“ฉันหมดความอยากที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ตอนที่พวกเขารู้ว่าได้ลูกสาว ทำไมไม่บีบคอฉันให้ตายเสียตั้งแต่แรกไปเลยนะ” คำสารภาพของหญิงสาว ที่ได้รับผลพวงจากค่านิยมเลือก ‘ลูกชาย’ ในจีน

คำสารภาพของหญิงสาว ที่ได้รับผลพวงจากค่านิยมเลือก ‘ลูกชาย’ ในจีน

*บทความนี้กล่าวถึงการฆ่าตัวตาย722 ล้านคน คือตัวเลขของประชากรชายในจีน ขณะที่จำนวนประชากรหญิงนั้นมีเพียงแค่ 690 ล้านคน ปัญหาความไม่สมดุลระหว่างประชากรชายและหญิงนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ผลพวงเดียวที่เหลือทิ้งไว้จากนโยบายลูกคนเดียวซึ่งเคยถูกประกาศใช้ในยุคของผู้นำเติ้งเสี่ยวผิงในปี 1979 เพื่อชะลอการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากร เพราะถึงแม้นโยบายนี้จะสิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อปี 2015 และอนุญาตให้คนจีนมีลูกได้ 2 คนในปี 2016 จนกระทั่งอนุญาตให้เพิ่มมาเป็น 3 คนได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ แต่ค่านิยมที่สังคมจีนให้คุณค่ากับการมี ‘ลูกชาย’ มากกว่าลูกสาวก็ยังคงฝังรากลึก ไม่หายไปไหน และนับวันก็ยิ่งทำร้ายผู้หญิงในจีนมากขึ้นด้วย&nbsp;แต่ไหนแต่ไรค่านิยมของสังคมจีนนั้นต้องการมีลูกชายเพื่อทั้งสืบทอดวงศ์ตระกูลและรักษาสกุลเดิมของครอบครัวเอาไว้ ส่วนถ้าครอบครัวไหนมีลูกสาว ก็จะถูกคาดหวังให้แต่งออกไปอยู่กับครอบครัวผู้ชาย แต่ก็ยังหนีไม่พ้นถูกคาดหวังให้ต้องมีลูกชายให้ครอบครัวนั้นๆ ด้วย ส่วนครอบครัวไหนมีทั้งลูกชายและลูกสาว คนที่เป็นลูกสาวกลับต้องถูกกดดันให้เป็นฝ่าย ‘หาเลี้ยง’ คนในบ้าน ต้องรับผิดชอบเศรษฐกิจในครอบครัว และค่านิยมที่ถูกส่งต่อกันมาหลายต่อหลายเจเนอเรชันนี้กำลังส่งผลกระทบต่อผู้หญิงในจีนอย่างมากจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้หญิงในจีนที่ใช้แพลตฟอร์มอย่าง Shihu และ Bilibili โพสต์ระบายความทุกข์ที่พวกเธอต้องเผชิญจากค่านิยม ‘Son Preference’ หรือการเลือก และให้คุณค่ากับลูกชายมากกว่าลูกสาว พบว่าเป็นหญิงสาวหลายคนต้องเจอกับความสัมพันธ์ Toxic คล้ายๆ กันคือการถูก ‘เอารัดเอาเปรียบ’ ไม่ใช่จากใครที่ไหนเลย แต่เป็นครอบครัวของพวกเธอเอง&nbsp;นักเรียนหญิงโรงเรียนมัธยมคนหนึ่งสารภาพว่าการต้องตกอยู่ในฐานะลูกสาวของบ้าน ทำให้เธอรู้สึกไร้ค่า ไม่ได้รับความรักจากครอบครัว และทำให้เธอคิดอยากฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง“แม่ของฉันชอบย้ำเสมอว่าที่เขาเลี้ยงฉันมาก็เพื่อให้ฉันเลี้ยงดูพวกเขาตอนแก่ และฉันต้องจ่ายคืนพวกเขาเป็นเงินเดือนละเท่าไร อีกทั้งฉันยังต้องป็นคนหาเลี้ยงน้องชาย และรับผิดชอบค่าเล่าเรียนให้เขาด้วย” หญิงสาวกล่าว “ฉันรู้สึกเหมือนพวกเขาไม่รักฉันเลย เหมือนอยู่บนความไม่ปลอดภัยตลอดเวลา จนบางครั้งคิดอยากโดดบันไดลงมา ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด อาจจะมีความสุขมากกว่านี้”&nbsp;ขณะที่หญิงสาวบางคนยอมรับว่าเธอต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวทั้งหมดเพียงลำพัง แม้ว่าจะหางานทำได้และแยกออกมาสร้างความสัมพันธ์ของตัวเองแล้ว ครอบครัวก็ยังมิวายตามมารีดไถเงินจากเธอ นั่นทำให้ความสัมพันธ์ของเธอกับแฟนหนุ่มไม่มีความมั่นคงจนอาจต้องแยกทางกัน เธอรู้สึกหมดหวังในชีวิต “ฉันแทบหมดความอยากมีชีวิตอยู่ ตอนที่พวกเขารู้ว่าได้ลูกสาว ทำไมไม่บีบคอฉันให้ตายเสียตั้งแต่แรกไปเลยนะ”&nbsp;เมื่อผู้หญิงเหล่านี้ระบายความทุกข์ของพวกเธอในโซเชียลฯ จริงอยู่ว่าหลายคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นรู้สึกโกรธเเค้นต่อค่านิยมที่ไม่เป็นธรรมก็จริง แต่น้อยคนจะเข้าใจว่าเพราะเหตุใดพวกเธอถึงไม่สามารถหนีออกจากชีวิตที่ต้องวนลูปกับการถูกเอาเปรียบนี้ด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสังคมจีนมีวัฒนธรรมการสืบทอดตระกูลแบบสืบทอดทางฝ่ายพ่อ (Patrilineal Descent) ซึ่งหมายถึงทรัพย์สินและยศฐาบรรดาศักดิ์ใดๆ ของตระกูลจะสืบทอดโดยสายสกุลเพศชาย อีกทั้งเวลานับญาติก็ยังนับญาติที่ฝ่ายผู้ชายด้วย นั่นทำให้ในสังคมจีน ทายาทผู้ชายมีบทบาทสำคัญกว่าผู้หญิงมากกว่าเป็นไหนๆ แถมมีอำนาจในการครอบครองมรดกและจัดการทรัพย์สมบัติต่างๆ ของครอบครัวโดยชอบธรรม นั่นทำให้ค่านิยมเรื่องการเลือกเพศของเด็กที่จะเกิดมา และการให้คุณค่ากับลูกชายมากกว่าลูกสาวผูกติดฝังแน่นอยู่ในวัฒนธรรมของจีนอย่างแยกกันไม่ออก จนสามารถเรียกว่าจีนเป็นหนึ่งในสังคมแบบปิตาธิปไตยที่บทบาทของผู้หญิงยังคงถูกลดทอน เต็มไปด้วยการเลือกปฏิบัติ และความเท่าเทียมทางเพศยังคงเป็นเรื่องห่างไกล&nbsp;ในบางครอบครัวที่ค่านิยมลูกชายรุนแรงมากหน่อย บรรดาลูกสาวจะรู้ตัวตั้งแต่เด็กว่าพวกเธอจะไม่ได้รับสมบัติทรัพย์สินใดๆ จากครอบครัว และถูกย้ำเสมอว่าพวกเธอติด ‘หนี้บุญคุณ’ ครอบครัวที่ยอมให้พวกเธอเกิดมา ทำให้พวกเธอมีภาระผูกพันกับการเป็นหนี้ครอบครัวตัวเองไม่รู้จบ จนต้องทำทุกอย่างเพื่อตอบแทนบุญคุณนั้น &nbsp;“ตอนกำลังเรียนอยู่ปี 3 ในมหาวิทยาลัย แม่ของฉันอยากให้ฉันเรียนจบไวๆ เพราะจะได้ทำงานและแต่งงานกับใครสักคนเร็วๆ จะได้มีเงินมาให้น้องชายไปหมั้นผู้หญิง ซื้อบ้านให้เขา และออกเงินให้เขาแต่งงาน” หญิงสาวคนหนึ่งแชร์เรื่องราวของเธอในแฟลตฟอร์มออนไลน์ไม่เพียงเท่านั้น ค่านิยมเรื่องลูกชายในสังคมจีนยังรุนแรงถึงขั้น ปลูกฝัง ‘ความเกลียดชังผู้หญิง’ (Misogyny) ในหัวของเด็กผู้หญิงตั้งแต่พวกเธอเป็นเด็กเล็กๆ เลยทีเดียว “ตอนป้าของฉันตั้งท้อง ลุงบอกฉันว่าภาวนาให้ได้น้องชายเถอะ ถ้าได้น้องชายก็จะได้กินน่องไก่ แต่ถ้าได้น้องสาวล่ะก็ ได้กิน ‘ขี้ไก่’ แทนแน่” หญิงสาวคนหนึ่งเล่า (น่องไก่ - ในบริบทของคนจีนหมายถึงส่วนที่อร่อยและดีที่สุดของไก่ การได้ลูกชายแล้วได้กินน่องไก่จึงหมายถึงความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ เป็นเหมือนการเฉลิมฉลองความสำเร็จ ส่วน ‘ขี้ไก่’ หมายถึงความสกปรก ไร้ค่า น่าเวทนา น่ารังเกียจ ซึ่งบางครั้งใช้ในการดูถูกเหยียดหยันได้เหมือนกัน)&nbsp;ค่านิยมเรื่องลูกชายไม่เพียงทำให้ผู้หญิงในจีนตกเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวไม่รู้จบ ยังส่งผลกระทบไปถึงสิทธิของเด็กผู้หญิงในการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ตั้งแต่คุณภาพชีวิต ไปจนถึงเรื่องอาหาร โภชนาการ และการเข้าถึงการศึกษาที่เด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายได้รับต่างกัน แม้จะเกิดมาในครอบครัวเดียวกันก็ตาม&nbsp;หากมองถึงปัจจัยต่างๆ เหล่านี้แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงจีนเจเนอเรชันใหม่จำนวนมากจะยังไม่สามารถดิ้นหลุดจากความทุกข์ทรมานที่พวกเธอต้องเจอ แม้ว่าจะมีรายได้มากพอจะหาเลี้ยงตัวเองได้ หรือออกไปมีความสัมพันธ์ของตัวเองแล้ว ก็ยังต้องเจอกับการไม่มีอิสระทางการเงิน และการถูกเอารัดเอาเปรียบจากครอบครัว จนเป็นเรื่องน่ากังวลว่ามันอาจนำมาสู่ปัญหาทางสังคมอื่นๆ อย่างเช่นความรุนแรงและการฆ่าตัวตายในที่สุด&nbsp;อ้างอิง<a href="https://theconversation.com/i-almost-lost-my-will-to-live-preference-for-sons-is-leaving-young-women-in-china-exploited-and-abused-209065" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://theconversation.com/i-almost-lost-my-will-to-live-preference-for-sons-is-leaving-young-women-in-china-exploited-and-abused-209065</a><a href="https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/14705931231199386" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://journals.sagepub.com/doi/10.1177/14705931231199386</a><a href="https://www.sac.or.th/databases/anthropology-concepts/glossary/32" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.sac.or.th/databases/anthropology-concepts/glossary/32</a>

ท่ามกลางโลกทุกวันนี้ที่บีบบังคับให้เราต่างต้องประสบความสำเร็จ มุ่งไปข้างหน้า คาดหวังให้เราเป็นยอดมนุษย์ในทุกๆ เรื่อง แต่ขณะเดียวกันก็กดดันให้เราวิ่งวนเป็นวงกลมไปกับข้อมูลอันท่วมท้นภายนอกที่ทำให้เราไม่มีเวลากลับมาสนใจโฟกัสกับความเป็นปัจจุบัน หรือแม้แต่ฟังเสียงของตัวเราเองอย่างที่ควรจะเป็น จนผลักให้ใครหลายคนต้องเผชิญกับภาวะ Mental Exhaustion หรือภาวะ Burnout ในท้ายที่สุด

ย้อนฟังคำพูดสุดทรงพลังที่จะปลุกการตื่นรู้และเยียวยาเรา จาก 3 สปีกเกอร์ ใน Dragonfly H.E.A.L Summit 2024

นักศึกษาหญิงชาวอิหร่านถูกเจ้าหน้าที่จับกุม หลังจากเธอตัดสินใจถอดฮิญาบ ปล่อยผมสยาย และเปลื้องผ้าให้เหลือแต่ชุดชั้นใน เดินไปรอบๆ มหาวิทยาลัยของเธอ เพื่อประท้วงต่อต้านกฏบังคับอันเคร่งครัดที่ให้ผู้หญิงทุกคนในประเทศแต่งกายอย่างมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้าตามหลักศาสนาอิสลาม

นักศึกษาหญิงชาวอิหร่านถอดฮิญาบ เปลื้องผ้าประท้วง ในมหาวิทยาลัย เพื่อต่อต้านกฏที่บังคับให้ผู้หญิงต้องปกปิดทั้งร่างกายและเส้นผม จนถูกจับกุมและยังไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ไหน

ย้อนไปเมื่อต้นปี 2023 ม้าตัวหนึ่งหัวใจวายตายขณะถ่ายทำซีรีส์ The Ring of Power ขณะที่เมื่อปี 2011 เสือชื่อคิงก็เกือบจมน้ำตายระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Life of Pi ในฉากที่จำเป็นต้องใช้เสือจริงๆ แทนซีจี  ฯลฯ และเช่นเดียวกับเคสแมวดำในซีรีส์ ‘แม่หยัว’ มีสัตว์หลายชีวิตต้องสูญเสียสวัสดิภาพของตัวเอง เพื่อตอบสนอง ‘ความสมจริง’ ในการถ่ายทำ โดยที่มันไม่สามารถให้ความยินยอมหรือเรียกร้องอะไรได้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

คำสารภาพของหญิงสาว ที่ได้รับผลพวงจากค่านิยมเลือก ‘ลูกชาย’ ในจีน

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS