“การทารุณกรรมเด็กที่ฉันเคยเห็นแต่ในข่าว มันเกิดขึ้นแล้วกับลูกของฉัน” อารึม อดีตสมาชิกวง T-ara ดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตสามี ที่ทำร้ายร่างกายลูกๆ อย่างรุนแรง และขณะคบหาก็เคยทำร้ายร่างกายเธอเช่นกัน

อารึม อดีตสมาชิกวง T-ara ดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตสามี ที่ทำร้ายร่างกายลูกๆ อย่างรุนแรง และขณะคบหาก็เคยทำร้ายร่างกายเธอเช่นกัน

Child Abuse หรือ การทารุณกรรมเด็ก เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก และหลายครั้งเองผู้ลงมือทำร้ายร่างกายเด็กก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่เป็นคนในครอบครัว ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ปกครอง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาที่พ่อแม่หลายบ้านคิดว่าตัวเองมี ‘อำนาจ’ เหนือลูก และสามารถจะทำอะไรก็ได้ เพราะเป็นผู้ให้กำเนิด เสมือนเป็นเจ้าของชีวิต นี่ถือเป็นปัญหาสังคม ที่ผู้ใหญ่หลายคนไม่ได้เรียนรู้เรื่องของ ‘สิทธิเด็ก’ ที่แม้จะเป็นลูก ก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้าย เช่นกรณีข่าวใหญ่ล่าสุดในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อ ‘อารึม’&nbsp;อดีตสมาชิกวงเกิร์ลกรุ๊ป T-ara ออกมาบอกเล่าพฤติกรรมของอดีตสามีที่ทำร้ายร่างกายลูกทั้ง 2 คนของเธออย่างหนัก พร้อมแนบหลักฐานร่องรอยการถูกทำร้าย และเธอแจ้งว่าตอนนี้อยู่ระหว่างดำเนินการทางกฎหมาย เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูกๆอารึมได้แต่งงานกับสามีนักธุรกิจหนุ่มในปี 2019 มีลูกด้วยกัน 2 คน และเมื่อปี 2023 เธอได้ออกมาเปิดเผยถึงความต้องการหย่ากับสามีมาหลายปีแล้ว แต่เขาไม่ยอมประทับตราหย่า เธอจึงตัดสินใจฟ้องหย่า และหลังจากฟ้องหย่าเรียบร้อย เธอจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และแต่งงานกับแฟนใหม่ของเธอ ซึ่งขณะนั้นหลายคนก็ไม่เข้าใจว่าเธอมีปัญหาครอบครัวอะไร จนกระบวนการหย่าร้างได้ยืดเยื้อมาถึงปีนี้ และวันที่ 2 มีนาคม 2024 เธอก็ได้ออกมาโพสต์บนอินสตาแกรมถึงการดำเนินการทางกฎหมายกับอดีตสามี เพราะเขาทำร้ายร่างกายลูกๆ และเล่าถึงปัญหาครอบครัว ที่แม้เธอจะบอกว่าประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน แต่ก็เป็นเรื่องที่เธอเชื่อว่าสังคมควรจะได้รู้“เรื่องการทารุณกรรมเด็กที่ฉันเคยเห็นแต่ในข่าว มันเกิดขึ้นแล้วกับลูกของฉัน” อารึมเล่าว่าตลอดการแต่งงาน อดีตสามีที่เธอกำลังฟ้องร้องอยู่ ทั้งเล่นการพนัน และไม่เคยคิดจะหาเลี้ยงครอบครัวเลย และเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดที่สุดคือตอนที่ลูกๆ ของเธอได้มาบอกเล่าถึงสิ่งที่คนเป็นพ่อกระทำใส่ว่า “เท่าที่ฉันรู้ เด็กอายุไม่ถึง 1 ขวบ เคยถูกโยนลงเตียงอยู่บ่อยครั้ง และลูกคนโตซึ่งอายุ 5 ขวบ ถูกลงโทษ ทุบตี และเคยเตะไล่ลูกออกจากบ้าน เพราะส่งเสียงดังขณะที่คิมและแม่ของเขากำลังนอน”“เขาไม่เพียงแต่ถ่มน้ำลายใส่เด็กๆ ด้วยความโกรธ แต่ยังฉี่ใส่หน้าพวกเขา และอึใส่หน้าลูกคนโตด้วย” เธอยังอธิบายถึงรูปที่เธอเปิดเผยให้เห็นรอยฟกช้ำเต็มตัวลูกๆ ว่า “มีรอยฟกช้ำบนร่างกายของเด็กๆ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกๆ ก็จริง แต่ระหว่างการแต่งงานของเรา เขาได้ทำร้ายฉัน และทำสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านี้อีก” ซึ่งเธอได้รวบรวมหลักฐานและมั่นใจว่าจะชนะคดีนี้อย่างแน่นอน และจะออกมาเล่าให้ฟังถึงสิ่งเลวร้ายที่เขาทำกับเธอในภายหลัง<img src="https://media.thairath.co.th/image/lYPzf9puAoXinjtwOVcOTP4lpxShUgbN92WZM04sMgMe9vA1.jpg" data-id="101469" data-url="https://media.thairath.co.th/image/lYPzf9puAoXinjtwOVcOTP4lpxShUgbN92WZM04sMgMe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">อารึมเล่าว่า เหตุผลที่เธอส่งเด็กๆ ไปอยู่บ้านพ่อก่อนหน้านี้ และให้สิทธิ์การดูแลเด็กกับอดีตสามี เพราะอดีตสามีสัญญาว่าจะหย่ากับเธอให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ผิดคำพูด และหลังจากที่เธอพยายามจะพาลูกกลับบ้านหลายครั้ง จนได้เจอหน้าลูก เธอจึงทราบเรื่องราวที่น่าตกใจนี้ ซึ่งเธอก็ดำเนินการทางกฎหมายทันที และตอนนี้ลูกก็ได้ย้ายกลับมาอยู่กับเธอเป็นที่เรียบร้อย เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้ OSEN เพิ่มเติมถึงความรุนแรงนี้ด้วยว่าเขาไม่ได้ทำร้ายลูกแค่ในพื้นที่ส่วนตัว แต่ทำร้ายในที่สาธารณะด้วย “ที่น่าตกใจไปกว่านั้น คือตอนที่พวกเขาไปสระว่ายน้ำ คือเขาทำร้ายเด็กๆ ที่บ้าน ฉันก็ไม่คิดว่าจะทำแบบนั้นที่สระว่ายน้ำด้วย แต่เขาก็ฉี่ใส่หน้าลูกๆ ของฉัน”ขณะที่เธอกำลังสู้เพื่อความยุติธรรมของลูกทั้งสอง เธอก็ต้องพยายามกอบกู้สภาพจิตใจให้แข็งแรงเพื่อการดำเนินการทางกฎหมายครั้งนี้ เธอเปิดใจในวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมาว่า “ฉันจำเป็นต้องดูแลสภาพจิตใจให้ดี และเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุดจนกว่าทุกๆ อย่างจะเข้าที่เข้าทาง สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ใช่การล้มมากน้อยแค่ไหน แต่คือความกล้าที่จะลุกขึ้นมาก้าวเดินต่อไปต่างหาก และแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่คุณล้มลงโดยไม่ยอมแพ้จนสุดทาง”“คนที่มีบางสิ่งที่ต้องปกป้องจะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากล้มลง ฉันหวังว่าทุกคนจะมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งในวันนี้ เพื่อปกป้องตัวพวกคุณเองนะคะ”เราขอส่งกำลังใจให้พี่สาวอารึมผ่านพ้นเรื่องยากๆ นี้ไปให้ได้ และขอย้ำว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กโดยฝีมือผู้ใหญ่และผู้ปกครองไม่ใช่เรื่องปกติ และเป็นการละเมิดสิทธิเด็กที่ร้ายแรง ซึ่งเป็นปัญหาที่สังคมเราควรช่วยกันพูดถึง และผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหานี้ต่อไป ใครอยากส่งกำลังใจให้อารึม สามารถส่งข้อความดีๆ ให้เธอได้ที่ <a href="https://www.instagram.com/areum0ju" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.instagram.com/areum0ju</a>&nbsp;อ้างอิง:<a href="https://www.kbizoom.com/t-aras-areum-reveals-feelings-after-exposing-husbands-child-abuse-i-need-to-be-the-strongest-person/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.kbizoom.com/t-aras-areum-reveals-feelings-after-exposing-husbands-child-abuse-i-need-to-be-the-strongest-person/</a>&nbsp;<a href="https://www.kbizoom.com/t-aras-areum-revealed-more-details-of-her-ex-husbands-child-abuse-after-shocking-instagram-post/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.kbizoom.com/t-aras-areum-revealed-more-details-of-her-ex-husbands-child-abuse-after-shocking-instagram-post/</a><a href="https://www.kbizoom.com/t-ara-areum-exposes-husbands-abuse-of-their-children-amid-divorce-lawsuit/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.kbizoom.com/t-ara-areum-exposes-husbands-abuse-of-their-children-amid-divorce-lawsuit/</a>

