มีคลิปในติ๊กต่อก ที่กำลังจุดประเด็นในเรื่อง “อุงเอิงเลี้ยงผีกะ” ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นเป็นเรื่องตลก แต่ใช่ว่าจะตลก 100% เพราะมีผู้ใช้ติ๊กต่อกจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะเด็กๆ ที่ดูจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆ 

อุงเอิงเลี้ยงผีกะ (!?) ตำนานเล่าขานจาก TikTok ยอดวิวหลักแสน ที่สะท้อนความเชื่อว่าผู้หญิงต้องสวยงามและดีพร้อม ถึงจะเหมาะสมกับผู้ชาย

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีอีกหนึ่งปรากฏการณ์จาก TikTok ที่ไม่คิดว่าจะเห็นก็ได้เห็น นั่นคือการทำคลิปเกี่ยวกับคุณอุงเอิงที่กำลังตกอยู่ในประเด็นดราม่าเกี่ยวกับนิสัยของเธอกับเพื่อนร่วมงาน (ซึ่งเราจะไม่แตะถึงในบทความนี้) โดยคลิปที่ว่ากำลังจุดประเด็นในเรื่อง “อุงเอิงเลี้ยงผีกะ” ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นเป็นเรื่องตลก แต่ใช่ว่าจะตลก 100% เสียทีเดียว เพราะมีผู้ใช้ติ๊กต่อกจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะเด็กๆ ที่ดูจะเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และพร้อมคอมเมนต์แสดงความเกลียดชังต่อเธออย่างเมามัน‘ผีกะ’ คืออะไร? ผีกะคือตำนานความเชื่อจากทางภาคเหนือ ว่าเป็นผีที่คนมักเลี้ยงไว้เสริมเสน่ห์ด้วยการให้ผีกะคอยเลียหน้าให้มีความสดใสงดงาม และตามความเชื่อ คนที่เลี้ยงผีกะมักจะสวยงามในตอนกลางคืน ส่วนตอนกลางวันจะไม่ได้ดูดีนัก นั่นทำให้คนพยายามจุดประเด็นนี้ด้วยการใช้ภาพตอนกลางคืนของอุงเอิงที่แสงจากกล้องโทรศัพท์มีส่วนให้หน้าตาของเธอและองค์ประกอบในภาพนั้นดูแปลกๆไม่เพียงเท่านั้น หลายคอมเมนต์ยังพากันตั้งประเด็นว่าอุงเอิงไม่ได้ดูมีเสน่ห์หรือดีพร้อม ขนาดที่จะดึงดูดให้ผู้ชายอย่างคุณสไปรท์สนใจคบกับเธอได้ ดังนั้นหลายคนจึงเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ (I?) ที่เธออาจจะใช้ผีกะ หรือใช้ไสยศาสตร์ในการทำเสน่ห์ให้ผู้ชายมาหลงรัก หลายคนไปต่อกับประเด็นนี้ ถึงขั้นพยายามโยงลักษณะท่าทางบางอย่างของคุณสไปรท์ ว่านี่คืออาการของคนโดนของไม่มีผิด! ซึ่งนับว่าน่าฉงนมากสำหรับสังคมคนรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาขับเคลื่อนประเทศของเราให้ก้าวไปข้างหน้าในอนาคต&nbsp;คำถามคือ ทำไมเมื่อคนสองคนรักกัน จึงกลับต้องถูกสังคมตัดสินว่าไม่เหมาะสม หรือกระทั่งมองว่าสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปโดยธรรมชาติ? เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกมองว่าใกล้เคียงกับมาตรฐานสังคมมากกว่าอีกฝ่าย&nbsp;และยิ่งเมื่อเป็นฝ่ายหญิงที่ถูกสังคมมองว่าดูด้อยกว่าผู้ชาย ก็มักจะถูกตั้งคำถาม หรือแซวขำๆ เสมอว่า “ทำของใส่เขาหรือเปล่า?” ขณะที่เมื่อผู้ชายถูกสังคมตัดสินว่าดูด้อยกว่าฝ่ายหญิง คนมักจะมองเป็นเรื่องของ “คารม” หรือ “ความรวย” เสียมากกว่า&nbsp;เช่นเดียวกับกรณีก่อนหน้านั้นอย่างคดีของ “พร” หญิงสาวผู้มีโลกหลายใบจนนำมาซึ่งเหตุฆาตกรรม ที่ภายหลังตัวเธอเองได้ถูกขุดคุ้ยพฤติกรรมส่วนตัวอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งด้วยรูปลักษณ์ของเธอที่ไม่ได้ตรงกับมาตรฐานสังคมไทย ทำให้หลายคนพุ่งประเด็นไปที่ว่าเธอเล่นไสยศาสตร์เพื่อมัดใจชาย&nbsp;แม้กลุ่มคนที่เชื่อด้านนี้จะไม่ใช่กระแสหลักของสังคม แต่เราก็เห็นได้ว่ายังมีจำนวนไม่น้อยที่ผูกติดอยู่กับความเชื่อเหล่านี้ที่ดำเนินไปพร้อมๆ กับวิธีคิดที่เหยียดผู้หญิงอีกทีหนึ่ง และถ้าหากเราอยากให้สังคมก้าวหน้าไปพร้อมๆ กันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง วิธีคิดเหยียดผู้หญิงที่อิงความเชื่อเหล่านี้ก็ควรได้รับการแก้ไข&nbsp;เพราะความเป็นจริงแล้วการที่ใครคนหนึ่งจะตกหลุมรักใครอีกคนได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่กับรูปร่างหน้าตา หรือ “เลเวล” ทางสังคมอย่างที่ใครหลายคนเชื่อกัน เหตุผลที่พวกเขาจะรักกันนั้นมีความเป็นไปได้ที่หลากหลายไม่รู้จบ การที่ผู้ชายจะตกหลุมรักผู้หญิงสักคนนั้นก็ย่อมไม่ใช่เรื่องของรูปลักษณ์หรือแรงดึงดูดทางเพศเท่านั้นเสมอไป และเรื่องความเหมาะสมก็เป็นเพียงเรื่องที่สังคมคาดหวังไปเอง ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนแต่อย่างใด

Manosphere มาจาก Man และ Sphere มีความหมายตรงตัวว่ามันคือพื้นที่สำหรับผู้ชายในการแชร์มุมมอง ทัศนคติ และความเชื่อในแบบของพวกเขาและแม้จะเกลียดคำว่า woke แต่เหล่าสมาชิก Manosphere ก็ใช้คอนเซปต์เรื่องการ ‘ตื่นรู้’ มาเป็นสัญลักษณ์ของกลุ่ม

Manosphere : อาณาจักรออนไลน์ของผู้ชายที่เกลียดชังผู้หญิง และเชื่อว่าตัวเอง 
‘ตื่นรู้’ ถึงความเป็นจริงกว่าชาวโลก

“Feminine Energy ทำให้ชีวิตของผู้หญิงง่ายขึ้น” กลายเป็นวาทกรรมสอนหญิงที่ได้รับความนิยมอย่างมากในแพลตฟอร์ม TikTok โดยเนื้อหาส่วนใหญ่มักระบุว่า หากผู้หญิงเพิ่ม Feminine Energy มากขึ้น จะทำให้พวกเธอสามารถดึงดูดสิ่งที่ดีเข้ามา นำไปสู่การมีชีวิตที่สบายขึ้น รวมถึงหากนำไปปรับใช้กับด้านความสัมพันธ์ จะส่งผลให้ได้รับการปฏิบัติที่ดีแบบ Princess Treatment จากคนรัก

“Feminine Energy ทำให้ชีวิตผู้หญิงง่ายขึ้น” วาทกรรมสอนหญิงจาก TikTok ที่ชวนให้คนกลับสู่กรอบบทบาททางเพศ เพื่อจะมีชีวิตที่ดี ทั้งที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงแบบไหน ก็สามารถมีชีวิตที่ดี และความรักที่คู่ควรได้

สำนักข่าว AP ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนจำนวน 4 คน ว่านโยบายนี้ถูกสั่งการโดยนาย Nicholas Burns เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน เพียงไม่นานก่อนที่เขาจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในจีน และก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS