Anti-work movement จึงเกิดขึ้น เมื่อชีวิตการทำงานนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย หลายคนต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล 

Anti-work movement แนวคิดต่อต้านการทำงาน ที่กำลังมาแรงในโลกตะวันตก

ชีวิตการทำงานนั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย หลายคนต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล ตั้งแต่จำนวนงานที่ล้นมือ คนทำงานห่วยๆ ระบบห่วยๆ ที่กดลงมาเป็นทอดๆ บีบให้เราเฝ้ารอวันหยุด แถมค่าตอบแทนก็ไม่ได้สมน้ำสมเนื้อสักเท่าไร หลายคนเลยตั้งคำถามอยู่ตลอดเวลา และคาดหวังว่าวันหนึ่งเราจะไม่ต้องทำงานอีกต่อไป ขณะที่หลายคนคิดไปไกลกว่านั้นอีก Anti-work movement จึงเกิดขึ้นทั้งหมดเริ่มต้นจาก r/antiwork ซึ่งเป็นห้องใน Sub-Reddit ที่ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2013 โดยในคำอธิบายของกลุ่มคือห้องนี้ “เป็นพื้นที่สำหรับคนที่ต้องการเห็นจุดจบของการประกอบอาชีพ มีคำถามเกี่ยวกับการเลิกประกอบอาชีพ ต้องการที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากชีวิตที่ไร้งาน และต้องการข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิด anti-work”&nbsp;กลุ่ม Anti-work ไม่ได้มองว่าคนเราควรเลิกทำงานแล้วนอนกระดิกเท้าอย่างเดียว แต่หลักๆ แล้วพวกเขาต่อต้านการทำงานถวายหัวเพื่ออยู่รอดในระบบทุนนิยม รวมถึงวัฒนธรรมองค์กรที่สวัสดิการไม่ดีแถมค่าแรงคนทำงานกับผู้บริหารต่างกันลิบลับ พวกเขาอยากเห็นโลกที่คนอยู่ได้ด้วยตัวเองและออกแรงทำอะไรเท่าที่จำเป็นต่อชีวิตเท่านั้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของอนาธิปไตย กับสังคมนิยม (และไม่ใช่เศรษฐกิจพอเพียงแน่ๆ)โดรีน ฟอร์ด (Doreen Ford) อดีตผู้ดูแล r/antiwork กล่าวกับ The Independent ว่า “เราต้องการสร้างโลกที่ดีขึ้นสำหรับทุกคน โลกที่งานไม่ได้นิยามชีวิตของเรา ความหมายของ anti-work นั้นหลากหลายและมีระดับของความสุดโต่งไม่เท่ากัน มันอาจคือการต่อต้านงานในรูปแบบที่มันเป็นอยู่ ที่แรงงานทำงานเพื่อจ่ายค่าเดินทางหรือค่าน้ำมันมาทำงาน เพื่อซื้อชุดที่เหมาะสมกับที่ทำงาน และเพื่อจ่ายค่าเช่าที่พักที่พวกเขาไม่ได้ไปใช้ชีวิตข้างใน เพราะเงินและเวลาจะมีชีวิตนอกงานนั้นแทบจะไม่พอแล้ว”&nbsp;อย่างไรก็ตามในกลุ่มเองก็มีความคิดหลายกระแส บ้างก็คิดว่าการขจัดงานทุกรูปแบบไปเลยคือหนทางที่ถูกต้อง บางคนก็คิดว่างานไม่ควรตั้งอยู่บนฐานของทุนนิยม แต่ควรให้ประโยชน์ในการเติมเต็มตัวตนหรือสังคมที่พวกเขาอาศัยอยู่หากคนที่ออกแรงต้องการ หรือสำหรับผู้ใช้บางคนไม่ได้ต่อต้านการทำงานด้วยซ้ำ แต่พวกเขาต้องการปลุกอำนาจการต่อรองในตัวของแรงงานต่อนายทุน และเพื่อไปถึงจุดการสรุปของตัวสมาชิกเองว่าใครจะเชื่อแบบไหน ในกลุ่มยังมีเปเปอร์และบทความที่เกี่ยวข้องกันกับแนวคิดกลุ่มให้สมาชิกทั้งเก่าและใหม่ได้อ่านอยู่ด้วยถ้าถามว่ากลุ่ม Anti-work โตเร็วขนาดไหน ในปี 2019 กลุ่มนี้มีจำนวนผู้ใช้อยู่ที่ 13,000 คน เติบโตเป็น 100,000 คนเมื่อต้นปี 2020 พุ่งสูงเป็น 1 ล้านคนเมื่อปลายปี 2021 และปัจจุบันมีทั้งสิ้นราวๆ 1.7 ล้านคน หากดูตามไทม์ไลน์เราจะเห็นว่ายอดผู้ใช้สูงขึ้นตามสถานการณ์โควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญ&nbsp;ในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา บริษัทจำนวนมากมีการลดขนาดและเลิกจ้างเพื่อปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ของโรคระบาด หลายๆ คนที่ยังหลงเหลือในบริษัทอาจต้องแบกรับภาระงานมากเกินสโคปงานของตัวเองโดยไม่มีการขึ้นเงินเดือน และผู้สมัครงานใหม่มักถูกให้ทำงานพ่วงตำแหน่ง ตัวอย่างเช่น รับสมัครตำแหน่งกราฟิกที่ทำวิดีโอและคอนเทนต์ได้ แต่เรตเงินเดือนอยู่ที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำไม่มากเท่าไรเช่นเดิมอย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะมองว่าแนวคิดและจุดมุ่งหมายของการเคลื่อนไหวนี้จะเป็นไปได้ในโลกจริง “มันเป็นไปไม่ได้ที่คนคนหนึ่งจะสามารถลาออกจากงานแล้วไม่ทำงานอีกเลยในชีวิตของเขา” เอมี่ ซิมเมอร์แมน (Amy Zimmerman) หัวหน้าแผนกทรัพยากรมนุษย์ Relay Payments กล่าวกับ The Independent เธอพูดอีกว่าแม้ตอนนี้รัฐบาลอเมริกันจะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้คนที่จำเป็น แต่ระบบเช่นนี้ไม่สามารถอยู่อย่างยั่งยืนได้ เพราะท้ายที่สุดถ้าคนไม่ทำงาน เงินภาษีที่รัฐไว้ใช้ทำงานจะเอาจากที่ไหน?ดังนั้นการขจัดคอนเซปต์ของการทำงานทั้งหมดทิ้งไปสามารถเป็นไปได้หรือไม่ในอนาคต? แน่นอนว่ายังไม่มีใครบอกได้ในระยะเวลาที่สั้นเพียงเท่านี้ “สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรต้องเกิด และฉันกลัวที่สุดว่าจะไม่เกิดคือการเปลี่ยนวิธีคิด ผู้นำองค์กรบางคนยังติดอยู่กับความเชื่อว่าเรากำลังกลับไปสู่อะไรสักอย่างที่ไม่เจริญ” ศาสตราจารย์เซดัล นีลลีย์ (Tsedal Neeley) กล่าว แต่โลกก็ไม่ได้เหมือนเดิม ไม่ว่าจะมากเท่าที่ชาว Anti-work หวังหรือไม่ ความเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานก็เกิดขึ้นแล้ว และเวลาสี่ถึงห้าปีนี้น่าจับตาว่าผลของความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อตลาดแรงงานโลกยังไงบ้าง และจะมีคนที่ใช้ชีวิตสุขสงบโดยไม่ต้องทำงานจะเกิดขึ้นได้จริงมั้ย เราคงต้องรอดู อ้างอิง&nbsp;<a href="https://www.reddit.com/r/antiwork/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.reddit.com/r/antiwork/ </a><a href="https://www.bbc.com/worklife/article/20220126-the-rise-of-the-anti-work-movement" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/worklife/article/20220126-the-rise-of-the-anti-work-movement </a><a href="https://www.morningbrew.com/hr/stories/redditantiwork" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.morningbrew.com/hr/stories/redditantiwork </a><a href="https://www.independent.co.uk/news/world/americas/antiwork-quit-job-pandemic-reddit-b2002265.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.independent.co.uk/news/world/americas/antiwork-quit-job-pandemic-reddit-b2002265.html </a>

นับเป็นอีกประเด็นที่กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สำหรับ พิมพ์-กรกนก อินฟลูเอนเซอร์วัย 23 ปี ที่มีผู้ติดตามหลักล้าน ถูกปล่อยคลิปหลุด ขณะมีเซ็กซ์กับแฟนเก่าออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ต

การถ่าย Sex Tape ในความสัมพันธ์ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ทุกฝ่ายควรต้องเคารพข้อตกลงซึ่งกันและกัน กรณี พิมพ์-กรกนก ขอให้แฟนเก่าลบคลิปหลังเลิกกัน แต่กลับมีคลิปหลุดออกมา

นับเป็นอีกหนึ่งกรณีที่ชวนให้หลายคนกังวลถึงความปลอดภัยในชีวิต เมื่อช่วงเวลา 9 โมง วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีหญิงสาวคนหนึ่งถูกคนร้ายลวนลามและพยายามข่มขืนบนสถานีรถไฟฟ้า BTS เคหะสมุทรปราการ

9 โมงเช้า บนสถานีรถไฟฟ้า มีผู้หญิงเกือบโดนข่มขืน

เมื่อไม่นานมานี้ บทความหนึ่งที่น่าสนใจบนเว็บไซต์ Dazed พูดถึงความรักโรแมนติกของคนยุคนี้ที่กำลัง ‘ถูกฆ่า’ จากการมาถึงของ Dating App น่าสนใจว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เพราะแน่นอนเราไม่อาจเหมารวมว่าการปัดหาคู่ในแอปฯ จะทำให้การจีบและเดตกันของมนุษย์ทุกคนสูญเสียหรือไร้ความโรแมนติกไปเสียทั้งหมด แต่ทว่าการมาถึงของวัฒนธรรมการหาคนที่ ‘ใช่’ ผ่านแอปพลิเคชันหาคู่ต่างๆ กำลังเปลี่ยนวิถีและรูปแบบของความรักความสัมพันธ์ของเราในทางใดทางหนึ่งอยู่แน่ๆ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Social Issues

Anti-work movement แนวคิดต่อต้านการทำงาน ที่กำลังมาแรงในโลกตะวันตก

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

TASSANA PUTTAPRASART

RELATED

HOT TOPICS