For the Love of Men: From Toxic to a More Mindful Masculinity (2019) คือหนังสือของ ลิซ แพลงค์ (Liz Plank) ที่ได้รับความชื่นชมอย่างหนาหู ว่าเป็นหนังสือที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจและพูดถึงความเป็นชายอันแสนเป็นพิษโดยปราศจากท่าทีเหมารวม

Liz Plank นักเขียนเฟมินิสต์ผู้ยืนยันว่า Toxic Masculinity ก็ทำร้ายผู้ชายเช่นกัน

กิจกรรมเสวนา Talk to PEACH ‘เรื่องเพศ พูดได้’ ที่ว่าด้วยเรื่องของสุขภาวะทางเพศของผู้หญิง ณ ชั้น 4 สยามพารากอน ซึ่งจัดโดยแพลตฟอร์ม Talk to PEACH แอปพลิเคชันให้คำปรึกษาเรื่องเพศและสุขภาวะทางเพศแบบออนไลน์

เปิดบทสนทนาในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างอิสระในการพูดเรื่องเพศของผู้หญิง จากงาน Talk to PEACH ‘เรื่องเพศ พูดได้’ 

แนวคิดปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้หลายๆ คนเริ่มตัดสินใจใช้ชีวิตแบบ 4 No นั่นคือ ไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน และไม่มีลูก ซึ่งหลายคนมองว่าสิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่ออัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลกของเกาหลีใต้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS