หลายคนอดรู้สึกไปโดยปริยายไม่ได้ ว่าคนหน้าตาดีเป็นคนดีตามหน้าตา แท้จริงแล้วอาจไม่ใช่

“คนนั้นหน้าตาดี นิสัยก็ไม่น่าจะแย่” The Halo Effect อคติสุดคลิเช่ ที่ตัดสินความดีจากหน้าตาไว้ก่อน

ถึงเราจะเตือนๆ กันว่า อย่าตัดสินคนจากภายนอกเลยหญิง หน้าตาดีก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นคนดีสักหน่อย แต่ความงามที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพริวิลเลจในสังคม มันก็ยังให้สิทธิพิเศษสมชื่อ เพราะหลายคนยังอดจะรู้สึกไปโดยปริยายไม่ได้ ว่าคนหน้าตาดีมีแนวโน้มจะเป็นคนดีตามหน้าตา ก่อนจะรู้จักนิสัยใจคอกันเสียอีก การตัดสินใจเพียงชั่วพริบตาเดียวด้วยรูปลักษณ์ภายนอก ดูเหมือนจะเกิดขึ้นจริงในหลายสังคม สิ่งนี้มีชื่อเรียกขานว่า ‘The Halo Effect’ หรืออคติทางการรับรู้ (Cognitive Bias) ประเภทหนึ่งซึ่งกล่าวถึงความประทับใจโดยรวมของเราที่มีต่อใครสักคนในด้านความรู้สึก เช่น ถ้าเขาหล่อ เขาต้องฉลาดแน่นอนจ้ะ หรือดูคนนั้นสิ สวยมาก เรียบร้อยด้วย ต้องเป็นคนดีแหงๆ เป็นต้น ลองคิดตามง่ายๆ เมื่อเราเห็นตัวร้ายในละคร ที่ลุคภายนอกหน้าตาดี และ ‘ดู’ จิตใจดี แล้วสงสัยว่าทำไมตัวเอกถึงปกป้องจังเลย แม้บุคคลที่สามนอกจออย่างเราจะเห็นเต็มๆ ว่าร้ายไม่ไหว แต่ก็ทำได้แค่เชียร์ว่า เมื่อไหร่จะฉลาดสักที ก็เพราะตัวเอกตัดสินตัวร้ายจาก ‘ลุค’ เหมือนกันนั่นแหละ ต้นกำเนิดของคำว่า The Halo Effect มีมาตั้งแต่ปี 1920 โดยนักจิตวิทยา เอ็ดเวิร์ด ธอร์นไดค์ (Edward Thorndike) ซึ่งประดิษฐ์คำศัพท์นี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก ในบทความเรื่อง ‘The Constant Error in Psychological Ratings’ ที่เขาทำการทดลองให้ผู้บังคับบัญชาในกองทัพประเมินคุณสมบัติของทหารใต้บังคับบัญชา เกี่ยวกับความเป็นผู้นำ รูปลักษณ์ภายนอก สติปัญญา ความจงรักภักดี และความน่าเชื่อถือ ปรากฏว่า คนที่ได้คะแนนรูปลักษณ์ภายนอกน้อย คุณลักษณะอื่นๆ ก็จะได้คะแนนลดลงไปด้วย กลับกันถ้าคะแนนรูปลักษณ์ภายนอกสูง คะแนนด้านอื่นก็ได้มากขึ้นเช่นกัน เช่น ได้คะแนนรูปลักษณ์ภายนอกที่ 28 คะแนน คุณจะได้คะแนนความฉลาด 31 คะแนน และ 39 คะแนนสำหรับการดูเป็นผู้นำ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ธอร์นไดค์ จะใช้ชื่อเรียกด้วยคำว่า ‘Halo’ ที่แปลว่ารัศมี เพราะมันหมายถึง การเปรียบเทียบรัศมีวงแหวนที่ในบางงานศิลปะ นิยมวาดวงแหวนไว้เหนือศีรษะของนักบุญ หรือเทวดา นางฟ้าบนสวรรค์ เพื่อแสดงว่า นี่แหละ คนดี เราเลยขอยกตัวอย่างงานวิจัย และการศึกษาบางชิ้นที่ช่วยย้ำให้เห็นกันไปเลยว่า การตัดสินคนจากหน้าตามันมีจริงในสังคม เช่น งานวิจัย The Effect of Physical Attractiveness on Teacher Expectations ของ มาร์กาเร็ต เอ็ม คลิฟฟอร์ด (Margaret M. Clifford) และ อีเลน วอลสเตอร์ (Elaine Walster) พบว่า The Halo Effect มีผลไปถึงระดับการศึกษา ถึงการเลือกปฏิบัติของครู ที่มีแนวโน้มว่าจะทำดีกับนักเรียนหน้าตาดีมากกว่า ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Journal of Economic Psychology พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว เด็กเสิร์ฟอาหารที่หน้าตาดีจะได้ทิปมากกว่าคนที่ไม่สวย ประมาณ 1,200 ดอลลาร์ต่อปี งานวิจัย Sounds like a winner: voice pitch influences perception of leadership capacity in both men and women จากมหาวิทยาลัยไมอามี และมหาวิทยาลัยดุ๊ก พบว่าผู้หญิงที่มีเสียงต่ำจะถูกมองว่ามีความสามารถ และน่าเชื่อถือมากกว่าผู้หญิงเสียงสูง จึงทำให้ผู้หญิงมีบทบาทความเป็นผู้นำน้อยกว่าผู้ชาย สิ่งนี้อาจจะไม่ได้อิงถึงหน้าตา แต่เสียงที่ไม่ตรงตามมาตรฐานของสังคม จะถูกตีตราไปแล้วว่าไม่มีความสามารถ และทวีคูณความอิหยังวะเข้าไปอีก ในข่าวของฆาตกรต่อเนื่อง และผู้กระทำความผิดทางเพศอย่าง เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) ซึ่งสังคมมองว่าเขาเป็นผู้ชายที่หล่อ และฉลาด โดยเขาคร่าชีวิตชาย 17 คน ระหว่างปี 1978 ถึง 1991 ความน่าประหลาด คือ เขาสามารถหนีตำรวจมาได้ 17 ครั้ง เพราะตำรวจมองว่าคนคนนี้ภายนอก ‘ดูปกติ’ และเมื่อเขาถูกจับกุม และตัดสินลงโทษ ยังมีคอมเมนต์บนโลกออนไลน์ว่า “ทำไมฉันรู้สึกเสียใจกับเขาจัง” เพราะรู้สึกว่าหน้าตาดีแบบนี้ ยากที่จะเชื่อเหลือเกินว่าจะทำอาชญากรรมร้ายแรงได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดข่าวต่างๆ มากมาย ที่เผยภาพลักษณ์ของคนที่หล่อ สวย หรือดูดีตามมาตรฐานสังคม เป็นผู้กระทำผิด ก็เริ่มมีคนตระหนักว่า คนหน้าตาดี ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีเสมอไป แต่กระนั้นก็ยังไม่วายจะมีความคิดเห็นว่า “หน้าตาก็ออกจะดี ไม่น่าเลย…” ซึ่งก็ยังคงย้อนวนไปที่ความคาดหวังเชิงบวกต่อหน้าตาที่ดูดีอยู่ดี ที่สุดแล้ว การรู้สึกว่าใครหน้าดีหรือไม่ยังคงเป็นเรื่องปัจเจกที่เราไม่อาจไปตัดสินได้ แต่ตราบใดที่มันยังนำไปสู่การเลือกปฏิบัติ มันก็ย่อมมีปัญหาตามมา ดังนั้น “อย่าเพิ่งตัดสินคนจากภายนอก” ฟังดูอาจจะเชยๆ แต่ก็ยังคงเป็นคำที่เรายังต้องพูดและต้องรับฟังกันต่อไป อ้างอิง: <a href="https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3350713/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3350713/</a>&nbsp; <a href="https://www.jstor.org/stable/2112099?origin=crossref" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.jstor.org/stable/2112099?origin=crossref</a> <a href="https://www.verywellmind.com/what-is-the-halo-effect-2795906#citation-1" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.verywellmind.com/what-is-the-halo-effect-2795906#citation-1</a>&nbsp; <a href="https://yesgurl.co.uk/halo-effect-and-stereotyping/" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://yesgurl.co.uk/halo-effect-and-stereotyping/</a>&nbsp;

‘แก๊งหิมะเดือด’ (Frozen Hot Boys) ไม่เพียงสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาเยาวชน แต่ยังชวนวิพากษ์เรื่องสภาพแวดล้อมภายในครอบครัว การลงโทษโดยใช้ความรุนแรง การทำให้ความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องปกติ รวมถึงการมอบ ‘โอกาส’ ให้แก่ผู้กระทำผิด เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นพลเมืองที่ดี และสามารถใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติสุข

‘แก๊งหิมะเดือด’ (Frozen Hot Boys) ไม่ใช่แค่หนังวัยรุ่นสู้ฝัน แต่คือภาพยนตร์ที่ว่าด้วยปัญหาภายในครอบครัว ความหลากหลายทางเพศ และการตีตราผู้กระทำผิด

เพลง ‘Gnarly’ ของวง ‘KATSEYE’ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม เนื่องจากเพลงนี้มีเสียงคล้ายเสียงครางในท่อน Partyin' in the Hollywood Hills (Uh) ทั้งที่หนึ่งในสมาชิกของวงยังเป็นผู้เยาว์ที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ส่งผลให้ผู้คนเริ่มตั้งคำถามอีกครั้งว่า การถ่ายทอดเรื่องราวที่เข้าข่ายเรื่องแอลกอฮอล์และเซ็กส์ผ่าน ‘เด็กผู้หญิง’ เป็นสิ่งที่สมควรหรือไม่?

เพลง ‘Gnarly’ ของ KATSEYE ถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม เมื่อหนึ่งในสมาชิกของวงยังไม่บรรลุนิติภาวะ แต่เพลงนี้กลับมีท่อนที่คล้ายเสียงคราง ฉากแมลงวันผสมพันธุ์ และศิลปินถือขวดแชมเปญใน MV

ToGetHer เรียลลิตี้หาคู่เดทเลสเบี้ยนรายการแรกของเกาหลีใต้ ที่มาพร้อมคำอธิบาย “เมื่อผู้หญิงตกหลุมรักผู้หญิง เรื่องราวความรักที่แท้จริงจึงเริ่มต้นขึ้น” มีคนเกาหลีใต้จำนวนไม่น้อยที่เข้ามารับชมรายการ LGBTQ+ แม้ในทางสาธารณะ ประเทศจะไม่ได้เปิดกว้างเรื่องความหลากหลายทางเพศเท่าที่ควร

ไม่ว่าจะเดทจริงหรือไม่ แต่เลสเบี้ยนเกาหลีใต้มีอยู่จริง! ToGetHer เรียลลิตี้หาคู่เดท ‘เลสเบี้ยน’ รายการแรกของเกาหลีใต้ ที่คนในคอมมูนิตี้ภูมิใจที่จะบอกว่าตัวเองชอบผู้หญิง หักล้างวาทกรรมลบตัวตน “เกาหลีไม่มีเกย์”

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

“คนนั้นหน้าตาดี นิสัยก็ไม่น่าจะแย่” The Halo Effect อคติสุดคลิเช่ ที่ตัดสินความดีจากหน้าตาไว้ก่อน

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS