ไอซ์แลนด์ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความเท่าเทียมทางเพศสูงที่สุดในโลกติดต่อกันมา 14 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนจำนวนมากในประเทศก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ยังไม่อาจนับว่าเท่าเทียมจริงๆ เพราะยังมีคนทำงานหญิงจำนวนมากที่ไม่ได้รับค่าจ้างเท่ากับคนทำงานเพศชาย รวมถึงปัญหาความรุนแรงอันเนื่องมาจากเหตุแห่งเพศก็ยังเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง

ผู้หญิงชาวไอซ์แลนด์รวมถึงนายกฯ หญิง พร้อมใจกันหยุดงาน เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียม 100%

ไอซ์แลนด์&nbsp;ถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความเท่าเทียมทางเพศสูงที่สุดในโลกติดต่อกันมา 14 ปี เนื่องจากเป็นประเทศเดียวในโลก ที่จัดการกับปัญหาช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศได้มากเกิน 90% แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนจำนวนมากในประเทศก็ยังรู้สึกว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้น ยังไม่อาจนับว่าเท่าเทียมจริงๆ เพราะยังมีคนทำงานหญิงอีกจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับค่าจ้างเท่ากับคนทำงานเพศชาย และมีผู้หญิงบางกลุ่มที่ยังไม่ถูกมองเห็นเป็นเหตุให้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (24 ตุลาคม) ผู้หญิงและนอน-ไบนารี่ชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งรวมถึง Katrín Jakobsdóttir นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พร้อมใจกันหยุดงาน และผู้คนนับหมื่นรวมถึงตัวแทนองค์กรร่วม 40 องค์กรก็ไปรวมตัวกัน ณ ลานใจกลางเมือง เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศให้ก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่ แม้จะเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้วก็ตามการที่นายกรัฐมนตรีของประเทศตัดสินใจหยุดงานและเข้าร่วมประท้วงด้วย นับว่าทรงพลังอย่างยิ่ง โดยเธอเองต้องการให้คนได้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของผู้หญิงทั้งหลายในไอซ์แลนด์ ที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไม่ต่างจากเพศชาย ทีมงานสำนักนายกรัฐมนตรีกว่าสองในสามก็ล้วนแต่เป็นผู้หญิง ในองค์กรและบริษัทอื่นๆ ก็เช่นกัน ดังนั้นการที่เพศหญิงบางส่วนยังได้รับค่าจ้างน้อยกว่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล จึงนำมาสู่การประท้วงใหญ่ในครั้งนี้การประท้วงเมื่ออังคารที่ผ่านมานี้ นับเป็นครั้งที่ 7 ที่ผู้หญิงชาวไอซ์แลนด์รวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความเท่าเทียม โดยการประท้วงครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ปี 1975 ซึ่งเป็นการรวมพลังครั้งใหญ่ที่มีผู้หญิงในประเทศเข้าร่วมถึง 90% และเป็นจุดกำเนิดของความตั้งใจที่จะลดปัญหาช่องว่างค่าจ้างระหว่างเพศ จนทำให้ไอซ์แลนด์กลายเป็นประเทศที่เท่าเทียมทางเพศที่สุด ณ ปัจจุบันนี้นับตั้งแต่นั้น การชุมนุมกันในวันที่ 24 ตุลาคมของแต่ละปี เรียกได้ว่าเป็น ‘วันหญิงหยุดงาน’ หรือ Women’s Day Off ที่ไม่เพียงแต่เรียกร้องค่าจ้างที่เท่าเทียม แต่ยังมีการเรียกร้องในประเด็นอื่นๆ เช่นต่อต้านความรุนแรงอันเนื่องมาจากเหตุแห่งเพศ จนถึงการเรียกร้องสิทธิให้กับหญิงผู้ลี้ภัย ที่ยังไม่ค่อยถูกมองเห็นด้วยต้องบอกว่าความเท่าเทียมทางเพศที่ทุกคนเท่าเทียมกัน 100% ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะมันไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนนโยบายบางข้อ แต่คือการเปลี่ยนทั้งระบบที่ฝังรากมายาวนาน รวมถึงต้องเปลี่ยนทัศนคติของผู้คนทั้งสังคมให้เข้าใจตรงกัน ซึ่งหากอ้างอิงจากองค์การสหประชาชาติ การสร้างความเท่าเทียมที่ว่านี้ต้องใช้เวลากว่า 300 ปีเลยทีเดียวและหากจะว่ากันถึงกรณีของประเทศไอซ์แลนด์ ที่นับว่าก้าวหน้าในด้านนี้ที่สุดแล้ว หากนับจากการประท้วงใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 1975 ก็นับว่ายังผ่านมาได้เพียง 48 ปีเท่านั้น ยังไปไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับอีกหลายๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ที่ยังแทบไม่ติดอันดับใดๆ ในด้านความเท่าเทียมทางเพศ ก็คงต้องเดินทางและต่อสู้กันไปอีกยาวๆ ไม่ใช่เพียงความเท่าเทียมระหว่างเพศหญิง-ชาย แต่ยังรวมถึงประเด็นอื่นๆ ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่ยังต้องการการเปลี่ยนแปลงอีกมหาศาลดังนั้นแล้ว ใครที่รู้สึกว่าเราเท่าเทียมทางเพศกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องอะไรเพิ่ม หรือกระทั่งพานรู้สึกว่าการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องไร้สาระ น่ารำคาญ เราก็อยากชวนให้ลองมองเรื่องนี้กันใหม่ เพราะยังมีรายละเอียดอีกมากมายที่ต้องพูดถึง และมีคนอีกมากที่เผชิญความไม่เท่าเทียม (แม้คุณจะไม่ได้มองเห็นหรือรู้สึกถึงมันก็ตาม)&nbsp;อ้างอิง<a href="https://apnews.com/article/iceland-women-strike-equal-pay-970669466116a2b1a5673a8737089d46" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://apnews.com/article/iceland-women-strike-equal-pay-970669466116a2b1a5673a8737089d46</a>&nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/2023/10/23/europe/iceland-women-strike-scli-intl/index.html" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2023/10/23/europe/iceland-women-strike-scli-intl/index.html</a>&nbsp;<a href="https://www.bbc.com/travel/article/20230927-the-worlds-most-gender-equal-countries" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/travel/article/20230927-the-worlds-most-gender-equal-countries</a>&nbsp; &nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/2023/03/07/world/un-gender-equality-300-years-intl-hnk/index.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2023/03/07/world/un-gender-equality-300-years-intl-hnk/index.html</a>&nbsp;

นี่คือการถามจริง ตอบจริง แบบไม่เตี๊ยม ไม่มีบท ของ Dose of society แอคเคานต์ที่เราบังเอิญเจอในอินสตาแกรมที่ออกไปยื่นไมค์สัมภาษณ์ผู้คนตามท้องถนนทั่วทุกมุมโลก ด้วยไอเดียที่ว่า Real People, Real Stories คุยกับคนจริง กับเรื่องจริงๆ ของพวกเขา

Dose of society คอมมิวนิตี้ที่พาไปฟังผู้คนทั่วโลกด้วยคำถามง่ายๆ แต่ทำให้เข้าใจความเป็นมนุษย์มากขึ้น 

ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


แม้ผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาจะยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าหมูเด้งจะทายถูกแล้วแน่ๆ และโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะได้กลับมา “Make America Great Again!”แต่มันคือข้อยืนยันเรื่องการหันขวาของคนจำนวนมากที่ยื่นชัยชนะเข้ามือชายอนุรักษ์นิยมหัวรุนแรงคนนี้ และชัยชนะของเขาก็อาจส่งผลต่อสิทธิมนุษยชนในหลายๆ ประเด็นให้ถดถอยลง โอกาสนี้เราเลยอยากรวมรวบประเด็นที่น่ากังวลเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในอเมริกา เมื่อทรัมป์กลับมาเรืองอำนาจอีกครั้ง


MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

ผู้หญิงชาวไอซ์แลนด์รวมถึงนายกฯ หญิง พร้อมใจกันหยุดงาน เพื่อเรียกร้องความเท่าเทียม 100%

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS