นอกจากชัยชนะของทรัมป์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เกิดปรากฏการณ์ ‘ครั้งแรก’ ในประวัติศาสตร์มากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือ Sarah McBride สส. ทรานส์เจนเดอร์คนแรกในประวัติศาสตร์ของสภาคองเกรส จากพรรคเดโมแครต ที่สามารถเอาชนะ John Whalen III อดีตนายตำรวจประจำรัฐเดลาแวร์มาได้

Sarah McBride 
‘สส. ทรานส์เจนเดอร์’ คนแรกในสภาคองเกรส ผู้ผลักดันทั้งประเด็น LGBTQ และบริการสุขภาพ จนได้ใจประชาชนคนทำงานและชนะการเลือกตั้ง!

นอกจากชัยชนะของทรัมป์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง การเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ เกิดปรากฏการณ์ ‘ครั้งแรก’ ในประวัติศาสตร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Angela Alsobrooks สว.หญิงผิวดำคนแรกจากรัฐแมรี่แลนด์ Lisa Blunt Rochester สว. หญิงผิวดำคนแรกจากรัฐเดลาแวร์ Andy Kim สว. เกาหลี-อเมริกันคนแรกในสภาฯ และอีกคนที่เราขอหยิบมาพูดถึงในโอกาสนี้ ก็คือ Sarah McBride สส. ทรานส์เจนเดอร์คนแรกในประวัติศาสตร์ของสภาคองเกรส จากพรรคเดโมแครต ที่สามารถเอาชนะ John Whalen III อดีตนายตำรวจประจำรัฐเดลาแวร์มาได้&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/uVyIdlgbNY0Ms1a2hc8XfQr9TSwWxbA3xklsjUS54TuQZuce9vA1.jpeg" data-id="101899" data-url="https://media.thairath.co.th/image/uVyIdlgbNY0Ms1a2hc8XfQr9TSwWxbA3xklsjUS54TuQZuce9vA1.jpeg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ว่าแต่เธอเป็นใครกัน? Sarah McBride อายุ 34 ปี เป็นคนเดลาแวร์มาแต่กำเนิด เกิดที่เมืองวิลมิงตัน โดยพ่อเป็นทนายและแม่เป็นที่ปรึกษาและเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Cab Calloway School of the Arts และแน่นอนว่าเธอก็เรียนจบมาจากโรงเรียน Cab Calloway ของแม่ หลังจากนั้นในปี 2009 เธอก็ไปเรียนต่อที่ American University และที่นี่แหละที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในระดับประเทศ เพราะเธอลงสมัครเป็นประธานมหาวิทยาลัย มากไปกว่านั้นเธอยังประกาศตัวเองอย่างชัดเจนผ่านหนังสือพิมพ์นักศึกษามหาวิทยาลัยว่าเป็นทรานส์เจนเดอร์ และโพสต์ในเฟซบุ๊กจนกลายเป็นไวรัล และกลายเป็นข่าวระดับชาติในเวลานั้น เรื่องของเธอเป็นข่าวทั้งใน NPR, The Huffington Post, The Guardian และมูลนิธิ Born This Way Foundation ของเลดี้ กาก้า และเป็นจุดที่ทำให้เธอเริ่มหันมาสนใจงานการเมืองระดับชาติ ซึ่งเธอบอกว่าอันที่จริง เธอสนใจการเมืองมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว งานการเมืองแรกของเธอคือการร่วมก่อตั้ง Delaware's Young Democrats Movement เพื่อช่วยหาเสียงสนับสนุนผู้ลงสมัครจากพรรคเดโมแครตในเดลาแวร์ ทั้ง Beau Biden, Matthew Denn และ Jack Markell ซึ่งจากจุดนั้นเองที่เธอทำงานให้กับ Beau Biden ทำให้เธอก้าวขึ้นมาทำงานให้กับ Joe Biden ในเรื่องนโยบายต่อ LGBTQ+ ในช่วงที่ไบเดนเป็นประธานาธิบดีในปี 2013 เธอเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารของ Equality Delaware และมีส่วนผลักดันการคุ้มครองทางกฎหมายและการออกกฎหมายอาชญากรรมจากความเกลียดชังต่อบุคคลข้ามเพศในเดลาแวร์ รวมไปถึงการผลักดันกฎหมายปกป้องชาวเดลาแวร์จากการถูกเลือกปฏิบัติบนพื้นฐานของอัตลักษณ์ทางเพศ ตัวตน และการแสดงออก ในการจ้างงาน ที่อยู่อาศัย การทำประกันภัย และที่พักอาศัยสาธารณะ หลังจากนั้นเธอก็ทำงานรณรงค์ในประเด็น LGBTQ+ มาอย่างต่อเนื่อง ได้ฝึกงานในทำเนียบขาวในปี 2012 ในขณะที่บารัก โอบามา เป็นประธานาธิบดี และเป็นบุคคลข้ามเพศที่เปิดเผยตัวคนแรกที่ได้ขึ้นกล่าวในการประชุมแห่งชาติของพรรคเดโมแครต ในปี 2016 อีกด้วย&nbsp;อะไรที่ทำให้เธอชนะการเลือกตั้งครั้งนี้?&nbsp; ในปี 2019 Sarah McBride ลงสมัคร สว.ระดับรัฐของเดลาแวร์ และได้รับการเลือกตั้ง กลายเป็น สว.ระดับรัฐ ที่เป็นทรานส์เจนเดอร์คนแรก ก่อนที่ในปีนี้เธอจะลงสมัคร สส. ในนามพรรคเดโมแครต แทนที่ Lisa Blunt Rochester ที่ไปลงสมัครในตำแหน่ง สว. และกลายเป็นสว. หญิงผิวดำคนแรกของเดลาแวร์เช่นกัน โดยการทำงานในฐานะ สว.ระดับรัฐ ของ Sarah McBride ก่อนหน้านี้ ไม่เพียงการขับเคลื่อนในส่วนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ เท่านั้น แต่เธอยังประสบความสำเร็จในการผลักดันกฏหมาย Healthy Delaware Families Act ได้สำเร็จ ซึ่งกฎหมายตัวนี้อนุญาตให้คนทำงานสามารถพักร้อนหรือลารักษาพยาบาลได้ 12 สัปดาห์โดยยังได้รับค่าจ้างมากถึง 80% ของค่าจ้างปัจจุบันหรือสูงสุด 900 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ นอกจากการทำงานมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนจนเป็นที่รู้จักทั้งในระดับรัฐและในระดับประเทศแล้ว คะแนนเสียงที่เธอได้รับ ยังไม่ได้มาจากแค่กลุ่มผู้ที่สนับสนุนในประเด็นเรื่องสิทธิของ LGBTQ+ เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงกลุ่มสหภาพแรงงาน และกลุ่มแรงงานต่างๆ ที่ทำงานใกล้ชิดกันที่ช่วงการผลักดันกฎหมาย Healthy Delaware Families Act ซึ่งเป็นฐานเสียงที่ใหญ่และมีพลัง จนส่งผลให้เธอได้รับเลือกตั้งเป็น สส. ในครั้งนี้Sarah McBride บอกว่า เมื่อเธอเข้าไปทำงานในสภาคองเกรสแล้ว ประเด็นที่เธอจะผลักดันนอกจากประเด็นเรื่องสิทธิของ LGBTQ+ ที่เธอทำมาโดยตลอด ยังมีทั้งการขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีราคาเหมาะสม การปกป้องสิทธิในการเจริญพันธุ์ และเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ โดยการผลักดันกฎหมายต่างๆ เนื่องจากที่ผ่านมาในปี 2023 ใน 37 รัฐของสหรัฐฯ มีการเสนอกฎหมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของทรานส์เจนเดอร์และผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศกว่า 142 ร่าง ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3 เท่า อันเป็นผลมาจากการที่ฝ่ายรีพับลิกันพยายามที่จะออกร่างกฎหมายต่อต้านการข้ามเพศในระดับชาติมานานหลายปี “ฉันไม่ได้ลงสมัครเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ ฉันลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับรัฐของฉันและประเทศนี้” &nbsp;Sarah McBride กล่าว หลังชนะการเลือกตั้ง&nbsp; อ้างอิง<a href="https://edition.cnn.com/2024/11/05/politics/sarah-mcbride-delaware-transgender-congress/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2024/11/05/politics/sarah-mcbride-delaware-transgender-congress/</a><a href="https://www.nbcnews.com/nbc-out/out-politics-and-policy/sarah-mcbride-first-transgender-congress-delaware-rcna177878" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nbcnews.com/nbc-out/out-politics-and-policy/sarah-mcbride-first-transgender-congress-delaware-rcna177878</a><a href="https://www.atlantanewsfirst.com/2024/11/06/democrat-sarah-mcbride-delaware-become-first-openly-transgender-person-serve-congress/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.atlantanewsfirst.com/2024/11/06/democrat-sarah-mcbride-delaware-become-first-openly-transgender-person-serve-congress/&nbsp;</a><a href="https://www.reuters.com/world/us/democrat-sarah-mcbride-becomes-first-openly-transgender-member-us-congress-2024-11-06/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.reuters.com/world/us/democrat-sarah-mcbride-becomes-first-openly-transgender-member-us-congress-2024-11-06/&nbsp;</a>

‘Pink Wheels’ คือกลุ่มตำรวจหญิงชาวปากีสถาน ที่สวมฮิญาบ ขี่สกู๊ตเตอร์สีชมพูจำนวน 10 คัน เข้าไปในเมืองเพื่อรับเรื่องร้องเรียน และช่วยเหลือผู้หญิงที่เผชิญความรุนแรง เนื่องจากเหยื่อหลายคนคิดว่าจะ “ไม่ได้รับความเป็นธรรม” จากตำรวจชายที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของพวกเธอ 

Pink Wheels กลุ่มตำรวจหญิงในปากีสถาน สวมฮิญาบมากับสกู๊ตเตอร์สีชมพู เพื่อช่วยเหลือผู้หญิงที่เผชิญความรุนแรงทางเพศ

ด้วยสังคมชายเป็นใหญ่ที่ชัดเจนและพลังแรงในเกาหลีใต้ ทำให้ผู้หญิงสาวหลายคนในประเทศพากันใช้ชีวิตตามวิถี 4 No หรือ 4B Movement ที่เป็นการหันหลังให้กับบทบาทของเพศหญิงตามแบบที่สังคมกำหนด ซึ่งก็ได้แก่ ‘biyeonae’ (ไม่ออกเดต) ‘bisekseu’ (ไม่มีเซ็กซ์) ‘bihon’ (ไม่แต่งงาน) และ ‘bichulsan’ (ไม่มีลูก) แต่ล่าสุดนี้ ดูเหมือนสาวอเมริกันก็เริ่มจะหันเข้าสู่วิถี 4B กันบ้างแล้ว หลังจากที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณของการก้าวถอยหลังเรื่องสิทธิสตรีไปโดยปริยาย


ผู้หญิงอเมริกันเริ่มคิดเรื่อง 4 No ตามแบบสาวเกาหลีใต้ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง  ไม่ออกเดต / ไม่มีเซ็กซ์ / ไม่แต่งงาน / ไม่มีลูก


นี่คือการถามจริง ตอบจริง แบบไม่เตี๊ยม ไม่มีบท ของ Dose of society แอคเคานต์ที่เราบังเอิญเจอในอินสตาแกรมที่ออกไปยื่นไมค์สัมภาษณ์ผู้คนตามท้องถนนทั่วทุกมุมโลก ด้วยไอเดียที่ว่า Real People, Real Stories คุยกับคนจริง กับเรื่องจริงๆ ของพวกเขา

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

RUNGRAWEE SIRITHAMPHAIBOON

RELATED

HOT TOPICS