ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยายมูฟเมนต์นี้เริ่มต้นจากผู้ใช้ X ชื่อ @lalisasaura ที่โพสต์ข้อความว่า “สาวๆ เราควรต้องเริ่มคิดเรื่อง 4B เหมือนผู้หญิงในเกาหลีใต้กันแล้ว และทำให้อัตราการเกิดในอเมริกามันต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดไปเลย… เราไม่สามารถปล่อยให้ผู้ชายพวกนั้นหัวเราะเป็นคนสุดท้าย เราต้องสู้กลับค่ะ” ซึ่งโพสต์นี้ได้กลายเป็นไวรัล โดยมียอดวิวว่า 21 ล้านวิว และมีคนกดไลค์ถึง 471k นับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้นเนื้อหาเรื่อง 4B ยังเป็นกระแสอย่างมากทั้งในอินสตาแกรมและติ๊กต่อกและไม่ใช่เพียงแค่โพสต์ในโซเชียลมีเดีย แต่หลังจากมีผลการนับคะแนนที่แน่นอนแล้วว่าทรัมป์จะได้เป็นประธานาธิบดีอีกรอบ ยอดเสิร์ชเกี่ยวกับ 4B ก็สูงขึ้นกว่า 450% ซึ่งมาจากผู้ใช้ในอเมริกาเป็นส่วนใหญ่ จนกลายเป็นหัวข้อยอดนิยมในเสิร์ชเอนจิ้นส์ ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนได้ถึงความสนใจของผู้คนที่เทไปยังมูฟเมนต์ 4B&nbsp;ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงบางคนยังเลือกที่จะเลิกรากับแฟนหนุ่มที่โหวตให้ทรัมป์ด้วย เช่นผู้ใช้ X รายหนึ่งที่กล่าวว่า “ฉันขอทำหน้าที่ผู้หญิงอเมริกันด้วยการเลิกกับแฟนสาวกรีพับลีกันเมื่อคืน และจะเริ่มเข้าสู่วิถี 4B ตั้งแต่เช้านี้เลย” อะไรมันจะขนาดนั้น?หลายคนอาจไม่เข้าใจว่าการที่ทรัมป์จะเข้ามาเป็นประธานาธิบดี ซึ่งอาจแก้ปัญหาหลายจุดของอเมริกาได้โดยเฉพาะเรื่องนโยบายต่างประเทศและผู้อพยพ ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องสั่นคลอนจิตใจผู้หญิงบางส่วนได้ขนาดนั้น คำตอบก็คือแนวทางนโยบายของทรัมป์นั้นชัดเจนว่าไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือกระทั่งอยู่คนละฝั่งกับสิทธิสตรี โดยเฉพาะสิทธิเรื่องอนามัยเจริญพันธุ์อย่างเช่นเรื่องกฎหมายทำแท้ง โดยทรัมป์เป็นคนผลักดันให้คนฝ่ายเขาเข้าไปนั่งในศาลสูงจนสามารถโหวตคว่ำกฎหมายอนุญาตทำแท้งอย่าง Roe v. Wade ได้สำเร็จ และเขาเองก็เคยประกาศไว้ชัดเจนว่าจะทำให้ผู้หญิง “ไม่อยากทำแท้ง” ทั้งที่จริงแล้วสิทธิในการทำแท้งควรเป็นของเจ้าของร่างกาย ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลจะมาใช้อำนาจกะเกณฑ์ชัยชนะของทรัมป์ยังเป็นการยืนยันถึงความเฟื่องฟูของแนวคิดอนุรักษ์นิยมในยุคสมัยนี้ ตัวของทรัมป์และแฟนคลับของเขาเองก็ค่อนข้างชัดเจนเรื่องแนวคิดปิตาธิปไตย จึงไม่แปลกที่ใครหลายคนโดยเฉพาะผู้หญิงในอเมริกาจะรู้สึกเหนื่อยหน่าย สิ้นหวัง และเริ่มอยากลองวิถี 4B เพื่อที่จะตัดปัญหาตั้งแต่ต้น การไม่ต้องมีสิ่งเหล่านี้ ก็อาจจะดีกว่ามีแล้วเสี่ยงจะเจออีกหลายปัญหาตามมา ภายใต้รัฐที่ไม่สนับสนุนสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของพวกเธอ อ้างอิง<a href="https://edition.cnn.com/2024/11/09/us/4b-movement-trump-south-korea-wellness-cec/index.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2024/11/09/us/4b-movement-trump-south-korea-wellness-cec/index.html </a><a href="https://www.euronews.com/2024/11/08/why-are-us-women-backing-the-4b-movement-to-swear-off-men-after-trumps-election-victory" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.euronews.com/2024/11/08/why-are-us-women-backing-the-4b-movement-to-swear-off-men-after-trumps-election-victory </a>

ดูเหมือนว่าข้อมูลส่วนตัวของเยาวชนและการปกป้องเยาวชน จะกลายมาเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่แต่ละประเทศกำลังพิจารณาออกกฎหมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างล่าสุดนี้ ออสเตรเลีย ก็ได้ผ่านกฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเล่นโซเชียลมีเดียซึ่งไม่ใช่แค่ TikTok เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง Facebook, Snapchat, Reddit, X และ Instagram อีกด้วย

คำถามสำคัญของหลายชาติในวันนี้
อายุกี่ปี ถึงควรจะเล่นโซเชียลมีเดียได้?
หลังออสเตรเลียผ่านกฏหมายห้ามเด็ก
ต่ำกว่า 16 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย

ารใช้คำ และการพลิกแพลงความหมายของกระบวนการต่างๆ ทั้งตัวบุคคลมีชื่อเสียงเอง และในแวดวงความงาม อย่างการศัลยกรรมตกแต่ง รวมถึงการทำหัตถการ ชี้นำให้คนเข้าใจไปว่าทุกอย่างก็เป็น ‘สกินแคร์’ เหมือนๆ กันหมด หรือเป็นส่วนหนึ่งของการ ‘ดูแลตัวเอง’ เป็นเรื่องอันตรายกว่าที่คิด จากการที่มันสามารถสร้างค่านิยมเรื่องมาตรฐานความงามที่ผิด และสร้างการรับรู้ที่บิดเบี้ยวออกไปได้ 

ความอันตรายของการใช้ ‘คำคลุมเครือ’ 
ในวงการความงาม ที่อาจสร้างค่านิยมความงามที่บิดเบี้ยว

นับเป็นสกู๊ปข่าวที่น่าสะท้อนใจเกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามและความรุนแรงทางการเมือง ที่พรากเอาโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขไปจากประชาชน และผู้หญิงก็เป็นอีกกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS