
‘ผู้ชายฆ่าผู้หญิงเพราะความหึงหวง’ สาเหตุการฆาตกรรมในคู่รักอันดับต้นๆ ของไทย ที่เกิดจากการมองคนรักเป็นสมบัติส่วนตัว และยึดติดว่าทุกอย่างต้องได้ดั่งใจ
by MIRROR TEAM •27 Nov 2023ไม่กี่วันมานี้มีข่าวการฆาตกรรมที่น่าสลดใจ และน่าใจหาย เกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ถูกกระทำโดยคนรัก โดยมีสาเหตุเดียวกันคือ ‘ความหึงหวง’ ในเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งคดีที่เกิดขึ้น ณ งานแต่งงานในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อเจ้าบ่าวซึ่งเป็นอดีตทหารนาวิกโยธิน ก่อเหตุกราดยิงใส่เจ้าสาวรวมถึงญาติเจ้าสาวจนเสียชีวิต 4 ศพ ก่อนจะยิงตัวเองตายตาม มีการคาดเดาสาเหตุว่ามาจากการทะเลาะกันในงานแต่ง เนื่องจากเจ้าสาวหน้าตาดี พูดจาเพราะ เฟรนด์ลี่ ทำให้เจ้าบ่าวรู้สึกหึงหวง เข้าใจว่าจะมีผู้ชายคนอื่นมาชอบภรรยาของตัวเอง
หรืออีกคดีหนึ่งที่เกิดในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่ออดีตสามีของ อบต. หญิงรายหนึ่ง ได้ลงมือฆ่าโบกปูนอดีตภรรยา ซึ่งก่อนเกิดเหตุ ฝ่ายหญิงกำลังทำเรื่องขอย้ายที่ทำงาน เนื่องจากทนไม่ไหวที่อดีตสามีมีพฤติกรรมหึงหวงรุนแรงและเป็นคนใช้อารมณ์ จนทำให้เธอตัดสินใจหย่าร้างกับเขา แต่ท้ายที่สุดก็เสียชีวิตลงก่อนได้ไปเริ่มชีวิตใหม่อย่างน่าเศร้า
หากย้อนดูกรณีศึกษาที่ผ่านมาเกี่ยวกับความรุนแรงลักษณะนี้ จะเห็นว่าประเทศไทยมีสถิติความรุนแรงจากคดีฝ่ายชายฆ่าฝ่ายหญิงจากความหึงหวงมาตลอดหลายปี และมีมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ข้อมูลจากมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ที่ได้รวบรวมข่าวความรุนแรงในครอบครัวจากหนังสือพิมพ์ พบว่าในปี 2559 เหตุที่ทำให้สามีฆ่าภรรยา 78.6% มาจากการหึงหวง ระแวง หรือฝ่ายหญิงไม่ยอมคืนดี และในปี 2563 พบว่าข่าวฆาตกรรมในคู่สามี-ภรรยา สูงเป็นอันดับ 1 โดยสาเหตุส่วนหนึ่งก็ยังคงมาจากอาการหึงหวง ระแวงว่านอกใจ และตามง้อไม่สำเร็จ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้สะท้อนชัดเจนถึงวิธีการมองคนรักเป็นสมบัติส่วนตัว เมื่อไม่สามารถยื้อเอาไว้ได้ ก็ไม่ยอมจะให้ ‘สมบัติ’ ที่ว่านี้ตกไปเป็นของคนอื่น จึงต้องทำลายทิ้งเสีย ทั้งยังรวมถึงการมองคนรักว่าต้อง ‘ได้ดั่งใจ’ ทุกอย่าง เมื่อเธอเลือกปฏิเสธและไม่ยอมคืนดี จึงพานโกรธและต้องแก้ไขความผิดหวังของตัวเองด้วยการทำลายชีวิตอีกฝ่าย ไม่เพียงเท่านั้น บางกรณีอาจรวมถึงการเหมาเอาว่าภรรยาหรือคนรักเป็นผู้หญิงร่านที่สมควรได้รับการลงโทษ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่บิดเบี้ยวและยากจะเรียกได้ว่าคือความรัก
ในเคสที่เรายกตัวอย่างขึ้นมาข้างต้น ที่เจ้าบ่าวยิงเจ้าสาวรวมถึงญาติเจ้าสาวและแขกในงานแต่ง ในเนื้อข่าวระบุว่า เขามีปมเรื่องความพิการ เมื่อบวกกับการที่เธอดูมีเสน่ห์ดึงดูดและเฟรนด์ลี่ จนมีแนวโน้มว่าจะมีคนเข้าหา ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ส่งผลให้เขารู้สึกไม่มั่นคงปลอดภัย ซึ่งความรู้สึกที่สั่งสมมานี้ ไม่ควรระเบิดออกเป็นความรุนแรง แต่จะดีกว่า หากเกิดการหาทางออกด้วยการพูดคุยและพยายามทำความเข้าใจกันก่อน ยังไม่นับว่าผู้ก่อเหตุเป็นอดีตทหารที่อาจคุ้นชินกับการใช้ความรุนแรง ซึ่งนับเป็นประเด็นอันตรายที่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ายังมีอีกกี่คนในสังคมที่สั่งสมความรู้สึกด้านลบเอาไว้และพร้อมจะเอามาลงกับคนอื่นที่ไม่ได้มีความผิด เพียงเพราะมีอาวุธในมือ
เช่นเดียวกับเคสข้าราชการหญิงที่ถูกอดีตสามีฆ่าโบกปูน เนื่องจากเธอทนกับการใช้อารมณ์หึงหวงของเขาไม่ได้ หรือก็คือไม่ทนกับการที่เขาใช้อำนาจเหนือเธอในความสัมพันธ์ เรื่องนี้ได้สะท้อนถึงการมองคนรักเป็นสมบัติวัตถุ และการไม่ยอมรับความผิดหวังของฝ่ายผู้กระทำ ซึ่งหลายครั้งเราจะเห็นข่าวการที่สามี-ภรรยา หรือแม้แต่คู่รักที่ยังไม่แต่งงาน ที่ฝ่ายหนึ่งแก้ปัญหาการง้อไม่สำเร็จ รวมถึงความหึงหวงรายทางด้วยการกระทำความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ และหลายครั้งก็จบที่การฆาตกรรม ซึ่งหากดูจากความถี่จะพบว่าผู้กระทำมักเป็นฝ่ายชาย แต่อันที่จริงไม่ว่าเพศไหนจะลงมือกระทำต่อเพศไหนก็ไม่ถูกต้องทั้งนั้น
ในความสัมพันธ์ใดๆ ไม่ว่าจะเพศไหนก็แล้วแต่ ไม่ควรมีใครถูกทำให้เป็นสมบัติวัตถุของใคร ไม่ควรมีใครต้องอยู่ในกรอบตามความพึงพอใจของคนรักไปเสียทุกด้าน ทุกคนควรได้มีทางเลือกเป็นของตัวเอง เมื่อฝ่ายหนึ่งตัดสินใจจบความสัมพันธ์ อีกฝ่ายก็ควรเคารพการตัดสินใจนั้น และแม้จะผิดหวัง ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะใช้ในการลงมือทำร้ายหรือทำลายชีวิตอีกฝ่ายเลย
การมอบความรัก โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของใคร หรือใครมีอำนาจมากกว่าใคร น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ดี และจะไม่ทำให้ใครต้องสูญเสียตัวตน หรือสูญเสียชีวิตที่ถูกพรากไปจากคนที่ขึ้นชื่อว่า ‘คนรัก’ อีก และในที่นี้ เราขอเป็นกำลังใจให้เหยื่อความรุนแรงทุกคนให้ผ่านพ้นช่วงเวลายากๆ ไปได้ค่ะ
อ้างอิง:
https://www.thairath.co.th/news/crime/2743633
https://www.thairath.co.th/news/society/1079160
https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/211185
https://workpointtoday.com/domestic-violence-2/
https://mgronline.com/uptodate/detail/9580000040185
...
HOT TOPICS
...
...