แนวคิดปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้หลายๆ คนเริ่มตัดสินใจใช้ชีวิตแบบ 4 No นั่นคือ ไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน และไม่มีลูก ซึ่งหลายคนมองว่าสิ่งนี้ส่งผลโดยตรงต่ออัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดในโลกของเกาหลีใต้

ไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน ไม่มีลูก : วิถีชีวิตแบบ 4 No ของผู้หญิงเกาหลีใต้ ท่ามกลางผู้ชายที่เกลียดเฟมินิสต์

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องความเกลียดชังผู้หญิง และกระแสการต่อต้านเฟมินิสม์ของผู้ชายเกาหลีใต้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง จากกรณีของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ให้สัมภาษณ์กับแอ็กเคานต์ติ๊กต่อกที่จะสอบถามความคิดเห็นของหนุ่มสาวตามท้องถนน โดยคำตอบของเขากลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อเขาบอกว่า ‘เฟมินิสต์’ คือ ‘พวกโรคจิต’ ส่วน ‘คนที่เกลียดผู้หญิง’ คือ ‘คนจริง’ และ ‘ผู้หญิง’ คือ ‘วัตถุที่ควรได้รับความคุ้มครอง’&nbsp;แน่นอนว่าคำตอบของเขาทำให้หลายคนเดือดดาล หรือกระทั่งไม่อยากจะเชื่อ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือทัศนคติที่ฝังอยู่ในหัวของชายชาวเกาหลีใต้จำนวนมาก แม้กระทั่งในหมู่คนรุ่นใหม่ ที่มองว่าการเรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศกำลังบั่นทอนสังคมอันดีงาม และปลอดภัยในสายตาของพวกเขา เรียกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งกรณีที่เห็นได้ชัด หลังจากที่เราได้เห็นเรื่องนี้กันมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งกรณีของผู้ชายที่ตีผู้หญิงในซุปเปอร์มาร์เก็ตเพียงเพราะเธอตัดผมสั้นจนเขามองว่าเธอเป็นเฟมินิสต์ หรือนักธนูหญิงทีมชาติที่ถูกต่อต้านเพราะเธอเป็นอีกคนที่ตัดผมสั้น หรืออย่างกรณีของไอรีน Red Velvet ที่อ่านหนังสือ ‘คิมจียอง เกิดปี 82’ จนแฟนคลับชายโกรธเกรี้ยวถึงขั้นเผารูปของเธอ ฯลฯ&nbsp;แนวคิดปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกนี่เอง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้หญิงเกาหลีใต้หลายๆ คนเริ่มตัดสินใจใช้ชีวิตแบบ 4 No (หรือ 4B ตามคำศัพท์ภาษาเกาหลี ได้แก่ Bihon, Bichulsan, Biyeonae, Bisekseu) นั่นคือ ไม่มีเซ็กซ์ ไม่มีแฟน ไม่แต่งงาน และไม่มีลูก นั่นเพราะแค่การต้องใช้ชีวิตตัวเองให้อยู่รอดในโลกทุนนิยมก็ยากพออยู่แล้ว การจะต้องสร้างความสัมพันธ์ตามขนบเพียงเพื่อจะพาตัวเองไปเจอผู้ชายที่อาจจะเป็นสาวกตัวยงของปิตาธิปไตย หรือไม่ก็ต้องปวารณาตนเป็นคุณแฟน คุณเมีย คุณแม่ ฯลฯ ตามบทบาททางเพศแสนเคร่งครัดของเกาหลีใต้นั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์สำหรับพวกเธอเลยวิถีแบบ 4B ถูกใช้ครั้งแรกในนิยายเรื่องดังอย่าง ‘คิมจียอง เกิดปี 82’ ที่เป็นนิยายเฟมินิสต์เรื่องแรกๆ ที่ประสบความสำเร็จในกระแสหลักจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันก็ถูกต่อต้านจากสาวกปิตาธิปไตยยกใหญ่ไม่แพ้กันอย่างกรณีของไอรีนที่เราเล่าไปข้างต้น จากนั้น 4B ได้กลายเป็นมูฟเมนต์ย่อมๆ ในโลกทวิตเตอร์ช่วงปี 2019 และ ณ ตอนนี้ 4B ก็กำลังเป็นประเด็นร้อนในติ๊กต่อก เพราะ Jeanie ผู้หญิงเกาหลีใต้ที่ใช้ชื่อแอ็กเคานต์ว่า denimchromosome ได้พูดถึง 4B จนมียอดวิวสูงถึง 5.4 ล้านวิว ก่อนที่ติ๊กต่อกเกอร์ชาวตะวันตกจะได้หยิบเรื่องนี้ไปพูดถึงอีกต่อ จนทำให้ชาวเกาหลีบางส่วนไม่พอใจ และออกมาบอกว่าผู้หญิงที่ใช้ชีวิตแบบ 4B นั้นเป็นเพียงคนส่วนน้อย การบอกว่านี่คือ เทรนด์ของผู้หญิงเกาหลีจึงไม่ต่างจากการเหมารวมเลยอย่างไรก็ตาม แม้คนส่วนหนึ่งจะมองว่านี่เป็นเพียงการตีฟูของผู้หญิงเกาหลีใต้ไม่กี่คน แต่ขณะเดียวกันก็มีคนเกาหลีใต้อีกจำนวนหนึ่งที่กล่าวโทษว่า 4B เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเกิดของเด็กในเกาหลีใต้นั้นต่ำลงจนหล่นไปอยู่อันดับสุดท้ายของโลก ซึ่งนั่นหมายความว่านี่แทบจะกลายเป็น motto หลักในชีวิตของผู้หญิงเกาหลีใต้รุ่นใหม่ไปแล้วหรือเปล่า?จากข้อมูลของหน่วยงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ระบุว่าอัตราการเกิดในเกาหลีใต้นั้นต่ำลงติดต่อกันมา 8 ปี จนล่าสุดในปี 2023 เกาหลีใต้ก็ได้กลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลก นั่นคือผู้หญิงหนึ่งคนมีอัตราการคลอดบุตรอยู่ที่ 0.72 เท่านั้น (อีกสองประเทศที่ดิ่งลงมาด้วยกันติดๆ ก็คือเกาหลีเหนือ และอินเดีย) และนี่ได้กลายเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ รัฐบาลพยายามหามาตรการที่จะสนับสนุนให้ผู้หญิงหันมามีลูกกันมากขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นหากอัตราการเกิดยังดิ่งลงอย่างนี้ ประชากรชาวเกาหลีใต้จะลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากปัจจุบันเมื่อถึงปี 2100&nbsp;และหากใครจะกล่าวโทษผู้หญิงหรือกล่าวโทษวิถีแบบ 4B ว่าเป็นเหตุให้อัตราการเกิดต่ำและอาจส่งผลต่อความแข็งแรงของเศรษฐกิจของประเทศในภายภาคหน้า ในเวลาเดียวกันเราก็น่าจะต้องพิจารณาถึงต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ผู้หญิงปฏิเสธ 4 สิ่งสำคัญที่สังคมพยายามกำหนดให้พวกเธอต้องมี และเมื่อย้อนไปดูทัศนคติของหนุ่มหล่อในติ๊กต่อกคนนั้นกับอีกหลายๆ กรณี บวกกับตัวเลขที่ชัดเจนเรื่องความแตกต่างทางรายได้ระหว่างเพศชายและเพศหญิงในเกาหลีใต้ ก็คงไม่น่าแปลกใจนักที่อีกหลายๆ คนจะมองว่า 4B ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในชีวิตของผู้หญิงที่พวกเธอมีสิทธิเลือก เพียงแต่พวกเธอจำนวนมากกำลังเห็นพ้องต้องกันอย่างมีนัยสำคัญก็เท่านั้นเองอ้างอิง<a href="https://www.bbc.com/news/world-asia-68402139" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/news/world-asia-68402139</a>&nbsp;<a href="https://cnalifestyle.channelnewsasia.com/women/4b-movement-south-korea-viral-tiktok-388051" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://cnalifestyle.channelnewsasia.com/women/4b-movement-south-korea-viral-tiktok-388051</a> &nbsp;

ฮันเตอร์ เชเฟอร์ (Hunter Schafer) นักแสดงดาวรุ่งแห่งฮอลลีวูด เพิ่งเปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ ว่าเธอได้ปฏิเสธที่จะรับเล่นบทคนข้ามเพศไปเป็นจำนวนมาก เพราะเธอไม่อยากติดอยู่กับคำนำหน้าว่าเป็น ‘นักแสดงทรานส์’ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

Hunter Schafer ปฏิเสธบททรานส์จำนวนมาก เพราะเธอแค่อยากอยู่ในฐานะผู้หญิง และใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการ

กำลังเป็นที่ฮือฮาในประเทศจีนอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อภาพการออกแบบสถานีรถไฟหนานจิงเหนือ (North Nanjing) ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ในรูปแบบม็อกอัป ถูกเผยแพร่ออกมาให้ชมกัน ที่ทำเอาคนจีนพูดเป็นเสียงเดียวกันบน Weibo ว่า นี่มัน ‘ผ้าอนามัยยักษ์’ ชัดๆ!

สถานีรถไฟหนานจิงถูกวิจารณ์บนโซเชียลฯ ว่าดีไซน์เหมือนผ้าอนามัยยักษ์ และน่าอับอาย ขณะที่คนบางส่วนออกมาแสดงจุดยืนว่า น่าอายตรงไหน เมนส์คือเรื่องปกติ

For the Love of Men: From Toxic to a More Mindful Masculinity (2019) คือหนังสือของ ลิซ แพลงค์ (Liz Plank) ที่ได้รับความชื่นชมอย่างหนาหู ว่าเป็นหนังสือที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจและพูดถึงความเป็นชายอันแสนเป็นพิษโดยปราศจากท่าทีเหมารวม

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS