เชย์นิส ปาลาซิโอส (Sheynnis Palacios) Miss Universe 2023 เธอเป็นผู้ครองมงกุฎนางงามแรกของประเทศนิการากัว และเคยเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการเมื่อปี 2018

มงกุฎนางงามจักรวาล สะเทือนรัฐบาลเผด็จการ ‘Sheynnis Palacios’ Miss Universe 2023 อาจกลับบ้านเกิดไม่ได้ หลังมีภาพเข้าร่วมประท้วงต่อต้านรัฐบาล ทำให้เธอถูกมองว่าเป็น ‘ภัย’

<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Sheynnis%20Palacios" rel="noopener noreferrer" target="_blank">เชย์นิส ปาลาซิโอส (Sheynnis Palacios)</a> Miss Universe 2023 จากประเทศนิการากัว เคยเข้าร่วมการประท้วงต่อต้านรัฐบาลเผด็จการเมื่อปี 2018 และนั่นทำให้การที่เธอเป็นผู้ครองมงกุฎนางงามแรกของประเทศนิการากัว มีความหมายอย่างยิ่งสำหรับประชาชนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยในประเทศของเธอ เนื่องจากเชย์นิสมีจุดยืนในการต่อต้านรัฐบาลเผด็จการที่คร่าชีวิตคนบริสุทธิ์ไปกว่า 355 คน และอีกกว่า 100,000 คนถูกเนรเทศ รวมถึงยังมีอีกหลายร้อยคนต้องถูกจำคุก บางส่วนก็ถูกริบสัญชาติ และยึดทรัพย์สิน แต่ดูเหมือนว่าแม้การประท้วงครั้งนั้นจะผ่านมาแล้ว 5 ปี และโพสต์ของเธอเกี่ยวกับการประท้วงก็ถูกลบไปแล้วเรียบร้อย แต่เมื่อมงกุฎนางงามลงหัว เชย์นิสก็ถูกขุดคุ้ยเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง และรัฐบาลนิการากัวที่นำโดย แดเนียล ออร์เตกา (Daniel Ortega) ซึ่งเป็นเผด็จการทหาร ก็ไม่พอใจที่เธอได้ตำแหน่งมา แม้จะเป็นมงกุฎแรกของประเทศนิการากัวเลยก็ตาม เพราะนอกจากเชย์นิสจะเข้าร่วมการประท้วงแล้ว เธอยังสำเร็จการศึกษาจาก Jesuit University of Central America วิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในตอนนั้น ซึ่งรัฐบาลได้สั่งปิดในปี 2018 จึงทำให้เชย์นิสมีโอกาสที่จะไม่สามารถกลับเข้าประเทศนิการากัวได้อีกครั้ง เพราะรัฐบาลมองว่าเธอเป็นปรปักษ์ และเป็นภัยต่อความมั่นคง ที่อาจเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้ประชาชนในประเทศลุกฮือลงถนนกันอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่คอนเฟิร์มว่าเชย์นิสจะกลับบ้านเกิดได้หรือไม่ แต่ดูจากคำสั่งของรัฐบาลที่ประกาศออกมาหลายๆ อย่าง ทำให้แนวโน้มที่ว่ามีสิทธิ์สูงที่จะเกิดขึ้น โดยรัฐบาลได้สั่งห้ามไม่ให้ประชาชนนิการากัวประท้วงหรือถือธงชาติในการเดินขบวน หลังจากรัฐบาลคิดว่าประชาชนอาจใช้การประโยชน์จากการเฉลิมฉลองที่เชย์นิสมงลงในการแสดงออกทางการเมือง และรัฐบาลยังขัดขวางไม่ให้เหล่าศิลปินวาดภาพของเชย์นิสเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของเธออีกด้วย นอกจากรัฐจะใช้อำนาจสั่งห้ามการแสดงออกของประชาชนที่ควรจะมีสิทธิ์อย่างอิสระ พวกเขายังสั่งแบนไม่ให้ คาเรน เซเลเบิร์ตติ (Karen Celebertti) ผู้อำนวยการการประกวด Miss Universe นิการากัว และลูกสาวของเธอ เข้าประเทศ โดยทั้งคู่ได้ถูกควบคุมตัวเมื่อมาถึงสนามบินมานากัว ไม่กี่วันหลังจากเชย์นิสครองตำแหน่ง ซึ่งตัวเซเลเบิร์ตติเองก็เคยประกวดนางงามมาก่อนในปี 1991 และถือเป็นนางงามประชาธิปไตยที่เคยมีเรื่องกับรัฐบาลนิการากัว เมื่อปี 2019 ที่เธอถูกควบคุมตัวเนื่องจากเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวเหล่านักโทษทางการเมือง การที่เชย์นิสได้ตำแหน่งมาครองจึงเป็นที่เพ่งเล็งสำหรับรัฐบาลเผด็จการที่ไม่รับฟังความเห็นต่างของประชาชน และตัวเชย์นิสเองก็ถูกเพ่งเล็งมากขึ้น ไม่ใช่แค่จากโพสต์ในอดีตของเธอ แต่รวมถึงชุดราตรีในรอบตัดสินที่เธอมาในชุดสีขาวพลิ้วไหวพร้อมผ้าคลุมสีน้ำเงิน ที่เหมือนธงชาตินิการากัวซึ่งต่อต้านธงสีดำแดงที่เป็นธงแนวร่วมซานดีนีสตาของรัฐบาลออร์เตกา ปัจจุบันเชย์นิสจะต้องดำรงตำแหน่ง Miss Universe และใช้เวลาปฏิบัติหน้าที่ของเธอเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่า จากนี้เธอจะสามารถกลับบ้านเกิดของเธอได้หรือไม่ และแม้แฟนนางงามบางส่วนจะไม่เห็นด้วยกับชัยชนะของเธอ (หรือกระทั่งบูลลี่รูปลักษณ์ของเธอ) แต่การร่วมประท้วงรวมถึงการเลือกสีในรอบชุดราตรี ในแง่นี้เราควรชื่นชมในความกล้าหาญของเธอเป็นอย่างยิ่ง อ้างอิง: <a href="https://www.ctvnews.ca/world/nicaragua-s-miss-universe-title-win-exposes-deep-political-divide-in-the-central-american-country-1.6658391" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.ctvnews.ca/world/nicaragua-s-miss-universe-title-win-exposes-deep-political-divide-in-the-central-american-country-1.6658391</a> <a href="https://www.france24.com/en/live-news/20231125-nicaragua-bars-pageant-head-after-ortega-critic-wins-miss-universe-media" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.france24.com/en/live-news/20231125-nicaragua-bars-pageant-head-after-ortega-critic-wins-miss-universe-media</a> <a href="https://www.marca.com/en/lifestyle/world-news/2023/11/25/6561744822601dd27b8b458d.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.marca.com/en/lifestyle/world-news/2023/11/25/6561744822601dd27b8b458d.html</a>&nbsp;

นี่คือคอมเมนต์ (บางส่วน) จากบรรดาชาวโซเชียลฯ ที่วิพากษ์อย่างเผ็ดร้อนหลังจากการกลับมาของซีรีส์แนวหลังโลกล่มสลาย The Last of Us ในซีซั่นล่าสุดที่เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของตัวละครหลัก กลับถูกมองว่า ภายใต้เรื่องราวความรักโรแมนติกหลังโลกล่มสลาย และการโอบรับความหลากหลายท่ามกลางความขัดแย้งเหล่านั้น อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งในการ ‘โรแมนติไซส์’ ความจริงอันโหดร้ายที่ถูกปัดไว้ใต้พรม

Pride in Genocide? เมื่อซีรีส์ The Last of Us ถูกวิจารณ์ว่าเป็น ‘Rainbow Washing’ การใช้ความโรแมนติกของความหลากหลาย มากลบทับความเกลียดชังปาเลสสไตน์ของผู้สร้าง

อดา เลิฟเลส (Ada Lovelace) ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก’ และในยุคที่ผู้หญิงยังคงถูกผูกมัดไว้กับบทบาทการเป็นแม่และเมียที่คอยดูแลงานในบ้าน อดามีโอกาสได้ก้าวออกจากกรอบกำหนดนั้น และพาตัวเองไปได้ไกลลิบในโลกแห่งตรรกะและเทคโนโลยี

Ada Lovelace โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก ในยุคที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิเข้าห้องสมุด จนต้องให้สามีช่วยคัดลอกหนังสือออกมาให้อ่าน

21-27 เมษายนนับเป็นสัปดาห์แห่งการมองเห็นเลสเบี้ยน (Lesbian Visibility Week) เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้ผู้คนมองเห็นและเข้าใจเลสเบี้ยนมากขึ้น

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS