นักบำบัดอาจเข้ามาเป็นตัวกลางให้คู่รักสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาใหม่ได้

เข้ากันไม่ได้ แต่ยังไม่อยากเลิกรา เข้ารับการบำบัดคู่รัก ‘Couples Therapy’ อาจเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์

แม้ขึ้นชื่อว่าความสัมพันธ์โรแมนติก ก็ใช่ว่าจะโรแมนติกได้ทุกวันตามชื่อ เพราะความรักนั้นซับซ้อน และแต่ละคู่ก็มีปัญหาที่พบระหว่างทางแตกต่างกันไป อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นกันได้มากน้อยแค่ไหน รับไม่ได้ก็ปล่อยมือ รับได้ก็ไปต่อ ทว่าสำหรับคู่ที่ยืนยันจะจับมือกันไปแม้เผชิญความไม่เข้าใจกันในความสัมพันธ์ พวกเขาจะไปต่อกันยังไง ถึงจะไม่เจ็บปวดกันทั้งคู่จนกลายเป็น toxic relationship และสิ่งที่อาจช่วยได้นั่นคือการบำบัดชีวิตคู่&nbsp;‘Couples Theraphy’ Couples therapy เป็นหนึ่งในการรักษาทางจิตบำบัด (psychotherapy) ที่สามารถช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่รักให้ดีขึ้นได้ จากคู่ที่กำลังมีปัญหาด้านความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติ เวลาที่ไม่ตรงกัน เซ็กซ์ นิสัย หรือพฤติกรรมที่ไม่ชอบของกันและกัน บาดแผลทางใจบางอย่าง ความเครียด รู้สึกห่างเหิน หรือแม้แต่ปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้อื่นๆ ที่นักบำบัดอาจเข้ามาเป็นตัวกลางให้ทั้งคู่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมาใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม การจะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่อง couples therapy ย่อมใช้ได้ผลกับคู่ที่ยังรักกันอยู่ และทั้งสองฝ่ายอยากจะไปต่อกันทั้งคู่จริงๆ เพราะหากมีแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยังเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ แต่อีกฝ่ายหมดศรัทธาในรักครั้งนี้จนไม่อยากไปต่อ ยังไงก็ย่อมไม่ได้ผล คีรัน อโรร่า (Kiran Arora) นักบำบัดด้านครอบครัวในนิวยอร์ก มองว่าการที่สองฝ่ายจับมือกันทำ Couples therapy เป็นเหมือนป้อมปราการสำคัญที่อาจช่วยป้องกันปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดปัญหาร้ายแรงขึ้นมาได้ เขามองว่าการให้คำปรึกษาสำหรับคู่รักสามารถเป็นหนทางที่ดีขณะที่คุณกำลังเผชิญกับเหตุการณ์บางอย่างที่เฉพาะเจาะจงในชีวิต และมันอาจเป็นการเสริมสร้างความมั่นคงอย่างหนึ่งให้กับความสัมพันธ์ หรือช่วยซัพพอร์ตเราอย่างต่อเนื่องขณะที่พวกคุณใช้ชีวิตร่วมกัน ตัวกลางที่จะเข้ามาช่วยคู่รักที่กำลังติดขัดทางความสัมพันธ์ คือ นักบำบัด โดย ไบรอัน มูลเลอร์ (Brian Mueller) นักจิตวิทยาจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย อธิบายว่า นักบำบัดจะเข้ามาช่วยให้คุณ และคู่ของคุณระบุความรู้สึกต่างๆ เหล่านั้นออกมาเป็นคำพูดที่พวกเขาจะใช้สื่อสารให้อีกฝั่งฟัง ซึ่งสำหรับคนที่เคยผ่านการบำบัด มูลเลอร์บอกว่า “ผู้คนรายงานว่ารู้สึกเชื่อมโยงกับคนรัก และความรู้สึกของตัวเองมากขึ้น รวมถึงเพิ่มพูนความปลอดภัย ความเป็นธรรมชาติ และความสนุกให้กับความสัมพันธ์ ซึ่งเมื่อเรารู้สึกปลอดภัยกับความสัมพันธ์ พวกเขาจะสามารถกล้าแสดงออก และผจญภัยในด้านอื่นๆ ของชีวิต” ซึ่งเราก็คิดว่าจริง เพราะหากเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่ยังมีความอึดอัดในใจอย่างล้นหลาม ไม่ต้องถึงชีวิตคู่ แค่ชีวิตของเราเอง ก็จะรู้สึกเหมือนติดบัคในหัว เหมือนใช้ชีวิตไม่สุด เพราะมีอะไรให้คิดเยอะมาฉุดรั้งความสุขอยู่ สำหรับวิธีต่างๆ ของ Couples therapy นั้นมีหลายรูปแบบแล้วแต่เทคนิคของนักบำบัดแต่ละท่าน และความเหมาะสมที่เหมาะกับคู่รัก ยกตัวอย่างเช่น 1. Emotionally focused therapy (EFT) ที่จะโฟกัสการพัฒนาเรื่องความใกล้ชิด ความผูกพันระหว่างคู่รัก นี่นักบำบัดจะเข้ามาช่วยให้คุณเข้าใจ และเปลี่ยนแพทเทิร์นชีวิตบางอย่างที่นำไปสู่การขาดการเชื่อมต่อซึ่งกันและกัน โดยมูลเลอร์บอกว่ามีหลายงานวิจัยที่โชว์ให้เห็นว่าการบำบัดด้วยวิธีนี้ 8-12 ครั้ง ช่วยลดความทุกข์ และเพิ่มความพึงพอใจให้กับความสัมพันธ์ได้จริง 2. Gottman method ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพื้นที่ความขัดแย้ง และติดอาวุธสกิลการแก้ไขปัญหาให้คุณกับแฟน 3. Ellen Wachtel's approach เน้นสร้างจุดแข็งที่มุ่งไปทางมุมมองเชิงบวกของความสัมพันธ์ ให้ความสำคัญกับการสะท้อนตัวตน (self-reflection) มากกว่าการเบลมกัน 4. Psychodynamic couple’s therapy การบำบัดที่จะสำรวจความหวัง และความกลัว ที่เป็นตัวกระตุ้นคุณ และคู่ของคุณ เพื่อให้พวกคุณเข้าใจกันและกันมากขึ้น 5. Behavioral therapy (BCT) รูปแบบของการบำบัดที่ช่วยตบๆ พฤติกรรมให้เข้าที่เข้าทางจากการเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวกที่ว่าด้วยความมั่นคง และความพึงพอใจ ขณะเดียวกันก็ขัดขวางพฤติกรรมเชิงลบ 6. Cognitive behavioral therapy (CBT) ช่วยเปลี่ยนแพทเทิร์นความคิดของคุณที่มีอิทธิพลลบๆ ต่อพฤติกรรม ทั้งหมดเป็นแค่วิธีคร่าวๆ ส่วนหนึ่งที่นักบำบัดใช้ แต่จริงๆ ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกเช่นกัน และสำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันสมควรจะไปปรึกษานักบำบัดเลยไหม ขั้นแรกอาจลองเริ่มต้นจากการพูดคุยกับคนรักของตัวเองก่อนก็ได้ ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นกันที่ ‘การรับฟัง’ “การฟังเพื่อสะท้อนกลับ (reflective listening) เป็นการปฏิบัติที่มีประโยชน์อย่างยิ่ง ที่พวกเขาจะได้ผลัดกันเป็น active listeners” ลอร่า หลุยส์ (Laura Louis) นักจิตวิทยาจาก Atlanta Couple Therapy กล่าว เธอเสริมว่า การที่เรามีวิสัยทัศน์ที่มองเห็นได้สามารถช่วยเตือนคุณถึงความปรารถนา และเป้าหมายที่คุณมีร่วมกันเมื่อคุณเจอปัญหาในความสัมพันธ์ ซึ่งเธอแนะนำว่าคู่รักควรเขียนเป้าหมายในความสัมพันธ์นี้ออกมาให้เห็นชัดๆ ไปเลย และแม้ชีวิตส่วนตัวนอกความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะวุ่นวาย และหาเวลามาเคลียร์ใจกันไม่ค่อยได้ คุณอาจจะต้องฮึบตัวเอง และหาเวลาคุยกันอย่างจริงจัง โดยไม่หนีปัญหา เพราะอย่าลืมว่าคู่ของคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ที่ถ้าไม่จับเข่าคุย มันก็ง่ายที่จะพังเข้าสักวัน เกรเซล การ์เซีย (Grazel Garcia) นักบำบัด แนะว่า “การจัดชั่วโมงของ ‘เวลาคู่รัก’ (couples time) เพื่อให้ความใกล้ชิดกันเป็นการเริ่มต้นที่ดี ซึ่งการจัดชั่วโมงเวลาที่โฟกัสไปที่ท็อปปิกพัฒนาความสัมพันธ์สามารถทำได้หลายครั้งต่อสัปดาห์ หรือสัปดาห์ละครั้งก็ได้” ดังนั้นการแบ่งเวลาคุยกันอย่างตรงไปตรงมาถึงปัญหาต่างๆ ที่พบเจอในชีวิตคู่นับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นว่าควรไปต่อ หรือพอแค่นี้ และหากคุยกันเอง ปรับกันเอง แต่ยังไม่เวิร์ก ขณะเดียวกันก็ยังยืนยันไม่อยากเลิกรา การเข้ารับการบำบัดคู่รัก ก็เป็นอีกชอยส์ที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ของคุณไปต่อได้ อ้างอิง: <a href="https://www.healthline.com/health/mental-health/therapy-for-couples#what-it-is" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.healthline.com/health/mental-health/therapy-for-couples#what-it-is</a> <a href="https://www.thecut.com/article/couples-therapist.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.thecut.com/article/couples-therapist.html</a>&nbsp; <a href="https://www.verywellmind.com/couples-therapy-definition-types-techniques-and-efficacy-5191137" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.verywellmind.com/couples-therapy-definition-types-techniques-and-efficacy-5191137</a>&nbsp;

มารีแอนน์ บัดเดอ (Mariann Budde) คือบิชอปแห่งคริสตจักรเอพิสโคปัลที่ได้เทศนา หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีที่มหาวิหารแห่งชาติวอชิงตัน ให้เขามีเมตตาต่อผู้คนทั้งผู้อพยพและผู้มีความหลากหลายทางเพศ

Mariann Budde บิชอปหญิงคนแรกผู้เทศนาโดนัลด์ ทรัมป์

โลกก้าวเข้าสู่ปี 2025 แล้ว แต่กรณี Honor Killing หรือการ ‘ฆ่าเพื่อรักษาเกียรติครอบครัว’ ก็ยังคงเกิดขึ้นในประเทศแถบตะวันออกกลาง

พ่อชาวปากีสถานยิงลูกสาววัย 15 ปี เพราะเธอทำคอนเทนต์ TikTok โชว์ไลฟ์สไตล์และการแต่งตัวที่ผิดจารีต จึงลงมือ ‘ฆ่าเพื่อรักษาเกียรติครอบครัว’

ลอร์เดส บาร์เรโต (Lourdes Barreto) สักคำว่า Eu sou puta ไว้ที่ท่อนแขนซ้าย และเธอจะยิ้มรับอย่างชื่นมื่นเสมอว่านั่นคืออาชีพหน้าที่การงานของเธอ ก่อนจะตอบไปว่า “แน่นอนสิ! ก็ฉันเป็นคนขายตัวนี่นา”

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Relationship

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS