MasterChef Thailand นับเป็นรายการยอดนิยมที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก วัดได้จากยอดวิวทางยูทูบที่เกินล้านในทุกอีพีและทุกซีซั่น และสำหรับซีซั่นล่าสุด หรือซีซั่นที่ 6 นี้ ว่าด้วยธีมของ ‘อาหารไทย’ ซึ่ง ep. 6 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม มีโมเมนต์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นคือเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ

‘เอื้อ ทิฏฐิพงษ์’ MasterChef กับการตั้งใจเลือกแมลงกุดจี่ให้ผู้หญิงและพูดเรื่องความเท่าเทียมทางเพศได้อย่างน่าสนใจ 

*มีการเปิดเผยเนื้อหาในรายการMasterChef Thailand นับเป็นรายการยอดนิยมที่มีผู้ชมเป็นจำนวนมาก วัดได้จากยอดวิวทางยูทูบที่เกินล้านในทุกอีพีและทุกซีซั่น และสำหรับซีซั่นล่าสุด หรือซีซั่นที่ 6 นี้ ว่าด้วยธีมของ ‘อาหารไทย’ ซึ่ง ep. 6 ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม มีโมเมนต์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง นั่นคือเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศหลังจากการแข่งขันในรอบกล่องปริศนา เอื้อ ทิฏฐิพงษ์ อินฟลูเอนเซอร์ผู้มีใจรักการทำอาหารเป็นผู้ชนะ และมีสิทธิเลือกวัตถุดิบให้กับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ โดยโจทย์เรียงลำดับตามความยากง่าย ซึ่งโจทย์ที่ยากที่สุดคือการใช้ ‘แมลงกุดจี่’ ในการรังสรรค์เมนูอาหารไทย และสิ่งที่เอื้อเลือกก็คือเลือกแมลงกุดจี่ให้ “เอื้อจะเอาแมลงกุดจี่ให้ผู้หญิงทั้งหมด”นั่นทำให้เชฟป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ตั้งคำถามขึ้นว่า “คุณมีปัญหาอะไรกับผู้หญิงหรือเปล่า” สิ่งที่เขาตอบก็คือ “เอื้อคิดว่ายากหรือง่าย มันต้องเท่าเทียมกัน ซีซั่นทุกซีซั่นทุกคนจะเซฟผู้หญิง แต่เราไม่รู้หรอกว่า ผู้ชายบางคนก็อาจจะไม่เก่งเท่าผู้หญิงก็ได้ เราเลยอยากให้ได้สิ่งที่ยากที่สุด เราอยากให้ทุกคนเก่ง วัดเลยว่าเก่งขนาดไหน เพราะผู้หญิงทุกคนในซีซั่นนี้เก่งมาก”&nbsp;แน่นอนว่านี่คือเกมการแข่งขัน มีสคริปต์รายการที่เขียนขึ้นเพื่อให้สร้างสีสัน ธรรมเนียมหลักของรายการก็คือการเลือกวัตถุดิบที่ง่ายให้กับกลุ่มเพื่อนของตัวเอง และเลือกวัตถุดิบยากให้กับคู่แข่ง แต่การเลือกนำเสนอในทางนี้ นั่นคือใช้เรื่องเพศสภาพมาเป็นตัวกำหนด ก็นับว่าน่าสนใจสำหรับมาสเตอร์เชฟ ขณะที่อาจมองได้ว่านี่คือเรื่องของ misogyny (ยังมีผู้เข้าแข่งขันที่พูดล้อเล่นว่า “พี่เอื้อ เธอเกลียดชะนีมากนะ” หรือการที่รายการพยายามขยี้ว่า เอื้อ ซึ่งเป็น LGBTQ ตั้งใจแกล้งผู้หญิง) แต่หากเทียบกับซีซั่นที่ผ่านมาอย่างที่เขาว่า เราจะเห็นการ ‘เซฟผู้หญิง’ อยู่หลายครั้งจริงๆ ในซีซั่นนี้เองก็มีผู้เข้าแข่งขันที่เลือกใช้คำว่า ‘ผู้หญิงบอบบาง’ เพื่อสื่อถึงการได้รับพริวิลเลจบางอย่างในการแข่งขัน การตัดสินใจของเอื้อ จึงกลายเป็นการพลิกกลับวิธีคิดว่า ผู้หญิงนั้นไม่จำเป็นต้องติดอยู่กับภาพความบอบบาง สมควรได้รับการปกป้องมากกว่าเพศชายเสมอไปหากย้อนไปที่ซีซั่นก่อนๆ ที่ผ่านมา นอกเหนือไปจากความสนุกของการแข่งขัน และความตื่นตาตื่นใจของเมนูอาหาร ต้องยอมรับว่ามีหลายครั้งที่รายการมาสเตอร์เชฟสะท้อนให้เห็นถึงบทบาททางเพศเดิมๆ ที่ผูกติดอยู่กับสังคมไทย และเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นชินจนลืมจะตั้งคำถามกับมัน&nbsp;เช่นกรณีที่ผู้แข่งขันที่เป็นทรานส์เมน ตั้งใจเลือกวัตถุดิบยากให้ผู้ชายเพื่อช่วยผู้เข้าแข่งขันหญิง และผู้เข้าแข่งขันชายโยนคำถามใส่ว่า “มีอะไรในใจหรือเปล่า” หรือการเล่นมุกเกี่ยวกับการตั้งใจเซฟผู้แข่งขันหญิงหน้าตาน่ารัก ที่เห็นได้ชัดถึงเรื่อง beauty privillege หรือครั้งหนึ่งเคยมีผู้เข้าแข่งขันชายรายหนึ่งที่ตะคอกใส่ผู้เข้าแข่งขันหญิง ห้ามไม่ให้พวกเธอพูด เพราะว่าพวกเธอ “พูดมาก น่ารำคาญ ไม่อยากได้ยินเสียง” ซึ่งนับว่าท็อกซิกอย่างแรง แต่คนดูจำนวนมากกลับสนับสนุนการกระทำนี้ของเขา รวมถึงฟีดแบ็กอื่นๆ จากคนดู ที่มักจะชื่นชมผู้หญิงที่เรียบร้อย น่ารัก พูดน้อย อยู่ในขนบ ตรงข้ามกับผู้หญิงหรือ LGBTQ ที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกออกมามากหน่อย ก็มักจะถูกติติงมากกว่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นคนละเรื่องกับฝีมือ และสปิริตในการทำอาหาร ผู้หญิงน่ารัก เรียบร้อย มีเพอร์ฟอร์มานซ์ที่ดี นับเป็นเรื่องราวดีๆ อยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกัน ผู้หญิง หรือ LGBTQ ที่มีคาแรกเตอร์ต่างออกไปก็ทำได้ดีไม่ต่างกัน พวกเขาก็ไม่ควรถูกมองข้าม เพียงเพราะไม่ได้มีคาแรกเตอร์ตามที่สังคมนิยมชมชอบอย่างไรก็ตาม กลับมาที่อีพี 6 ของซีซั่น 6 นี้ การตัดสินใจเลือกโจทย์ยากให้ผู้หญิงยังส่งผลอีกอย่างที่น่าสนใจ นั่นคือการรวมกลุ่มกันของผู้หญิง มีการใช้คำว่า ‘เพื่อนหญิงพลังหญิง’ หรือการที่เชฟป้อม หรือ ป๊อก ปิยะธิดา เดินไปให้กำลังใจผู้แข่งขันหญิงด้วยอารมณ์ร่วมของความเป็นลูกผู้หญิงด้วยกัน หรือการที่ผู้แข่งขันหญิงคนหนึ่งตั้งคำถามกลับไปที่เอื้อว่า “จะให้ฉันแข็งแกร่งไปไหน” หรืออีกนัยหนึ่งคือ ผู้หญิงจำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับโจทย์ยากๆ จริงไหม ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ชวนให้ตั้งคำถามกันต่อ แต่สิ่งที่เราได้ก็คือเราได้เห็นน้ำเสียงแบบต่างๆ ของผู้หญิงที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ที่ว่ามานี้ และทั้งหมดนี้นับว่าเฮลตี้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจของเอื้อ และการเชียร์อัพของผู้หญิงด้วยกันในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เราจึงหวังว่าจะได้เห็นโมเมนต์ที่น่าสนใจอย่างนี้อีกมากกว่านี้ ในรายการวาไรตี้ไทย&nbsp;

Common People คือเอพิโสดแรกซึ่งอาจเรียกได้ว่าปวดใจที่สุดอีกเอพิโสดหนึ่งของมหากาพย์ Black Mirror ซีรีส์ว่าด้วยด้านมืดของเทคโนโลยี ที่สร้างต่อเนื่องมาหลายปีจนมาถึงซีซั่นที่ 7 และมันก็ยังคงยืนยันที่จะพูดเรื่องผลร้ายของโลกอนาคตอันใกล้กับเทคโนโลยีสุดล้ำต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แถมเล่นกับประเด็นมืดหม่นไม่แผ่ว ตามสไตล์ผู้สร้างทีมเดิมอย่าง Charlie Brooker 

Common People : ที่สุดแล้วความเหลื่อมล้ำจะตามเราเจอ ตอนหนึ่งของซีรีส์ Black Mirror ที่ว่าด้วยความเหลื่อมล้ำของเทคโนโลยี ซึ่งไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ก็ทำให้มนุษย์ไม่มีวัน ‘เท่ากัน’ 

ToGetHer เรียลลิตี้หาคู่เดทเลสเบี้ยนรายการแรกของเกาหลีใต้ ที่มาพร้อมคำอธิบาย “เมื่อผู้หญิงตกหลุมรักผู้หญิง เรื่องราวความรักที่แท้จริงจึงเริ่มต้นขึ้น” มีคนเกาหลีใต้จำนวนไม่น้อยที่เข้ามารับชมรายการ LGBTQ+ แม้ในทางสาธารณะ ประเทศจะไม่ได้เปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศเท่าที่ควร

ไม่ว่าจะเดทจริงหรือไม่ แต่เลสเบี้ยนเกาหลีใต้มีอยู่จริง! ToGetHer เรียลลิตี้หาคู่เดท ‘เลสเบี้ยน’ รายการแรกของเกาหลีใต้ ที่คนในคอมมูนิตี้ภูมิใจที่จะบอกว่าตัวเองชอบผู้หญิง หักล้างวาทกรรมลบตัวตน “เกาหลีไม่มีเกย์”

America's Sweetheart หรือ ‘หวานใจอเมริกัน’ ใช้อธิบายถึงบุคคลสาธารณะและโดยทั่วไปแล้วมักเป็นผู้หญิงที่เป็นที่รักและที่ชื่นชมของประชาชน มีบุคลิกนอบน้อมอ่อนโยน ดูเข้าถึงง่าย และไม่มากก็น้อย มันมีวงเล็บล่องหนที่หมายถึงการไม่แสดงความเห็นขัดแย้งใคร สุภาพ หัวอ่อนและว่าง่ายด้วยด้วย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS