นับตั้งเเต่กองกำลังทหารรัสเซียเข้ามาตรึงพื้นที่ในหลายแคว้นของยูเครนตั้งแต่ปี 2014 ผลกระทบนี้ที่ทำให้ผู้หญิงนับพันคนในยูเครนต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ทั้งถูกทำร้ายร่างกาย และถูกคุกคามทางเพศโดยทหารรัสเซียที่เข้ามายึดครองพื้นที่ที่เคยเป็นบ้านของพวกเธอ แต่ความเจ็บปวดกลับถูกเก็บเงียบมาตลอด เพราะพวกเธอไม่กล้าที่จะปริปากเล่าเรื่องราวเหล่านี้กับใคร

‘SEMA’ กลุ่มเหยื่อผู้หญิงในยูเครน กับการรวมตัวกันพูดเรื่องความรุนแรงทางเพศ ผลพวงจากความโหดร้ายของสงครามยูเครน - รัสเซีย

* บทความนี้กล่าวถึงความรุนแรงทางเพศ และการฆ่าตัวตายนับตั้งเเต่กองกำลังทหารรัสเซียเข้ามาตรึงพื้นที่ในหลายแคว้นของยูเครนตั้งแต่ปี 2014 และได้ผนวกดินแดนในคาบสมุทรไครเมียของยูเครนเข้ามาเป็นของตัวเอง พร้อมทั้งสนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดน เพื่อรบกับรัฐบาลยูเครน ซึ่งกินพื้นที่เป็นวงกว้างทางภาคตะวันออกของประเทศ ผลกระทบนี้ที่ทำให้ผู้หญิงนับพันคนในยูเครนต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ทั้งถูกทำร้ายร่างกาย และถูกคุกคามทางเพศโดยทหารรัสเซียที่เข้ามายึดครองพื้นที่ที่เคยเป็นบ้านของพวกเธอ แต่ความเจ็บปวดกลับถูกเก็บเงียบมาตลอด เพราะพวกเธอไม่กล้าที่จะปริปากเล่าเรื่องราวเหล่านี้กับใคร ทั้งที่หากอ้างอิงจากข้อมูลของหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ มีการข่มขืนเกิดขึ้นมากถึง 344 เคส และในจำนวนกว่า 220 เคส ก็เป็นเด็กผู้หญิงที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ แต่ตัวเลขนี้เองก็ยังเรียกว่าห่างไกลจากจำนวนที่คาดการณ์ไว้ว่าจริงๆ แล้วน่าจะมีเหยื่อจากการถูกข่มขืนโดยทหารรัสเซียมากถึงหลักพันคนเลยทีเดียว&nbsp;นั่นทำให้ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งในแคว้นแคร์ซอน (Kherson) ทางทิศใต้ของยูเครน เป็นเมืองท่าที่สำคัญริมฝั่งทะเลดำ ไม่ยอมนิ่งเฉยอีกต่อไป แต่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นผ่านกลุ่มชื่อ ‘SEMA Ukraine’ ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Iryna Dovhan และผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่งในปี 2019&nbsp;Iryna Dovhan เองก็เป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตอย่างหวุดหวิด แต่ก็ได้รับบาดแผลทั้งทางกายและใจมาไม่น้อย จากการถูกกองกำลังติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนในภาคตะวันออกของยูเครนใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกาย โดยกลุ่มของเธอเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเรื่อยๆ จากจำนวนเหยื่อผู้หญิง 15 คนที่เข้าร่วม จนตอนนี้มีสมาชิกมากกว่า 60 คนแล้ว&nbsp;ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ท่ีสงครามรัสเซีย-ยูเครนเริ่มปะทุรุนแรงขึ้น และทำให้ทหารรัสเซียเริ่มบุกรุก ทำร้าย คุกคามผู้หญิงและคนในพื้นที่ บรรดาเหยื่อผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่กล้าปริปากพูด เพราะทั้งกลัวความไม่ปลอดภัย กลัวว่าจะถูกฆ่าปิดปาก และอีกส่วนหนึ่งยังเป็นเพราะพวกเธอเกรงกลัวว่า Stigma หลายอย่างของชุมชนยูเครนที่พวกเธออยู่ ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมและเคร่งศาสนาอย่างมากนั้นจะตัดสินและตีตราพวกเธอ แล้วก็ไม่ใช่เหยื่อทุกคนที่จะกล้าไปแจ้งความกับตำรวจ หลายคนเลือกที่จะเงียบ แยกตัวออกจากสังคม และในบางเคสก็เลือกที่จะปลิดชีพตัวเองเพื่อหลีกหนีความเจ็บปวด&nbsp;การจัดตั้งกลุ่ม SEMA Ukraine จึงไม่เพียงเป็นที่พักพิงให้เหยื่อรู้สึกปลดภัย และได้รับความคุ้มครอง แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะช่วยลดการตีตราจากสังคมได้ ให้เหยื่อไม่รู้สึกว่าพวกเธอกำลังถูกตัดสินคุณป้า Liudmyla อดีตครูโรงเรียนมัธยม วัย 77 หนึ่งสมาชิกคนแรกๆ ของกลุ่ม SEMA Ukraine ก็เป็นหนึ่งในเหยื่อความรุนแรงจากทหารรัสเซียที่บุกเข้ามาถึงในบ้านของเธอเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน เธอถูกทำร้ายและข่มขืนอย่างเลือดเย็น พร้อมถูกขู่ว่าจะโดนยิงทิ้งอีกทีเมื่อพวกเขากลับมาในอีก 2 วัน แต่โชคดีที่ Liudmyla หนีออกมาเจอกับลูกสาวของเธอได้ก่อนในพื้นที่เขตปกครองของยูเครน เธอเป็นเหยื่อเพียงไม่กี่คนที่เลือกที่จะเเจ้งความกับตำรวจ เพราะลูกสาวของเธอบอกว่า มันถึงเวลาที่ทหารรัสเซียจำเป็นต้อง ‘ชดใช้’ ให้กับสิ่งที่ทำลงไปกับพวกเธอบ้างแล้ว และนั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของ Liudmyla“ฉันสิ้นหวัง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ แต่ขอบคุณกลุ่มนี้ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้ ตอนนี้ฉันเริ่มกลับมากินได้บ้างแล้วละค่ะ” คุณป้า Liudmyla วัย 77 บอก เธออยากให้โลกรับรู้ถึงความโหดร้ายของทหารรัสเซีย ที่ทำร้ายได้ไม่เว้นแม้แต่กับพลเรีอนผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างประเทศแต่อย่างใด&nbsp;เมื่อเร็วๆ นี้เองกลุ่ม SEMA Ukraine ยังได้บอกเล่าเรื่องราวความเจ็บปวดของพวกเขาผ่านหนังสารคดีที่กำกับโดยหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มซึ่งเป็นนักทำหนังซึ่งเคยถูกคุกคามทางเพศโดยเจ้าหน้าที่ของรัสเซีย เพื่อเปิดเผยต่อคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (United Nations Commission on the Status of Women - CSW) และนักเคลื่อนไหวด้านมนุษยชนได้รับรู้ถึงความทุกข์ยากและความโหดร้ายจากภัยสงคราม พร้อมทั้งเรียกร้องให้เลขาธิการ UN คนปัจจุบัน นาย แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) ช่วยพิจารณากาหัวรัสเซียว่าเป็นหนึ่งในผู้ต้องมีส่วน ‘รับผิดชอบ’ กับความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงชาวยูเครนเหล่านี้ด้วยอันที่จริงแล้วเครือข่าย SEMA Network ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2017 โดย ดร. Denis Mukwege นรีแพทย์ และนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ผู้ทำงานเรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรมให้กับเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากภัยสงคราม โดยซัพพอร์ตให้พวกเขากล้าที่จะพูดมันออกไป ซึ่งคำว่า SEMA เองก็มาจากภาษาสวาฮีลี แปลว่า ‘Speak out’ ด้วย&nbsp;“เมื่อคุณเข้ามาอยู่ในกลุ่ม เรื่องเลวร้ายมากมายที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเหล่านี้ไม่เพียงทำให้คุณรู้สึกอยากซัพพอร์ตพวกเธอ แต่มันยังเป็นการช่วยตัวคุณเองจากความทุกข์ได้เหมือนกัน” Alisa Kovalenko หนึ่งในผู้หญิงที่เข้าร่วมกลุ่ม SEMA Ukraine กล่าว&nbsp;เช่นเดียวกับ Tetyana หญิงวัย 61 ผู้ผ่านฝันร้ายจากการถูกทหารรัสเซียย่ำยีทั้งเธอและสามี เธอบอกว่าการเข้ามารวมกลุ่มกัน ทำให้พบว่าพวกเธอทุกคนต่างก็ได้รับบาดแผลจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นกันทั้งนั้นไม่มากก็น้อย บางคนต้องติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังของบ้านที่ถล่มลงมาจากการโจมตี ขณะที่บางคนถูกบังคับให้ต้องเป็นนางบำเรอทหารรัสเซียที่เข้ามายึดบ้านของพวกเธอเอง และอีกสารพัดเรื่องราวความเจ็บปวดที่ยังรอให้ใครสักคนรับฟัง ซัพพอร์ต และนำไปสู่ความเป็นธรรม เพื่อที่พวกเธอเหล่านี้จะได้มีชีวิตอยู่ต่อ แม้ว่าความเจ็บปวดจะไม่มีวันหายไปเสียทีเดียวก็ตาม“คุณต้องหาทางทำงานกับมันให้ได้ ไอ้ความเจ็บปวดอันนี้ มันจะได้ไม่ต้องติดอยู่ในตัวคุณไปอีกนาน”&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.nytimes.com/2025/03/15/world/europe/ukraine-women-sexual-violence-war.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nytimes.com/2025/03/15/world/europe/ukraine-women-sexual-violence-war.html</a><a href="https://www.bbc.com/thai/international-59613434" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/thai/international-59613434</a>

จากสถานการณ์ที่จำนวนผู้ติดเชื้อ HIV ในประเทศมาเลเซียกำลังพุ่งสูงขึ้น แทนที่กระทรวงสาธารณสุขจะโฟกัสที่เรื่องการสนับสนุนให้คนมีเซ็กซ์ปลอดภัยหรือยกระดับ sex education แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขกลับเลือกโฟกัสที่แนวคิด YOLO และความสัมพันธ์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศ

รมต.มาเลเซีย กล่าวโทษแนวคิด YOLO และ “ความอยากลองกิจกรรมที่ผิดธรรมชาติ” ว่าเป็นสาเหตุให้กลุ่มชายรักชายในประเทศติด HIV มากขึ้น

คิมซูฮยอนมีส่วนสำคัญในความตายของเธอแน่ๆ เธอจึงเลือกจบชีวิตลงในวันเกิดของเขา แต่อีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันและจำเป็นต้องให้น้ำหนักด้วยก็คือ ‘สังคมเกาหลีใต้’ 

คิมซูฮยอนเป็นคนเดียวที่ทำให้คิมแซรนตายจริงไหม? เมื่อสังคมเกาหลีใต้เองก็โหดร้ายสำหรับคนดังที่ทำผิดพลาด จนยากจะมีชีวิตอยู่

ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา โพสต์สเตตัสบนเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังถูกวิจารณ์ ‘การแต่งตัว’ ขณะที่เธอตั้งท้องลูกคนที่สอง ซึ่งเราต้องบอกเลยว่า นี่ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของ ‘Body Shaming’ ที่ผู้หญิงตั้งครรภ์เผชิญอยู่ไม่น้อย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS