ความน่ากังวลที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งหล่อหลอมให้เด็กหลายคนอยากจะดูเทสต์ดี และคลั่งไคล้การมีภาพบนอินสตาแกรมที่มี aesthetic ดีๆ แม้นั่นจะไม่ใช่รูปที่ถ่ายมาเองหรือกระทั่งไม่ใช่ชีวิตของตัวเองก็ตาม

การผุดขึ้นของกลุ่มซื้อขาย ‘รูปเทสต์ดี’ 
ที่เด็กวัยรุ่นใช้สร้างโลกอีกใบที่ดูดีบนโซเชียล ภาพสะท้อนความไม่ชอบชีวิตตัวเอง ที่อาจนำไปสู่บาดแผลของทั้งคนโพสต์และคนโดนหลอก 

ดูเหมือนว่าโลกที่เราอยู่ตอนนี้ ทำให้หลายคนไม่ชอบตัวเอง ไม่อยากเป็นตัวเอง จนบางครั้งถึงขั้นอยากจะเป็นคนอื่น หรือกระทั่งสร้างโลกอีกใบบนโซเชียลมีเดียด้วยการใช้รูปของคนอื่น ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่แพร่หลายในหมู่เด็กไทยมากกว่าที่คิดเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งปัญหาสังคมที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกัน และเราอยากชวนมองไปถึงภาพกว้างๆ เกี่ยวกับการพึงพอใจในตัวเองที่ลดลงของคนรุ่นใหม่ที่เกี่ยวเนื่องจากกรณีล่าสุด เมื่อหญิงสาวคนหนึ่ง ออกมาบอกเล่าผ่านแอ็กเคานต์ X ว่า เธอถูกขโมยรูปเซลฟี่ไปขายใน ‘กลุ่มขายภาพ’ กลุ่มหนึ่งบนเฟซบุ๊ก และเมื่อทักไปถามคนที่ใช้รูปของเธอ ปรากฏว่าเจ้าของโพสต์ได้ซื้อรูปมาอีกที โดยนึกว่าคนขายเป็นคนเดียวกับคนในภาพ ทำให้หลายๆ คนที่ตามประเด็นนี้ แสดงความคิดเห็นถึงความน่ากังวลที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งหล่อหลอมให้เด็กๆ หลายคนอยากจะดูเทสต์ดี และคลั่งไคล้การมีภาพบนอินสตาแกรมที่มี aesthetic ดีๆ แม้นั่นจะไม่ใช่รูปที่ถ่ายมาเองหรือกระทั่งไม่ใช่ชีวิตของตัวเองก็ตามธุรกิจการซื้อขายรูปที่เกิดขึ้นนี้น่าพูดถึงอย่างมาก เพราะมีทั้งการขายรูปเซลฟี่ตัวเอง รูปแฟชั่นการแต่งตัว รวมถึงรูปวิว รูปร้านที่ไป สถานที่ต่างๆ จนถึงรูปสวยๆ ใดๆ ที่สามารถบ่งบอกไลฟ์สไตล์ที่ดูดีหรือสะท้อนความ ‘เทสต์ดี’ ของคนที่ซื้อไปใช้ ซึ่งตามค่านิยมของเด็กรุ่นใหม่ การซื้อรูปคนอื่นมาใช้โพสต์ราวกับเป็นชีวิตของตัวเองนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรด้วยซ้ำ เป็นเรื่องที่ “ใครๆ ก็ทำกัน” และหากไม่นับกรณีการขโมยรูปคนอื่นมาขาย สิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นความแฮปปี้และยินยอมของทั้งสองฝ่าย&nbsp;อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องพูดถึงจุดประสงค์ของการนำรูปไปใช้ด้วย การมีคอมมูนิตี้ซื้อ-ขายรูปคนอื่นกันนี้ เกิดขึ้นเพราะอยาก ‘ดูดี’ ที่ส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กรุ่นใหม่ เนื่องจากมีแอ็กเคานต์หนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มนั้นออกมาอธิบายว่า “เอาจริงใครๆ ก็อยากมีมุมที่ดูดีเป็นของตัวเองค่ะ ทุกคนต้องการผลักดันตัวเองให้เป็นคนที่มีมุมมองดีๆ ทั้งนั้น ไม่มีใครอยากย่ำอยู่กับที่ ก็ลองมองย้อนดูคนในสังคมไทยสิคะ บูลลี่ กดคนอื่นเก่งเหลือเกิน”&nbsp;เธอยังย้ำว่า คนที่ขายรูป ก็ consent ที่จะขายเอง อย่าเหมารวมเคสคนที่ถูกขโมยรูปมาขาย แต่ก็น่าคิดต่อไปว่า แม้บางคนจะ consent ที่จะขายรูปเอง แต่การใช้หน้าตาคนอื่นมาเป็นตัวตนของตัวเองบนโลกโซเชียล มันก็ยังเข้าข่ายนิยามของ ‘Catfishing’ หรือการแสร้งเป็นคนอื่นในโลกออนไลน์ ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใดๆ บางคนหาเพื่อน บางคนหาแฟน หรือบางคนก็เอาไปใช้หลอกเหยื่อบนโลกอินเทอร์เน็ตในรูปแบบต่างๆ ซึ่งอาจไปถึงการก่ออาชญากรรมร้ายแรงได้ และถึงแม้การอยากดูดีของเด็กๆ ลึกๆ แล้วจะไม่ได้มีจุดประสงค์ไปทำร้ายใคร แต่การสร้างตัวตนมาเพื่อสร้างความเข้าใจผิดต่อคนอื่นๆ บนโลกออนไลน์ ก็ปฏิเสธได้ยากว่าไม่ใช่การหลอกลวงคนอื่นคำว่า Catfishing มาจากสารคดีเรื่อง Catfish ปี 2010 เมื่อ Nev Schulman ออกมานำเสนอประสบการณ์ของตัวเองจากการถูกหลอกทางออนไลน์ และเราเชื่อว่าการสวมตัวตนเป็นอีกคนนั้นเกิดขึ้นมานานแล้วหลายต่อหลายปี และเกิดขึ้นนับไม่ถ้วนในแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ติ๊กต่อก จนถึงแอปฯ หาคู่ ที่มีหลายคนออกมาเล่าประสบการณ์ และเรียกร้องความเป็นธรรมกันอยู่หลายครั้ง บางคนถูกดูดรูป ดูดคลิปฯ ไปสร้างแอ็กฯ เสมือนว่าเป็นตัวจริง เพราะอยากจะเป็นคนดัง บางคนร้ายแรงกว่านั้น ถูกใช้รูปไปสร้างความสัมพันธ์โรแมนติก จนนำไปสู่ความรุนแรงทางเพศรูปแบบต่างๆ ที่เห็นตามข่าวอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งจากการศึกษาของ The Cyber Helpline ดูเหมือนว่าเด็กเจนซี ถึง 49% ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศบนโลกออนไลน์จาก Catfishing และ 90% ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตประจำวันจากการถูกหลอกครั้งนี้ และ 74% รู้สึกว่าสิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางกายภาพของพวกเขาด้วยสำหรับ Catfisher บางคนที่ขโมยตัวตนของคนอื่นเพื่อวางแผนก่ออาชญากรรมโดยเฉพาะ นี่เป็นความผิด และเป็นพฤติกรรมที่ร้ายแรง ไม่น่าให้อภัย แถมยังสร้างบาดแผลให้คนที่ตกเป็นเหยื่ออย่างมาก ขณะเดียวกัน Catfisher ที่สร้างตัวคนอื่นขึ้นมาโดยการใช้รูปคนอื่น เพื่อการเข้าสังคม หรือการถูกยอมรับบนโลกอินเทอร์เน็ต แม้จะไม่ใช่อาชญากรรมชัดเจน แต่การหลอกลวงครั้งนี้ ก็สร้างบาดแผลให้คนที่โดนหลอกได้เช่นกัน เพราะคงไม่มีใครอยากจะถูกหลอกแน่ๆ&nbsp;“ผลกระทบต่อสุขภาพจิตของเราเมื่อเราถูก catfish มีตั้งแต่ ทำให้เรารู้สึกว่า ผู้คนไว้ใจไม่ได้เลย ตั้งคำถามกับตัวเองถึงแรงจูงใจของเขา การมีคุณค่าของเรา และคงรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ว่าทำไมเราถึงตกเป็นเป้าหมายกันนะ” Lisa Spitz ที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์กล่าว เธอยังบอกว่า คนที่ถูก catfish ยังอาจรู้สึกอับอายจากการถูกหลอก จนนำไปสู่สัญญาณของความเครียดและภาวะซึมเศร้าได้ ดังนั้นการหลอกใครสักคน จึงเป็นการทำร้ายจิตใจอีกฝ่าย แม้บางคนจะคิดว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายก็ตามและหากเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพจิต เกี่ยวกับความไม่มั่นใจในตัวเอง หรือการมี self-esteem ที่น้อย จนนำไปสู่การสวมรอยเป็นคนอื่น โดยไม่ได้มีเจตนาจะก่ออาชญากรรมหรอก เพียงแต่ถูกสังคมหล่อหลอมให้รู้สึกไม่ชอบตัวเอง จนต้องสร้างโลกที่ถูกผู้คนมองเห็นขึ้นมา ซึ่งอาจจะหนักขึ้นอีกในอนาคตเพราะอินเทอร์เน็ตกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพวกเราทุกคนไปแล้ว&nbsp;งานวิจัยของ Eric Vanman รองศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ที่สำรวจความรู้สึกของคน 27 คนที่เคยเป็น Catfisher ว่าอะไรที่พวกเขาตัดสินใจแบบนั้น ซึ่งความเห็นบางส่วนก็น่าสนใจ และสะท้อนสังคมไม่น้อยเลยทีเดียว โดย 41% ของผู้เข้าร่วมการสำรวจ ระบุว่า ‘ความเหงา’ เป็นเหตุผลในการ Catfishing“ฉันแค่อยากจะป๊อบปูลาร์มากขึ้น และมีเพื่อนที่สามารถคุยกับฉันในบางช่วงของวันได้ ก็เท่านั้นเอง”“ฉันมีปัญหาเรื่อง self-esteem มากเลย จริงๆ แล้ว ฉันคิดว่าตัวเองน่าเกลียดและไม่น่าดึงดูดใจ วิธีเดียวที่ฉันจะมีความสัมพันธ์ได้ ก็คือทางออนไลน์ และการมีตัวตนปลอมๆ”“หากฉันลองส่งรูปภาพจริง และไม่ผ่านการอีดิตของฉันไปให้ใครก็ตามที่ดูเหมือนจะไนซ์ พวกเขาก็จะเลิกคุยกับฉัน”“มันอาจจะดูมหัศจรรย์จังเลย ที่สามารถหลบหนีจากความรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ แต่สุดท้ายกลับทำให้แย่ลงเข้าไปอีก”“ยากนะที่จะหยุดเสพติดสิ่งนี้ได้ เมื่อความเป็นจริงมันกระแทกเข้ามาจังๆ และฉันก็รู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์เชี่ยๆ คนนึง”ฟังแล้วก็ดูน่าเศร้า ที่หลายๆ คน โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ ที่กำลังเติบโตในสังคมที่ไม่เอื้อต่อการเป็นตัวเอง และโหยหาการถูกยอมรับ หากจะแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง และยั่งยืน คงจะต้องเริ่มจากคนในสังคมที่ควรจะมีความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เคารพในความแตกต่าง ไม่ทำให้ใครรู้สึก ‘แปลกแยก’ จนพวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อที่จะเป็นคนอื่น แลกกับการถูกมองเห็นในสังคม จนอาจสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นๆ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ&nbsp;อ้างอิง:<a href="https://theconversation.com/its-not-about-money-we-asked-catfish-why-they-trick-people-online-100381" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://theconversation.com/its-not-about-money-we-asked-catfish-why-they-trick-people-online-100381&nbsp;</a><a href="https://bit.ly/3UT8LPy" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://bit.ly/3UT8LPy</a><a href="https://www.usatoday.com/story/news/nation/2022/11/29/what-is-catfishing-why-do-people-catfish/10794619002/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.usatoday.com/story/news/nation/2022/11/29/what-is-catfishing-why-do-people-catfish/10794619002/</a>&nbsp;

สำนักข่าว AP ได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนจำนวน 4 คน ว่านโยบายนี้ถูกสั่งการโดยนาย Nicholas Burns เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน เพียงไม่นานก่อนที่เขาจะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในจีน และก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นสู่ตำแหน่งประธานาธิบดี

สำนักข่าว AP เผย สหรัฐฯ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่รัฐและครอบครัวที่อยู่ในจีน คบหาเชิงโรแมนติกหรือมีความสัมพันธ์ทางเพศกับพลเมืองจีน

นี่คือภารกิจทะยานสู่อวกาศในรอบ 60 ปี ซึ่ง ‘ผู้หญิง’ ได้ขึ้นยานอวกาศไปพร้อมกันในฐานะทีมลูกเรือหญิงล้วน ที่บริษัทอวกาศ Blue Origin ได้แท็กทีมรวมตัวผู้หญิง 6 ชีวิต 6 อาชีพ 6 วิสัยทัศน์ แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างดุเดือดว่า นี่ไม่ใช่การพื้นที่ให้ผู้หญิงจริงๆ แต่เป็นการโฆษณาเชิงพาณิชย์

สัญลักษณ์เพื่อผู้หญิงในอนาคต หรือ ‘เฟมินิสม์ปลอม’ เชิงพาณิชย์? Blue Origin ภารกิจลูกเรือหญิงล้วน กับการถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียงการตลาด ทั้งที่เงินก้อนนั้น
สามารถช่วยผู้หญิงและคนชายขอบได้อีกหลายชีวิต

ในสหราชอาณาจักร มีการยื่นเรื่องต่อศาลสูงสุด เพื่อพิจารณานิยามของ ‘ผู้หญิง’ ในพ.ร.บ. ความเท่าเทียม ปี 2010 อีกครั้ง โดยกลุ่ม For Women Scotland (FWS) ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลสก็อตแลนด์ให้นักการเมืองหญิงข้ามเพศเข้ามานั่งในสภาด้วยโควต้าของผู้หญิง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS