ถูกตัดผมทรงนักเรียนชายเกรียนสามด้านเกือบขาว ห้ามเทคฮอร์โมนเด็ดขาด ไม่ให้ใส่ชุดชั้นในท่ามกลางสายตาของผู้ต้องขังชายคนอื่น ไปจนถึงถูกผู้ชายตบหัว นี่คือสิ่งที่ ‘นารา เครปกะเทย’ กำลังเผชิญอยู่ในเรือนจำ

ถูกตัดผมทรงนักเรียน ห้ามเทคฮอร์โมน  ไม่ให้ใส่ชุดชั้นใน ถูกผู้ชายตบหัว ชีวิตในเรือนจำของ ‘นาราเครปกะเทย’ ที่แม้ทำผิดก็ไม่ควรถูกลดทอนความเป็นมนุษย์

ถูกตัดผมทรงนักเรียนชายเกรียนสามด้านเกือบขาว ห้ามเทคฮอร์โมนเด็ดขาด ไม่ให้ใส่ชุดชั้นในท่ามกลางสายตาของผู้ต้องขังชายคนอื่น ไปจนถึงถูกผู้ชายตบหัว นี่คือสิ่งที่&nbsp;‘นารา เครปกะเทย’&nbsp;กำลังเผชิญอยู่ในเรือนจำ ซึ่งเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จนถึงลดทอนความเป็นหญิงในฐานะ ‘หญิงข้ามเพศ’ ของเธอ ที่ทำให้เห็นว่าประเทศเราแทบจะไม่มีความ inclusive หรือให้ความสำคัญเรื่องของความหลากหลายทางเพศในเรือนจำ แม้การทำผิดกฎหมาย สมควรได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งนาราก็ถือเป็นคนหนึ่งที่กำลังรับโทษนั้นอยู่ แต่เรื่องของการละเมิดสิทธิมนุษยชนในเรือนจำไทยที่เคสของนาราเป็นเคสหนึ่งที่น่าหยิบเอามาคุยกัน เมื่อเรือนจำไทยยังคงยึดมั่นในกรอบทางเพศที่มีแค่ชาย และหญิง ทำให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะคนข้ามเพศ ที่มีเพศสภาพเป็นหญิง ผ่านการเทคฮอร์โมน และทำหน้าอกแล้วอย่างนารา ถูกปฏิบัติในฐานะผู้ต้องขังชายคนหนึ่ง นั่นแปลว่านอกจากโทษที่เธอได้รับตามกฎหมายแล้ว สิ่งที่เธอเจอมันมีมากกว่านั้น นั่นคือการถูกกดขี่ และลดทอนความเป็นหญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอไม่สมควรต้องเจอ เพราะอย่างน้อยๆ การที่เธอเป็นผู้หญิงข้ามเพศ ก็ควรถูกปฏิบัติในฐานะผู้ต้องขังหญิงแทน นาราเป็นผู้ต้องหาจากกรณีฉ้อโกงกล่องสุ่มทองที่มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ เธอถูกฟ้องคดี ม.112 จากการถ่ายคลิปโฆษณาลาซาด้า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน มีโอกาสได้เข้าไปสังเกตการณ์การสืบพยานคดีมาตรา 112 ของนารา ทำให้ได้มีโอกาสพูดคุยกับเธอ โดยเธอได้ออกมาเล่าสิ่งที่เธอเผชิญในเรือนจำที่กฎเกณฑ์ในเรือนจำกำลังกดขี่ และละเมิดตัวตนความเป็นหญิงข้ามเพศทั้งเธอและเพื่อนผู้ต้องขังคนอื่นๆ ถูกบังคับตัดทรงนักเรียน - นาราบอกกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า เส้นผมสำคัญกับสาวข้ามเพศอย่างเธอ ตอนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะตัดผมของเธอไปเป็นทรงนักเรียน เธอได้ร้องขอแล้วแต่ไม่เป็นผล รวมถึงให้ทนายความของตัวเองไปคุยกับเรือนจำแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลเช่นกัน โดยเรือนจำยกระเบียบของราชทัณฑ์ขึ้นมาอ้างว่าต้องปฏิบัติตามทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งนาราบอกว่า มีเพียงผู้ต้องขังอภิสิทธิ์ชนบางคน หรือกลุ่มคนรวย ที่ได้ตัดรองทรงสูง นาราบอกว่า พอถูกตัดผมสั้น ผู้ชายบางคนก็จะมาเล่นแรงๆ ทั้งแกล้งตบหัว พูดสรรพนามว่า “ไอ้” ใส่ ซึ่งนาราอยากให้ทุกคนให้เกียรติ และเคารพความเป็นคนข้ามเพศของเธอ และย้ำว่า ‘ทรงผม’ คือ สิ่งสำคัญที่สุดที่เธอต้องการตอนนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้เธอยังได้เป็นตัวเองอยู่ ห้ามเทคฮอร์โมน - ฮอร์โมนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกระบวนการข้ามเพศของคนข้ามเพศ ไม่ว่าจะชายข้ามเพศ หรือหญิงข้ามเพศ เพราะนอกจากจะให้ผลลัพธ์ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อสภาพจิตใจที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นตัวเอง แต่สิ่งที่นาราเจอ คือ การสั่งห้ามเทคฮอร์โมนโดยเด็ดขาด ผู้ที่สามารถเทคฮอร์โมนได้ จะต้องผ่านการผ่าตัดแปลงเพศ และมีใบรับรองแพทย์เท่านั้น สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าในเรือนจำยังมองความเป็นหญิงผ่าน ‘อวัยวะเพศ’ ใครมีจิ๋ม คนนั้นเป็นผู้หญิง ใครไม่มี คนนั้นเป็นผู้ชาย ซึ่งหลักคิดนี้ แน่นอนว่า คือ การเหยียดเพศรูปแบบหนึ่งที่ไม่ยอมรับคนข้ามเพศตามเพศสภาพที่เลือกเอง และทำให้นารารู้สึกเป็นทุกข์ ซึ่งส่งผลต่อสภาพจิตใจของเธอ ทั้งการมองเห็นร่างกายของตัวเองค่อยๆ เปลี่ยนไป ห้ามใส่ชุดชั้นใน แม้เธอจะมีหน้าอก - นาราไม่เคยได้ใส่ชุดชั้นในเลย และเสื้อที่เธอใส่คือชุดผู้ต้องขังสีน้ำตาลบางๆ ที่ทำให้ทุกคนสามารถมองเห็นหัวนมของเธอได้ง่าย ซึ่งสำหรับเธอ เธอมองว่าเป็นการใช้ชีวิตที่จะต้องระมัดระวังตัว ทั้งการก้ม การเดิน การวิ่ง หรือแค่นั่งเฉยๆ ก็ดูโป๊ “ทำยังไงก็ได้อะพี่ ให้เรายังเป็นเรามากที่สุด” นาราบอกกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอยังรู้สึกเป็นตัวเองมีแค่การได้ใช้เครื่องสำอางที่มีอยู่ในเรือนจำสำหรับจัดกิจกรรมมาแต่งที่มีอยู่จำนวนจำกัด และเอาสีทาบ้านมาทาเล็บ เพื่อให้เธอยังรู้สึกเป็นผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ อย่างที่เราบอกว่า การที่เธอทำผิดในคดีฉ้อโกง เธอก็ควรได้รับโทษตามกฎหมาย แต่สิ่งที่เธอไม่สมควรได้รับ คือ การปฏิบัติกับเธอ โดยไม่ให้เกียรติความเป็นผู้หญิงตามเพศสภาพ ซึ่งเป็นปัญหาอย่างหนึ่งในเรือนจำไทย ที่ลดทอนความเป็นมนุษย์ของผู้ต้องขังข้ามเพศ ไปจนถึงบางคนในโลกโซเชียลตอนนี้ ก็ยังเห็นดีเห็นงาม กับสิ่งที่นาราโดน โดยบอกว่าเพราะเธอเป็นผู้ชายตามเพศกำเนิดก็ต้องได้รับโทษแบบผู้ชาย ลามไปถึงข้อความเหยียดเพศเธอหลายคอมเมนต์ ซึ่งทำให้รู้ว่า ไม่ว่าจะในเรือนจำ หรือนอกเรือนจำ คนข้ามเพศ หรือ LGBTQ+ ก็ยังถูกกดขี่และเหยียดหยามมากถึงเพียงใด ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกิดขึ้นในประเทศเรา อ่านสิ่งที่นาราพบเจอเต็มๆ จากเพจศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/pfbid034yYpzhL6HsFMeTxA5qLptGbW3CsAinwtjC98muQkqQx6wW6usKm3PuWuBZtpKSJ8l" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.facebook.com/lawyercenter2014/posts/pfbid034yYpzhL6HsFMeTxA5qLptGbW3CsAinwtjC98muQkqQx6wW6usKm3PuWuBZtpKSJ8l</a>&nbsp;

ย้อนไปเมื่อต้นปี 2023 ม้าตัวหนึ่งหัวใจวายตายขณะถ่ายทำซีรีส์ The Ring of Power ขณะที่เมื่อปี 2011 เสือชื่อคิงก็เกือบจมน้ำตายระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Life of Pi ในฉากที่จำเป็นต้องใช้เสือจริงๆ แทนซีจี  ฯลฯ และเช่นเดียวกับเคสแมวดำในซีรีส์ ‘แม่หยัว’ มีสัตว์หลายชีวิตต้องสูญเสียสวัสดิภาพของตัวเอง เพื่อตอบสนอง ‘ความสมจริง’ ในการถ่ายทำ โดยที่มันไม่สามารถให้ความยินยอมหรือเรียกร้องอะไรได้

เมื่อดิสเคลมเมอร์ “No Animal Were Harmed” ในหนังฮอลลีวูด ก็ไม่อาจการันตีสวัสดิภาพสัตว์ได้ 100% 


Gracie Abrams คือลูกสาวแท้ๆ ของ J. J. Abrams ผู้กำกับชื่อดังแห่งฮอลลีวูด เพลงของเธอมักพูดถึงอารมณ์ความรู้สึกแห่งวัยสาว แต่อีกด้านหนึ่ง เธอพร้อมที่จะแสดงจุดยืนทางการเมืองและเชื่อในการต่อสู้ของผู้หญิง 100%

Gracie Abrams ศิลปินผู้มีภาพลักษณ์สดใส แต่ไม่เคยหยุดตัวเองเมื่อต้องพูดเรื่องการเมือง

‘Pink Wheels’ คือกลุ่มตำรวจหญิงชาวปากีสถาน ที่สวมฮิญาบ ขี่สกู๊ตเตอร์สีชมพูจำนวน 10 คัน เข้าไปในเมืองเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และช่วยเหลือผู้หญิงที่เผชิญความรุนแรง เนื่องจากเหยื่อหลายคนคิดว่าจะ “ไม่ได้รับความเป็นธรรม” จากตำรวจชายที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเธอ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS