และเมื่อถูกคว่ำ จะทำอย่างไรกันต่อ

ว่าด้วยกฎหมายทำแท้งที่อยู่คู่อเมริกามา 50 ปี ‘Roe v. Wade’ คืออะไร ใครคือ Roe และ Wade

ในปีที่ผ่านมา หลายคนน่าจะได้ติดตามกรณีการคว่ำกฎหมายทำแท้งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมาจากการตัดสินใจของศาลสูงสุด —ซึ่งว่าก็ว่า ผู้พิพากษาเป็นฝ่ายอนุรักษนิยมกันไปแล้วเกินกว่าครึ่ง— ส่งผลให้กฎหมายของรัฐบาลกลางที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพในร่างกายผู้หญิงนั้นหมดความหมาย และหลายรัฐอนุรักษนิยมก็เดินหน้าแบนการทำแท้งอย่างเข้มข้นทันทีและในสัปดาห์นี้ เป็นโอกาสครบรอบ 50 ปี ของกฎหมาย Roe v. Wade เราจึงอยากชวนมาย้อนอ่านว่า กฎหมายทำแท้งฉบับนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครคือ Roe และ Wade รวมถึงในปัจจุบัน ที่กฎหมายนี้ถูกคว่ำลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฝั่งที่เชื่อในสิทธิเสรีภาพในร่างกายและการได้เป็นผู้เลือก จะเดินหน้ากันอย่างไรต่อ รวมถึงรัฐบาลของโจ ไบเดน ที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจของศาลสูงสุด ได้พยายามคืนสิทธิที่เคยมีให้ประชาชนอย่างไรบ้างการทำแท้งกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมายได้อย่างไร ก่อนมี Roe v. Wade?ขอแวะเล่าก่อนว่าในยุคอาณานิคม การทำแท้งไม่ใช่เรื่องผิดในอเมริกาด้วยซ้ำ เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าการทำแท้งถือเป็นเรื่องส่วนตัวและขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าของร่างกาย แต่จนกระทั่งช่วงกลางศตวรรษที่ 19 มีกลุ่มนายแพทย์ที่นำโดยโฮเรโช สโตเรอร์ (Horatio Storer) ทำแคมเปญต่อต้านการทำแท้งและเรียกร้องให้การทำแท้งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในอเมริกาโดยใช้หลักของศาสนามาเป็นแกนในการเรียกร้อง และชี้นำให้เริ่มนับว่าตัวอ่อนในครรภ์นั้นมีชีวิต ตั้งแต่ที่มีการรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สุดแล้วมันก็คือการจำกัดสิทธิของผู้หญิง โดยบางวาทะของพวกเขานั้นเมื่อได้ฟังในยุคนี้แล้วก็ชวนเหวออยู่ไม่น้อย“มีแต่พวกผู้หญิงกุ๊ยๆ ที่ใช้การทำแท้งเพื่อจะเข้ามาเรียนแพทย์ หรือทำงานการเมือง ทั้งที่พวกเธอควรอยู่ที่บ้าน มีลูก และดูแลลูกให้ดีๆ”&nbsp;ที่น่าตกใจกว่านั้นคือมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่านายโฮเรโช สโตเรอร์ คนนี้ ได้ปลอมแปลงจดหมายขึ้นมาและส่งไปให้ผู้ว่าการรัฐทั้งหลายในอเมริกา ว่าสมาคมแพทย์อเมริกันไม่เห็นด้วยกับการทำแท้ง ทั้งที่นั่นเป็นเพียงความคิดของเขาและคณะจำนวนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ฉันทามติของสมาคมแพทย์แต่อย่างใดอย่างไรก็ตามแนวคิดต่อต้านการทำแท้งนี้ได้รับการสนับสนุนสุดตัวจากชาวคริสเตียนทั้งหลายในประเทศ ทำให้ในหลายๆ รัฐ การทำแท้งกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ขณะที่ในบางรัฐไม่ได้มีตัวบทกฎหมายถึงข้อห้ามหรือบทลงโทษอย่างชัดเจน ส่วนรัฐบาลกลางก็ยังไม่ได้มีข้อกฎหมายชี้ชัดถึงเรื่องนี้ จนกระทั่ง Roe v. Wade ได้เกิดขึ้นRoe v. Wade คืออะไร?ในปี 1973 หญิงจากรัฐเทกซัสที่ใช้นามแฝงว่า เจน โร (Jane Roe) ระบุว่าเธอถูกนายเฮนรี เวด (Henry Wade) ข่มขืนจนตั้งท้อง และเธอต้องการทำแท้งแต่กฎหมายของรัฐเทกซัสกลับไม่อนุญาต เธอจึงยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดว่าการที่รัฐเทกซัสแบนการทำแท้งนั้นขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลสูงสุดในขณะนั้น เห็นด้วยกับเธอที่เสียง 7 ต่อ 2 คำตัดสินนี้ส่งผลให้ผู้หญิงสามารถยุติการตั้งครรภ์ในช่วงสามเดือนแรก แต่เมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในระยะที่สองจะมีข้อจำกัดเพิ่มเข้ามา และห้ามยุติการทำแท้งในระยะที่สามของการตั้งครรภ์&nbsp;ประชาชนคิดเห็นอย่างไรกับ Roe v. Wade?&nbsp;ในประเด็นนี้ ชาวอเมริกันแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างเห็นได้ชัด นั่นคือฝั่ง Pro-life ที่ไม่เห็นด้วยกับ Roe v. Wade ด้วยเชื่อว่าตัวอ่อนในครรภ์ควรได้มีชีวิต (ซึ่งมักพ่วงมากับความเชื่อทางศาสนา) และฝั่ง Pro-choice ที่เชื่อในทางเลือกของผู้ตั้งครรภ์ที่ควรได้มีสิทธิตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตและร่างกายของตัวเอง สองฝั่งนี้ขับเคี่ยวกันมาตลอด&nbsp;มีทั้งการถกเถียงกันถึงหลักการและเหตุผลของแต่ละฝ่าย ซึ่งไม่เคยมีข้อยุติร่วมกัน จนทำให้มีการประท้วงอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจากฝ่ายหนึ่งในรัฐที่เคร่งครัด หรืออีกฝ่ายหนึ่งในรัฐที่เสรีกว่า และจนถึงตอนนี้แม้กฎหมายจะถูกคว่ำไปเรียบร้อยแล้ว แต่ฝั่ง Pro-life ก็ยังออกมาเรียกร้องอะไรที่มากกว่านั้น เช่น ให้ทั้งสหรัฐอเมริกาปราศจากการทำแท้งไปโดยสิ้นเชิง ขณะที่ฝั่ง Pro-choice ก็ต้องการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพคืนมาเช่นกันและหลังจากมีคำตัดสินกรณี Roe v. Wade ออกมาในแต่ละรัฐที่เป็นอนุรักษนิยมก็พยายามออกกฎหมายของตัวเองให้การทำแท้งยากลำบากขึ้น กระทั่งอดีตประธานาธิบดีอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ เอง ก็ถือโอกาสที่ผู้พิพากษาฝั่งเสรีนิยมเสียชีวิตลง ในการส่งคนฝั่งของตัวเองเข้าไปนั่งในตำแหน่งแทน และในเดือนมิถุนายน 2022 ศาลสูงสุดก็ได้โหวตให้คว่ำกฎหมาย Roe v. Wade ทิ้ง จนกลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลกเมื่อ Roe v. Wade ถูกคว่ำ ประชาชนจะทำอย่างไรกันต่อไป?เมื่อไม่มี Roe v. Wade แล้ว กว่า 26 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐ ก็พร้อมจะแบนการทำแท้งอย่างเข้มงวดกวดขันทันที ผลคือผู้ตั้งครรภ์คนไหนทั้งอยู่ในรัฐที่มีกฎหมายห้ามทำแท้ง จำเป็นต้องไปทำแท้งปลอดภัยที่รัฐอื่นที่ไม่ได้มีกฎหมายห้าม แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีกำลังทรัพย์หรือเวลามากพอที่จะพาตัวเองไปทำแท้งในรัฐที่ไกลออกไปได้&nbsp;นั่นทำให้หลายบริษัททั้งเจ้าเล็กเจ้าใหญ่ พร้อมใจกันสนับสนุนให้ลูกจ้างของตัวเองที่ต้องการทำแท้ง สามารถไปทำแท้งในรัฐอื่นได้ โดยมีทั้งบริษัทที่จะช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย รวมถึงอนุมัติเรื่องวันลา ไม่ว่าจะเป็น Meta, Amazon, Starbuck, Microsoft, Yahoo, Uber, Walt Disney, Paramount, Ikea US, Gucci, New York Times, CNN ฯลฯ และการสนับสนุนจากฝั่งเอกชนก็น่าจะทำให้เราเห็นได้ว่าทิศทางของความก้าวหน้านั้นควรมุ่งไปทางไหน เพียงแต่ว่าสมาชิกสภาบางส่วนที่มีอำนาจตัดสินใจ ไม่ได้คิดอย่างนั้นสำหรับฝั่งรัฐบาล ทางประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้กล่าวเอาไว้ตั้งแต่ที่กฎหมายถูกคว่ำไปหมาดๆ ว่า “ในมุมมองของผม นี่เป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับอเมริกา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการต่อสู้จะจบลง ผมขอพูดอย่างชัดเจนและจริงใจตรงนี้ ว่าทางเดียวที่เราจะคงไว้ซึ่งสิทธิของผู้หญิง ในการเลือกทางเลือกที่มีอยู่ เป็นหน้าที่ของสภาคองเกรสในการนำเอา Roe v. Wade กลับใช้อีกครั้ง” ดังนั้นเขาจึงชักชวนให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งช่วยกันเลือกสมาชิกวุฒิสภาที่เชื่อในสิทธิสตรี เพื่อจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศได้ความตั้งใจนี้ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นล่าสุดที่รัฐบาลผลักดันให้องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุญาตให้ร้านขายยาที่มีใบรับรองสามารถขายยาทำแท้งซึ่งได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยจากองค์การอนามัยโลก เพื่อให้ผู้ตั้งครรภ์เข้าถึงยาเหล่านี้ได้มากขึ้น ส่วนรัฐที่มีกฎหมายแบนการทำแท้ง ก็มีการต่อสู้ภายในรัฐอย่างเข้มข้น เพื่อหาข้อยุติสำหรับกฎหมายภายในรัฐ&nbsp;และอย่างที่ฝั่งผู้เรียกร้องสิทธิเสรีภาพยังคงเชื่อ ซึ่งรัฐบาลกลางก็พยายามสนับสนุน การต่อสู้นี้ยังคงมีความหวังและนี่ก็น่าจะเป็นโมเดลที่น่าสนใจสำหรับอีกหลายประเทศทีเดียวอ้างอิง<a href="https://www.cbsnews.com/news/abortion-travel-companies-paying-benefits-amazon-starbucks-target/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.cbsnews.com/news/abortion-travel-companies-paying-benefits-amazon-starbucks-target/</a> &nbsp;<a href="https://www.wvtf.org/2023-01-19/abortion-was-once-common-practice-in-america-a-small-group-of-doctors-changed-that" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.wvtf.org/2023-01-19/abortion-was-once-common-practice-in-america-a-small-group-of-doctors-changed-that</a> &nbsp;<a href="https://finance.yahoo.com/news/quotes-reactions-u-supreme-court-145846130.html?guccounter=1&guce_referrer=aHR0cHM6Ly93d3cuZ29vZ2xlLmNvbS8&guce_referrer_sig=AQAAAJ_Jj3YlR-tQ6UKYBu85i2SeC-tS0XZl2nlXldEzaQ6xC8ewDQV2XTaiHmFVdX6P3sCcqDcpckNgD2gEJ3nH4kAPkqcgSRvsBuypj4Cot_vk9rtmkWE8UkelpgX0rXTFZe9P2Ae9vs8gjyG2h2FKNqIZD34v0JAqn7vCW1sS7Tzv#:~:text=%22I%20will%20keep%20fighting%20to,their%20parents%20grew%20up%20in.%22" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://finance.yahoo.com/news/quotes-reactions-u-supreme-court-145846130.html?guccounter=1&amp;guce_referrer=aHR0cHM6Ly93d3cuZ29vZ2xlLmNvbS8&amp;guce_referrer_sig=AQAAAJ_Jj3YlR-tQ6UKYBu85i2SeC-tS0XZl2nlXldEzaQ6xC8ewDQV2XTaiHmFVdX6P3sCcqDcpckNgD2gEJ3nH4kAPkqcgSRvsBuypj4Cot_vk9rtmkWE8UkelpgX0rXTFZe9P2Ae9vs8gjyG2h2FKNqIZD34v0JAqn7vCW1sS7Tzv#:~:text=%22I%20will%20keep%20fighting%20to,their%20parents%20grew%20up%20in.%22</a>&nbsp;

Hemmaflickvän หรือ Soft Girl คำนิยามล่าสุดของสาวสวีเดน ที่เคยเป็นสาวทำงานแต่วันหนึ่งก็ ‘เลือก’ ลาออกจากงาน เพื่อมาอยู่บ้านดูแลแฟนและให้แฟนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายแทน

ปรากฏการณ์ Hemmaflickvän หรือ Soft Girl ของสาวๆ สวีเดน ที่เบิร์นเอาต์จน ‘ลาออก’ มาเป็น ‘แฟนสาว’ ให้แฟนเลี้ยง ที่ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าก้าวหน้า หรือกลับสู่ค่านิยมเดิม

ในนิวยอร์ก อุตสาหกรรมแฟชั่นที่มีจำนวนแรงงานมากกว่า 180,000 คน และมีเม็ดเงินหมุนเวียนมากถึง 2.5 ล้านล้านเหรียญนี้ ยังเต็มไปด้วยด้านมืด ทั้งการแสวงหาประโยนชร์ทางเพศ การจ่ายค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย รวมถึงปัญหาการละเมิดสิทธิที่เกิดขึ้นเรื่อยมา

ผ่านแล้ว! Fashion Workers Act หรือ
กฎหมายคุ้มครองแรงงานแฟชั่นในนิวยอร์ก ที่จะไม่ยอมให้โมเดลและคนทำงานตัวเล็กๆ ตกเป็นเหยื่อของปลาใหญ่อีกต่อไป

แม้การฝากไข่จะดูเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมมีลูกในตอนนี้ แต่ปัจจัยที่ทำให้หลายคนต้องหยุดชะงักคือราคาที่สูงจนไม่ใช่ทุกคนจะเข้าถึงได้ Cofertility จึงเป็นบริษัทสตาร์ทอัปที่ตั้งใจจะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

ว่าด้วยกฎหมายทำแท้งที่อยู่คู่อเมริกามา 50 ปี ‘Roe v. Wade’ คืออะไร ใครคือ Roe และ Wade

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS