แม้จะไม่ได้มีกฎข้อห้ามอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นที่บรรดานักแสดงตลกในจีนต่างรู้กันว่า ‘ไม่พูดดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อน’ ก็เห็นจะต้องยกให้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องทหาร กับเรื่องของ ‘ความเป็นชาย’ มาเป็นอันดับต้นๆ 

Yang Li กับเหล่านักเดี่ยวไมโครโฟนหญิงในจีนที่ยืนยันจะเล่นมุกท้าทาย ‘อีโก้อันเปราะบาง’ ของผู้ชาย แม้จะรู้ว่าสิ่งที่รออยู่คือการถูกเกลียดชัง

แม้จะไม่ได้มีกฎข้อห้ามอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนว่าประเด็นที่บรรดานักแสดงตลกในจีนต่างรู้กันว่า ‘ไม่พูดดีกว่า ถ้าไม่อยากเดือดร้อน’ ก็เห็นจะต้องยกให้เป็นเรื่องการเมือง เรื่องทหาร กับเรื่องของ ‘ความเป็นชาย’ มาเป็นอันดับต้นๆ&nbsp;แต่นี่แหละคือวัตถุดิบอันตรายชั้นดีของเหล่าเดี่ยวไมโครโฟนหญิง ณ เวลานี้ เมื่ออินฟลูเอนเซอร์และนักแสดงสายตลกหญิงในจีนใช้ความสามารถในการเดี่ยวไมโครโฟนของพวกเธอทวงถามถึงเรื่องต่างๆ ในบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องความเท่าเทียมทางเพศด้วยมุกตลกเสียดสีเเสบๆ คันๆ แต่ ‘จริง’ ซะจนอาจทำให้หลายคนรับไม่ได้ &nbsp;เพราะมันไปกระทบกับสิ่งที่พวกเธอเรียกว่า ‘อีโก้อันเปราะบาง’ ของพวกเขานั่นเองซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะการที่ผู้หญิงสักคนจะลุกขึ้นมาพูดถึงประเด็นสิทธิและความเท่าเทียมนั้นเป็นเรื่องเปราะบางอย่างมากในจีน ทว่าเวลานี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ Yang Li ที่กล้าท้าทายอำนาจที่มองไม่เห็นนั้น แต่ยังมีอินฟลูฯ สายตลก และเดี่ยวไมโครโฟนหญิงเกิดขึ้นจำนวนมากที่ออกมาพูดโจ๊กเกี่ยวกับความไม่ถูกต้อง จนถึงความไม่แฟร์ต่างๆ ที่พวกเธอได้รับ ไปจนถึงเรื่องค่านิยม ความเชื่อ และ Taboo ต่างๆ เช่น มุกที่ว่าทำไมผู้หญิงจีนยุคนี้ถึงไม่มีลูก ไม่มีแฟน และเลือกเป็นโสดดีกว่า ก็เพราะว่าผู้ชายไม่คิดจะทำความเข้าใจเรื่องเมนส์เอาซะเลย อะไรแบบนั้น&nbsp;เเน่นอนว่าพอมุกตลกของพวกเธอไปแตะ ‘ผู้ชาย’ ขึ้นมา ก็ย่อมต้องรอรับกระเเสตีกลับอย่างดุเดือด อย่างเช่นล่าสุดที่เเพลตฟอร์ม E-commerce เจ้าใหญ่ของจีน JD.com ตัดสินใจล้มเลิกการเป็นพาร์ทเนอร์กับ Yang Li &nbsp;นักเดี่ยวไมโครโฟนหญิงชาวจีนวัย 32 ที่ถือว่าเป็นอินฟลูฯ คนหนึ่งในวงการเดี่ยวไมค์ฯ ตลกที่ถูกผู้ใช้แพลตฟอร์มทางการเงินแห่งนี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย โจมตีเธอด้วยคำพูดเกลียดชัง พร้อมเรียกร้องให้ถอดเธอออกจากแคมเปญของแพลตฟอร์มดังกล่าว แต่นั่นก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกเรียกร้องให้ถอดออกจากแคมเปญ Yang Li ยังเคยถูกชาวเน็ตเเบนจากแคมเปญโฆษณาของบริษัทใหญ่อย่าง Intel และ Mercedes-Benz มาแล้วด้วยในปี 2021&nbsp;ไม่เพียงเเค่การแบน แต่ในโซเชียลมีเดีย Yang Li ยังถึงขั้นถูกข่มขู่เอาชีวิต และนั่นทำให้เสียงของผู้หญิงในจีนที่อยาก ‘พูด’ เรื่องบางเรื่องนั้นยิ่งเงียบหายเข้าไปอีก&nbsp;การถูกแบนและสาดด้วยความเกลียดชังของ Yang Li &nbsp;คือหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนว่าแนวคิดสตรีนิยม กับแนวคิดเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศนั้นยังคงเป็นเรื่องห่างไกลความเป็นจริงอีกมากสำหรับจีน เพราะต้องยอมรับว่าอิทธิพลของสังคมปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกมานานจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีความเข้มข้นสูง ทว่าหากมองในแง่ดี แนวคิดเรื่องสตรีนิยมและความเท่าเทียมทางเพศในเวลานี้ก็ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวางมากขึ้นในรอบทศวรรษที่ผ่านมา จากที่เมื่อก่อน การพูดเรื่องเหล่านี้ รวมถึงการตั้งคำถามถึงบทบาทความเป็นหญิงในจีนเป็นเรื่องที่ต้องแอบกระซิบกันในวงเล็กๆ กลายมาเป็นเรื่องที่หลายคนเริ่มตระหนักรู้ และเริ่มเกิดพื้นที่ให้เปิดบทสนทนาเหล่านี้มากขึ้นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในจีนเองยังมีความพยายามที่มองไม่เห็น ปิดปากใครก็ตามที่ลุกขึ้นมาพูดเรื่องเหล่านี้ พร้อมกับพยายามผลักให้ผู้หญิงกลับไปรับบทบาทในกรอบและขนบเดิมๆ ที่พวกเธอเคยเป็น นั่นคือการเงียบ ทำตามคำสั่ง และไม่เรียกร้องอะไร อย่างเช่นสื่อชาตินิยมบางสำนักที่ออกมาให้ความเห็นกับการถูกแบนของ Yang Li ประมาณว่า ยิ่งมีสัญลักษณ์ของความแตกแยกอย่างเธอน้อยเท่าไร ยิ่งเป็นเรื่องดีมากเท่านั้นอย่างไรก็ตาม มุกของ Yang Li ที่ล้อเลียนเรื่องมุมมองความสัมพันธ์และชีวิตการเดทที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จของเธอเองว่า ‘ทำไมผู้ชายธรรมดาดาษดื่น ถึงชอบทำตัวมั่นหน้าได้ขนาดนั้นนะ’ กลับกลายเป็นหมัดฮุกที่ทำให้ชื่อของเธอเป็นไวรัลเมื่อปี 2020 และเป็นไอดอลของผู้หญิงรุ่นใหม่อีกหลายคนไปโดยปริยาย&nbsp;แต่สำหรับผู้ชาย แน่นอนว่ามุกตลกเสียดสีจากปากนักเดี่ยวไมค์ฯ หญิงเหล่านี้ช่างร้ายกาจเหลือทน และนั่นทำให้คนส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ชายในจีนต่างเรียกพวกเธอว่าเป็น ‘ปรปักษ์ทางเพศ’ ที่สร้างความแตกแยกให้กับผู้ชายกับผู้หญิง ซึ่งคำว่าปรปักษ์ทางเพศนี้เองได้กลายมาเป็นคำ Hate Speech ยอดฮิตที่บรรดาชาวเน็ตจีนใช้ประณามผู้หญิง รวมถึงใครที่หยิบยกแนวคิดสตรีนิยมมาพูดถึง ไม่ว่าจะโดยการเล่นมุกเจ็บๆ คันๆ เสียดสีแบบ Yang Li &nbsp;หรือไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม ความเกลียดชังที่มีต่อ Yang Li และคนที่ออกมาพูดเรื่องเหล่านี้ลามไปถึงขั้นเคยมีคนร้องเรียนต่อรัฐบาลจีนเลยทีเดียวแต่นอกจาก Yang Li จะไม่ขอโทษกับมุกตลกของเธอแล้ว ในเวลานี้ยังมีผู้หญิงจีนเจนฯ ใหม่จำนวนไม่น้อยที่มองเธอว่าเป็นเหมือน ‘พี่สาวคนโต’ ต่างตบเท้ามาร่วมออดิชั่นในรายการทีวีตลกของจีนที่เคยเงียบหายไปอยู่ช่วงหนึ่งจากกระแสเกลียดชัง จนกระทั่งมันถูกนำกลับมาทำใหม่อีกครั้ง โดยมี Yang Li นั่งแท่นหัวหน้าฝ่ายเขียนบทรายการ ซึ่งตั้งแต่เปิดรับสมัคร ก็มีนักแสดงเดี่ยวไมค์ฯ หญิงสมัครเข้ามาแข่งขันกันอย่างล้นหลาม&nbsp;เพราะนอกจากพวกเธอจะฝันอยากแจ้งเกิดเป็นนักแสดงตลกหญิงที่มีชื่อเสียงอย่าง Yang Li แล้ว พวกเธอยังหวังว่ามันอาจจะเป็นพื้นที่แห่งเดียวที่อนุญาตให้ผู้หญิงมีอำนาจในการเปิดปากพูดสิ่งที่พูดไม่ได้ออกไปบ้าง ผ่านอำนาจไมโครโฟนในมือของพวกเธอเอง&nbsp;อ้างอิงhttps://www.nytimes.com/2024/10/31/world/asia/china-comedy-women-yang-li.html

อิทธิพลของคนดังในอุตสาหกรรมวงตรีไม่เพียงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของป๊อบคัลเจอร์ทุกวันนี้ แต่มันยังเป็นที่สนใจในแวดวงการศึกษาอย่างมากอีกด้วยในตลอดหลายปีผ่านมา ซึ่งล่าสุดมหาวิทยาลัยเยลก็ขอต้อนรับการเปิดเรียนภาคฤดูร้อนปีหน้าด้วยการเผยข้อมูลของคอร์สวิชาใหม่ที่เก๋มากถึงมากที่สุด ว่าด้วยการศึกษาตัวตนและผลงานของนักร้องสาวแห่งยุคอย่าง Beyoncé ล้วนๆ แบบจัดเต็มตลอดทั้งคอร์สกันไปเลย 

มหาวิทยาลัยเยล เตรียมเปิดสอนวิชา ‘บียอนเซ่ศึกษา’ ว่าด้วยผลกระทบทางการเมืองและวัฒนธรรม จากงานเพลงและการแสดงสดตลอดหลายปีของ Beyoncé

ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น อาเจะห์คือจังหวัดที่ยังมีการลงโทษคนด้วยการเฆี่ยนตี และมีกฎหมายบังคับให้ผู้หญิงต้องสวมใส่ฮิญาบ อีกทั้งผู้หญิงส่วนมากยังต้องอยู่แต่ในบ้านและมีโอกาสทางการศึกษาและอาชีพน้อยกว่าผู้ชายหลายเท่า ดังนั้น สำหรับพื้นที่อื่นๆ บนโลกนี้ การมีผู้หญิงเป็นเจ้าของร้านกาแฟคงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่สำหรับที่อาเจะห์ นี่เป็นเรื่องที่น่าพูดถึง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS