ภารโรงประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งลูบคลำก้นของนักเรียนหญิงวัย 17 ปี ซึ่งศาลไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมเพราะเขาจับก้นเธอไม่ถึง 10 วินาที!? สร้างความโกรธเคืองให้กับคนอิตาลีจำนวนมาก จนหลายวันมานี้เกิดแฮชแท็ก #10secondi และ #palpatabreve

ศาลอิตาลี ตัดสินให้ภารโรงชายพ้นผิด หลังลูบคลำ ‘ก้น’ นักเรียนหญิง เพราะจับไม่ถึง 10 วินาที  และคิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษแล้วก็ควรจบ

เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ในประเด็น <a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/Sexual%20Harassment" rel="noopener noreferrer" target="_blank">sexual harassment</a> ที่สร้างความโกรธเคืองให้กับคนอิตาลีจำนวนมาก จนหลายวันมานี้เกิดแฮชแท็ก #10secondi และ #palpatabreve ซึ่งชาวอิตาลีจำนวนมากพากันวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาล กรณี Antonio Avola ชายวัย 66 ปี ที่เป็นภารโรงประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งลูบคลำก้นของนักเรียนหญิงวัย 17 ปี ซึ่งศาลไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมเพราะเขาจับก้นเธอไม่ถึง 10 วินาที!? เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงโรม ขณะที่นักเรียนหญิงคนนี้เดินขึ้นบันไดกับเพื่อน เธอรู้สึกว่ากางเกงของเธอตกลงมาจากเอว นั่นทำให้เธอดึงกางเกงขึ้น ขณะเดียวกันเธอรู้สึกได้ว่ามีมือของใครบางคนกำลังสัมผัสที่ก้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะจับกางเกงในของเธอและยกกางเกงของเธอขึ้นประมาณ 1 นิ้ว และเมื่อเธอหันกลับมาเจอ Antonio Avola เขาก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาถึงความผิด เขาเอามือออกก็จริง แต่พูดกับเธอว่า “ที่รัก เธอก็รู้ว่าฉันล้อเล่น” ซึ่งเมื่อเรื่องนี้ไปถึงศาลอิตาลี ตัวผู้ถูกกระทำ และเชื่อว่าใครมาอ่านเหตุการณ์นี้ก็ต้องหวังว่าเธอจะได้รับความยุติธรรม และภารโรงคนนี้ต้องได้รับโทษที่<a href="https://www.mirrorthailand.com/tags/%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A8" rel="noopener noreferrer" target="_blank">ล่วงละเมิดทางเพศ</a>เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่กลับกัน ศาลมองว่าไม่เป็นความผิด Antonio Avola ขึ้นศาลในข้อหา sexual assault เขารับสารภาพว่าลูบคลำนักเรียนจริง แต่ทำไปเพราะล้อเล่นหยอกๆ อัยการก็ได้เห็นชอบว่าถ้าเขาถูกตัดสินว่ามีความผิด ต้องได้รับโทษจำคุก 3 ปี ทว่าผู้พิพากษาดันตัดสินว่าการลูบคลำที่ใช้เวลาไป “ระหว่าง 5-10 วินาที” ตามคำให้การของนักเรียนหญิง ไม่ถือเป็นอาชญากรรม โดยคำตัดสินกล่าวว่าพวกเขาพิจารณาถึงธรรมชาติของการสัมผัสบั้นท้ายด้วยเวลาอันน้อยนิด และตัดสินแบบนั้นเพราะการกระทำทั้งหมดเกิดขึ้นแค่ไม่กี่วินาที และการกระทำนั้นก็เกิดขึ้นขณะที่นักเรียนมีการเคลื่อนไหวด้วย ศาลตัดสินว่าพฤติกรรมของภารโรงไม่สามารถตีความว่าเกิดจากความหื่นกระหาย หรือตัณหา เพราะเกิดขึ้นที่โรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่สาธารณะ และเกิดต่อหน้านักเรียนคนอื่นๆ อีกทั้งยังใช้เวลาไม่กี่วินาที แถมยังบอกอีกว่าภารโรงได้ขอโทษทันทีหลังจากนั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอคติทางเพศ และการมองเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศของศาลมีผลต่อรูปคดีอย่างชัดเจน ถ้าศาลบอกว่าไม่ผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะลงมือกระทำไปแล้วจริงๆ ก็กลายเป็นไม่ผิดไปได้ หรือถ้ายังมีความคิดว่า เรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศไม่มีทางเกิดขึ้นในโรงเรียนได้ ก็ดูเป็นความคิดตื้นเขิน เพราะความเป็นจริง มีเหยื่อที่เป็นนักเรียนจำนวนมากถูกบุคลากรในโรงเรียนล่วงละเมิดทางเพศอยู่ทั่วโลก และหากผู้มีอำนาจตัดสินคดียังมองว่า “ทำแป๊บเดียว” หรือ “เขาก็ขอโทษแล้ว” ก็ไม่ต่างจากการให้อำนาจกับผู้กระทำความผิด มากกว่าเหยื่อที่มาเรียกร้องความเป็นธรรมที่เกิดแผลใจเสียอีก ที่สำคัญผู้พิพากษา 3 คน ซึ่งเป็นผู้หญิง ก็ต่างเห็นด้วยกับคำแก้ต่างของภารโรง และนี่สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจเรื่องราวหรือความเจ็บปวดที่ผู้หญิงด้วยกันโดนกระทำ และไม่ได้คิดว่าเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศเป็นประเด็นที่ควรให้ความสำคัญ หรือเข้มงวดมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม สำนักงานอัยการมีเวลาจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม ปี 2023 นี้ ในการอุทธรณ์คำตัดสินดังกล่าว คงต้องติดตามกันต่อว่าคดีนี้จะจบลงอย่างไร แต่จากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้คนอิตาลีหลายต่อหลายคน ทั้งคนที่มีชื่อเสียง และนักสิทธิ ได้ออกมาเคลื่อนไหวกันอย่างมาก Paolo Camilli นักแสดง และคอมเมเดียน ได้อัดวิดีโอเสียดสีคดีดังกล่าว ด้วยการจำลองขยำหน้าอกของตัวเอง พร้อมพูดว่า “ผ่านไปยังไม่ถึง 10 วินาที ถ้านี่ไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศ ฉันก็ไม่รู้แล้ว” เขายังตั้งคำถามอีกว่าคนจะวัด 10 วินาทีได้จากอะไร เมื่อการถูกลวนลามมันเกิดขึ้นไปแล้ว และ “10 วินาทีอาจหมายถึงตลอดกาล” สำหรับคนที่ได้รับประสบการณ์อันเจ็บปวด เช่นเดียวกับ Francesco Cicconetti อินฟลูเอนเซอร์ชาวอิตาลี ก็ได้เขียนบนอินสตาแกรมว่า “คุณไม่มีสิทธิ์แตะต้องพวกเขา แม้แต่วินาทีเดียว นับประสาอะไรกับ 5 หรือ 10 วิล่ะ” การที่ศาลสูงสุดของอิตาลีมีคำตัดสินแบบนี้ ทำให้ Elena Biaggioni ทนายความและรองประธาน D.i.Re เครือข่ายต่อต้านความรุนแรงระดับชาติที่ดำเนินการโดยองค์กรสตรี ออกมาพูดว่า “คำตัดสินของกฎหมายนี้ใช้เหตุผลได้ซับซ้อนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นเรื่องของความรุนแรงทางเพศ” “ถ้าคุณตัดสินว่ามันไม่เป็นอะไรที่ชายแก่จะจับก้นเด็กอายุ 17 ปี ในโรงเรียน คุณก็กำลังทำให้การกระทำนั้นเป็นเรื่องเล็กไปเลย” เธอกล่าว ซึ่งนี่ไม่ใช่กรณีเดียวที่ศาลอิตาลีถูกวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสิน ก่อนหน้านี้ ศาลเคยตัดสินว่าผู้หญิงไม่สามารถถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ ถ้าเธอใส่กางเกงยีนส์อยู่ เพราะว่ามันไม่สามารถถอดออกได้ เว้นแต่เธอจะช่วยถอดเอง หรือในศาลเมืองตูริน ก็ตัดสินว่าชายคนหนึ่งที่ล่วงละเมิดทางเพศผู้หญิงคนหนึ่ง เพราะเธอเปิดประตูทิ้งไว้เอง ซึ่งศาลตัดสินว่ามันอาจเป็นการ ‘เชื้อเชิญ’ หรือจะเป็นศาลในแอนโคนาที่ตัดสินว่าผู้ชายที่ถูกข่มขืนสองคน ดูเป็นผู้ชาย (masculine) เกินกว่าจะเป็นเป้าหมายของการดึงดูด จะเห็นได้ว่าทุกคำตัดสินล้วนแล้วแต่เป็นการโทษเหยื่อทั้งสิ้น อ้างอิง: <a href="https://www.nytimes.com/2023/07/14/world/europe/italy-assault-case-10-seconds.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2023/07/14/world/europe/italy-assault-case-10-seconds.html</a> <a href="https://www.theguardian.com/world/2023/jul/13/fury-italy-school-caretaker-cleared-groping-assault-lasted-seconds" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.theguardian.com/world/2023/jul/13/fury-italy-school-caretaker-cleared-groping-assault-lasted-seconds</a>&nbsp;

‘โอรีนี ไคปารา’ (Oriini Kaipara) คือผู้ประกาศข่าวหญิงคนแรกในโลกที่มีรอยสักอันเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าเมารีที่เรียกว่า ‘โมโก’ หรือ ‘Moko Kauae’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเก่าแก่ของชาวเมารี

Oriini Kaipara ผู้ประกาศข่าวจากชนเผ่าเมารี ที่พร้อมยืนหยัดเพื่ออัตลักษณ์ชนเผ่า แม้ถูกวิจารณ์เรื่องรอยสัก Moko บนใบหน้าว่า ‘ดูไม่เหมาะสม’ 

กิจกรรมเสวนา Talk to PEACH ‘เรื่องเพศ พูดได้’ ที่ว่าด้วยเรื่องของสุขภาวะทางเพศของผู้หญิง ณ ชั้น 4 สยามพารากอน ซึ่งจัดโดยแพลตฟอร์ม Talk to PEACH แอปพลิเคชันให้คำปรึกษาเรื่องเพศและสุขภาวะทางเพศแบบออนไลน์

เปิดบทสนทนาในพื้นที่ปลอดภัย เพื่อสร้างอิสระในการพูดเรื่องเพศของผู้หญิง จากงาน Talk to PEACH ‘เรื่องเพศ พูดได้’ 

ในต่างประเทศเองการล่วงละเมิดและการคุกคามทางเพศในแวดวงศิลปะก็ไม่ใช่เรื่องใหม่และกำลังตื่นตัวไม่น้อยไปกว่าบ้านเรา อย่างกลุ่มที่มีชื่อว่า ‘The Guerrilla Girls’ กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ขอลุกขึ้นมาสวมชุดกอลิลลา ทำตัวบ้าหลุดโลก แต่ภายใต้ชุดนั้นคือการเป็นหูเป็นตาให้กับวงการศิลปะ กระตุ้นให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ศิลปิน คิวเรเตอร์ นักวิจารณ์ จนถึงมิวเซียม แกลเลอรี และบรรดานายทุน ตื่นรู้ต่อ ‘การมีอยู่ของผู้หญิง’ ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS