโตรอนโตไปยังปุนตาคานาเพื่อพักผ่อนกับเพื่อนของเธอ 1 สัปดาห์ และเมื่อถึงวันกลับ เธอก็มาที่สนามบินปุนตาคานา และไปที่จุดคัดกรองความปลอดภัยของสนามบิน ซึ่งเธอเริ่มตงิดใจกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ชายคนดังกล่าว ตอนที่เห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเธอถูกบอกให้ถอดเสื้อสเวตเตอร์ออกซะ! แล้วเธอคนนั้นก็ถอดออก หลังจากคัดค้านไปแล้ว แต่ก็ยังมีบิกินีด้านในปกปิดหน้าอกของเธออยู่&nbsp;และเมื่อถึงคิวของ Marques เจ้าหน้าที่คนเดียวกันนี้ก็สั่งให้เธอถอดเสื้อสเวตเตอร์ออกเช่นเดียวกัน และเธอก็พยายามจะบอกเขาว่า เธอเปลือยอยู่ข้างใน ไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในเลยสักชิ้น และทำการยกเสื้อขึ้นเพื่อให้เห็นผิวเปล่าๆ เพื่อพิสูจน์ว่าไม่ได้โกหก แต่เขาก็ยังยืนกรานจะให้ถอด และหลังจากเถียงกันไปมานาน 6 นาที เธอก็เลยตัดสินใจถอดออก“ฉันรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น ฉันแค่ต้องถอดสเวตเตอร์ออก” เธอกล่าว และยอมรับว่ากลัวที่จะต้องถูกควบคุมตัวหรือต้องติดอยู่ที่สาธารณรัฐโดมินิกันสัก 2-3 วัน หรือเป็นสัปดาห์ นั่นทำให้เธอเลือกที่จะจบเรื่องด้วยการถอด แม้จะไม่เต็มใจและรู้สึกแย่มากก็ตามMarques เดินผ่านเครื่องตรวจจับโลหะโดยการเอามือปิดหน้าอกของเธอไว้ ซึ่งหลังจากเธอได้เสื้อกลับคืน เธอบอกว่า “เขาจ้องมองมาที่ฉัน ที่หน้าอกของฉัน” นี่จึงเป็นเหตุการณ์การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ในการคุกคามทางเพศผู้โดยสารอย่างเห็นได้ชัด เพราะหากผู้โดยสารดูน่าสงสัย หรือจำเป็นต้องถอดเสื้อจริงๆ ก็ควรมีมาตรการในการตรวจสอบที่ดีกว่าการให้ถอดในที่สาธารณะที่ทุกคนมองเห็นทั้งหมดกันอย่างนี้ หรือควรจะให้เจ้าหน้าที่หญิงเป็นคนตรวจสอบในพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่านี้เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมแล้ว แต่เธอคนนี้ได้ใช้เวลาไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้น และตัดสินใจมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยหลังจากที่ Global News ติดต่อ Sunwing บริษัทท่องเที่ยวและเจ้าของสายการบินที่ Marques บิน ตัวแทนของสายการบินก็ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสัญญาว่าจะอัปเดตการสอบสวนปัญหานี้ให้เธอทราบเพิ่มเติม ส่วนด้านสนามบินปุนตาคานา ก็บอกว่าไม่ได้มีอำนาจศาลในกระบวนการดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับเคสนี้&nbsp;โดย Matthew Vaughan ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ได้ออกแสดงจุดยืนว่า การบังคับใครสักคนให้เดินเปลือยผ่านเครื่องตรวจจับโลหะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เพราะหากผู้โดยสารถูกขอให้คัดกรองอย่างใกล้ชิด ผู้โดยสารต้องยินยอม และต้องมีความเป็นส่วนตัวให้เขานี่จึงเป็นอีกกรณีที่เห็นถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความละเอียดอ่อนในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้โดยสาร และทำให้ผู้โดยสารหญิงคนดังกล่าว และคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์แบบเดียวกันรู้สึกแย่จากการถูกจ้องมองร่างกายโดยไม่ยินยอมพร้อมใจ ไม่ว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวจะตั้งใจคุกคามทางเพศหรือไม่ก็ตามอ้างอิง:<a href="https://globalnews.ca/news/10377944/ontario-woman-forced-to-walk-topless-through-airport-security-in-dominican-republic/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://globalnews.ca/news/10377944/ontario-woman-forced-to-walk-topless-through-airport-security-in-dominican-republic/</a>&nbsp;

Doechii คือผู้คว้ารางวัลศิลปินฮิปฮอปหญิงยอดเยี่ยม และหลังจากกล่าวสปีชชื่นชมผู้เข้าชิงที่ล้วนแต่เก่งกาจ เธอก็ขยับประเด็นไปสู่การประท้วงในลอสแองเจลิส 

Doechii กล่าวประฌามรัฐบาลทรัมป์บนเวที BET ที่ใช้กำลังทหารปราบปรามการประท้วงในลอสแอนเจลิส ซึ่งปะทุขึ้นหลังการจับกุมผู้อพยพ

นับเป็นข่าวที่ทำให้แฟนๆ หลายคนตกใจไปตามๆ กัน เมื่อศิลปินดีว่าอย่าง Jessie J ออกมาเปิดเผยผ่านอินสตาแกรมว่าเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะเริ่มต้น

Jessie J ตรวจพบ ‘มะเร็งเต้านม’ ระยะเริ่มต้น ในวัย 37 ปี

เครือข่ายผู้สนับสนุนการดูแลแบบประคับประคองได้ออกมาเรียกร้องให้คณะกรรมการประกันสังคมพิจารณาเพิ่ม ‘สิทธิการลาเพื่อดูแลในวาระสุดท้าย’ ให้แก่ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วยระยะสุดท้ายให้ได้รับการดูแลที่ดี พร้อมทั้งคุ้มครองความเป็นมนุษย์ของคนทำงาน

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS