ปี 2024 จะมีนักบินอวกาศหญิง ‘คนแรก’ ได้แก่ Christina Koch และนักบินอวกาศผิวสี 'คนแรก' ได้แก่ Victor Glover ที่ได้พุ่งทะยานสำรวจดวงจันทร์ ในภารกิจ Artemis II

Artemis โปรเจกต์จาก NASA ที่ตั้งชื่อตามเทพีแห่งดวงจันทร์ผู้เป็นฝาแฝด Apollo กับการส่งนักบินอวกาศหญิง และนักบินอวกาศผิวสีคนแรก ไปสำรวจดวงจันทร์ เพื่อผลักดันความเท่าเทียม

ที่ผ่านมาไม่มี&nbsp;‘นักบินอวกาศหญิง’&nbsp;คนไหนได้บินออกนอกอวกาศเพื่อสำรวจดวงจันทร์เลยแม้แต่คนเดียว ขณะที่มีนักบินอวกาศชาย 12 คนได้เหยียบดวงจันทร์ไปแล้วก่อนหน้า ดังนั้น เราอาจพูดได้ว่าปี 2024 จะเป็นจุดสตาร์ตแรก และก้าวสำคัญ ที่เราจะได้เห็นองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ หรือ NASA&nbsp;ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศในวงการนักบินอวกาศ เพราะปีนี้ เรากำลังจะมีนักบินอวกาศหญิง ‘คนแรก’ ได้แก่ คริสตินา คอช (Christina Koch) วัย 44 ปี ที่พาความฝันและความสามารถของเธอพุ่งทะยานสู่ดวงจันทร์ ในภารกิจสำรวจดวงจันทร์ Artemis II ด้วยยานอวกาศ Orion และจรวด SLS ซึ่งปูทางไปยังภารกิจ Artemis III ในปี 2025 ที่เธอคนนี้จะเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ลงจอดบนดวงจันทร์ และได้เหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์<img src="https://media.thairath.co.th/image/s312iL9q3IrgrrfamAZNLAVumJiDkpLnFu6o2frnb7Ie9vA1.jpeg" data-id="101375" data-url="https://media.thairath.co.th/image/s312iL9q3IrgrrfamAZNLAVumJiDkpLnFu6o2frnb7Ie9vA1.jpeg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">มนุษย์ไม่ได้เหยียบดวงจันทร์มาแล้วกว่า 50 ปี นับตั้งแต่โครงการอะพอลโล (Apollo) ที่พานักบินอวกาศไปสำรวจดวงจันทร์เป็นครั้งแรกได้สิ้นสุดลง และหาก Apollo เป็นชื่อที่มาจากเทพเจ้าชายแห่งดวงอาทิตย์ในตำนานที่หลายคนรู้จัก ภารกิจ ‘Artemis’ จาก NASA ครั้งนี้ ก็มาจากชื่อฝาแฝดฝั่งหญิงของ Apollo ที่เป็นเทพีแห่งดวงจันทร์อย่าง Artemis ซึ่ง NASA ตั้งใจสื่อสารให้ผู้หญิงเป็นตัวแทน และเป็นส่วนสำคัญในการพามนุษย์กลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้ง แม้ว่าลูกเรือคนอื่นๆ จะมีผู้ชายประกอบอยู่ด้วย แต่ก็นับเป็นการขับเคลื่อนครั้งใหญ่ขององค์กรที่ไม่เคยมีผู้หญิงได้มีส่วนร่วมในภารกิจมาก่อนเลย นอกจากโครงการนี้จะพานักบินอวกาศหญิงคนแรกไปเหยียบดวงจันทร์แล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายให้ผู้หญิงมีส่วนร่วมมากขึ้นในบทบาทต่างๆ เช่น ภารกิจนี้มีการใช้วิศวกรหญิง 30% ออกแบบและก่อสร้างส่วนสำคัญต่างๆ ในภารกิจ และยังมีการสร้างแบบจำลองทดสอบผลกระทบของรังสีที่มีผลต่อร่างกายของผู้หญิง เพื่อยกระดับความปลอดภัยให้กับนักบินอวกาศหญิงในอนาคตภารกิจ Artemis จะแบ่งเป็น 3 เฟด โดย Artemis I คือการนำยานอวกาศ Orion เดินทางรอบดวงจันทร์แบบไร้คนขับ ซึ่งประสบความสำเร็จและเดินทางกลับสู่โลกอย่างปลอดภัยในปี 2022 ส่วน Artemis II ก็จะเป็นการต่อยอดจากภารกิจแรก แต่มีการนำนักบินอวกาศ 4 คน ขึ้นไปร่วมสำรวจด้วยเป็นเวลา 10 วัน และ Artemis III นักบินอวกาศก็จะลงจอด และเดินสำรวจดวงจันทร์ โดยเป้าหมายของภารกิจนี้ก็คือ สำรวจเพื่อการค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และเรียนรู้การใช้ชีวิตและทำงานในดาวดวงอื่นนอกเหนือจากโลกของเรา ซึ่งจะมีการปูทางเพื่อเตรียมภารกิจที่จะส่งนักบินอวกาศกลุ่มแรกไปยังดาวอังคารในอนาคตอีกด้วย และก็ไม่แน่ว่า จากการที่ครั้งนี้ NASA ได้เพิ่มพื้นที่ของผู้หญิงในการไปสำรวจดวงจันทร์ ในครั้งที่ไปดาวอังคาร ก็อาจจะมีผู้หญิงร่วมด้วยก็เป็นได้ ซึ่งคงต้องรอติดตามกันต่อไปนอกจากการเพิ่มจำนวนผู้หญิงในภารกิจสำรวจห้วงอวกาศ การสำรวจดวงจันทร์ครั้งนี้ยังมีนักบินอวกาศผิวสีคนแรกที่จะได้เหยียบดวงจันทร์ ได้แก่ วิกเตอร์ โกลเวอร์ (Victor Glover) ซึ่งเป็นตัวแทนของความหลากหลายทางเชื้อชาติที่ก่อนหน้านี้ NASA เองก็มีสถิติเรื่องความหลากหลายค่อนข้างน้อย เนื่องจากที่ผ่านมามีคนในองค์กรที่เป็นคนผิวสีเพียง 11.83% คนลาตินเพียง 5.79% และคนเอเชียเพียง 6.25% ขณะที่ 74.60% เป็นคนผิวขาว&nbsp;ดังนั้นเทพีกรีกโบราณนามว่า Artemis จึงไม่ได้เป็นเพียงตัวแทนของเพื่อนหญิงพลังหญิงในภารกิจสำรวจดวงจันทร์ครั้งนี้ ที่ทำให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถจะทำอะไรก็ได้ ขอแค่พวกเธอได้มีพื้นที่ในการปล่อยของ แต่ยังเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้คนทุกคนควรจะมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้ว่าตัวเลขสัดส่วนของความเท่าเทียมในองค์กรจะยังไม่ได้เท่าเทียมกันขนาดนั้น ผู้หญิงยังมีจำนวนน้อยกว่าผู้ชาย โดยอยู่ที่ 35.52% คนเชื้อชาติอื่นๆ นอกจากคนผิวขาวก็ยังมีจำนวนน้อยอยู่ แต่เราก็หวังว่าความพยายามในครั้งนี้ของ NASA จะช่วยเปลี่ยนแปลงความเท่าเทียมในองค์กรให้ดีมากยิ่งขึ้นในอนาคตกลับมาที่เรื่องราวของ คริสตินา คอช กันอีกสักหน่อย เธอถือเป็นแรงกระเพื่อมให้เหล่าเด็กสาว และผู้หญิง เห็นถึงความเป็นไปได้ครั้งแรก ในการที่จะทำตามฝันเพื่อเหยียบดวงจันทร์เข้าสักวัน จากที่ผ่านมาผู้หญิงหลายคนยังไม่เคยเห็นภาพของผู้หญิงด้วยกันมีส่วนสำคัญในภารกิจระดับโลกเช่นนี้มาก่อน และเธอยังเป็นตัวอย่างของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ยังอยากทำตามความฝันของเธอ และมุ่งมั่นทำมันให้สำเร็จด้วยเช่นกันเธอเป็นผู้หญิงที่ได้รับเลือกให้เป็นนักบินอวกาศ NASA ในปี 2013 เธอดำรงตำแหน่งวิศวกรการบินบนสถานีอวกาศนานาชาติ สำหรับภารกิจ Expedition 59, 60 และ 61 เธอได้สร้างสถิติการบินอวกาศเดี่ยวที่ยาวนานที่สุดโดยผู้หญิง ซึ่งใช้เวลาถึง 328 วัน 13 ชั่วโมง 58 นาที โคจรรอบโลกทุกๆ 90 นาที และเดินทางด้วยความเร็ว 28,800 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมยังได้เข้าร่วมในการสำรวจอวกาศของทีมนักบินอวกาศหญิงล้วนเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเธอถือเป็นผู้หญิงคนแรกของหลายๆ อีเวนต์ในวงการนักบินอวกาศเลยทีเดียว&nbsp;“ในฐานะวิศวกรไฟฟ้าและอยู่ในแวดวงฟิสิกส์ยุค 90s ฉันมักจะพบว่าตัวเองเป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนในคลาสเรียน และเมื่อฉันเป็นผู้สอนในคลาสเรียนเอง ฉันก็ดันกลายเป็นสปีชีส์หายากมากขึ้นไปอีกค่ะ แม้แต่ในงานแรกๆ ในสายอาชีพ ฉันเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในการประชุมเชิงเทคนิค แต่นั่นก็ทำให้ฉันเป็นคนแข็งแกร่งขึ้น” คริสตินา คอช ให้สัมภาษณ์กับ BAZAAR.com แต่เธอก็บอกว่าตอนนี้ก็มีผู้หญิงเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนและเมื่อถูกถามถึงความรู้สึกในฐานะผู้หญิงคนแรกในภารกิจเยือนดวงจันทร์ คริสตินา คอช กล่าวว่า “ตอนนี้แก่นหลักของนักบินอวกาศดูเหมือนจะเป็นตัวแทนมนุษย์ทุกคน มันค่อนข้างจะชัดเจนมากว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นลูกเรือแบบไหน คุณก็ถูกเลือกมาทำภารกิจนี้ได้”&nbsp;“ฉันคิดว่าสารที่ฉันอยากส่งต่อให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ก็เหมือนกับสิ่งที่ฉันส่งต่อถึงใครก็ตามที่กำลังไล่ตามความฝันอยู่ ทำตามแพสชันของคุณเลยค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อไหร่ที่คุณมองชีวิตของคุณและเส้นทางชีวิตอยู่ ถ้ามีทางแยกใหญ่ๆ เหล่านั้นให้เลือก คุณจะเลือกเส้นทางที่ให้ความรู้สึกถึงสิ่งที่คุณรักอย่างแท้จริง”แน่นอนว่าแม้ คริสตินา คอช จะเป็นผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ที่กำลังจะได้เหยียบดวงจันทร์ แต่เธอจะต้องไม่ใช่ผู้หญิงคนเดียวที่ได้เหยียบดวงจันทร์ ในอนาคตเราหวังว่าจะได้เห็นนักบินอวกาศหญิงคนอื่นๆ ได้ออกไปสำรวจดวงดาวต่างๆ และสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเธอเองขึ้นมาอีกมากมาย แต่ในปี 2024 พวกเราก็ร่วมส่งกำลังใจให้เธอทำภารกิจ Artemis II ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีกันเถอะ และเมื่อภารกิจ Artemis III มาถึง เราจะได้เห็นภาพของเธอที่สวมใส่ชุดนักบินอวกาศที่ตัดเย็บโดยแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง PRADA ที่ร่วมมือกับ Axiom Space ซึ่งเป็นสถาปนิกของสถานีอวกาศเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกด้วย! เพราะโปรเจกต์ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงและเทคนิคการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญอย่าง PRADA เพื่อช่วยให้นักบินอวกาศสำรวจดวงจันทร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นับว่าเป็นโปรเจกต์ที่น่าติดตามมากจริงๆ&nbsp;อ้างอิง:<a href="https://www.nasa.gov/general/what-is-artemis/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nasa.gov/general/what-is-artemis/</a>&nbsp;<a href="https://www.nasa.gov/feature/artemis/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nasa.gov/feature/artemis/&nbsp;</a><a href="https://www.nasa.gov/people/christina-koch/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.nasa.gov/people/christina-koch/</a><a href="https://www.independent.co.uk/space/nasa-launch-artemis-name-meaning-b2156418.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.independent.co.uk/space/nasa-launch-artemis-name-meaning-b2156418.html</a><a href="https://www.atalayar.com/en/articulo/new-technologies-innovation/first-woman-reach-moon-without-stepping-it/20230410123057182476.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.atalayar.com/en/articulo/new-technologies-innovation/first-woman-reach-moon-without-stepping-it/20230410123057182476.html</a>&nbsp;<a href="https://www.harpersbazaar.com/culture/politics/a43507774/nasa-astronaut-christina-koch-first-woman-moon-mission-interview/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.harpersbazaar.com/culture/politics/a43507774/nasa-astronaut-christina-koch-first-woman-moon-mission-interview/</a>&nbsp;<a href="https://www.designboom.com/design/prada-nasa-lunar-spacesuits-artemis-iii-first-crewed-moon-landing-mission-axiom-space-10-05-2023/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.designboom.com/design/prada-nasa-lunar-spacesuits-artemis-iii-first-crewed-moon-landing-mission-axiom-space-10-05-2023/</a>

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น ‘นิด้าโพล’ ในช่วงต้นปี 2567 พบว่า สายตาที่ประชาชนหลายคนมองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลับยังมีความ ‘ไม่ไว้ใจ’ ในการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่มาก

ผลสำรวจปี 67 พบว่า คนไทยหวาดกลัวต่ออาชญากรรมค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อมั่นใน ‘ตำรวจ’ ทั้งยังคาดหวังให้ตำรวจตรวจสอบได้ ทำงานเร็ว และไม่เลือกปฏิบัติ ฯลฯ

For the Love of Men: From Toxic to a More Mindful Masculinity (2019) คือหนังสือของ ลิซ แพลงค์ (Liz Plank) ที่ได้รับความชื่นชมอย่างหนาหู ว่าเป็นหนังสือที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจและพูดถึงความเป็นชายอันแสนเป็นพิษโดยปราศจากท่าทีเหมารวม

Liz Plank นักเขียนเฟมินิสต์ผู้ยืนยันว่า Toxic Masculinity ก็ทำร้ายผู้ชายเช่นกัน

กำลังเป็นที่ฮือฮาในประเทศจีนอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อภาพการออกแบบสถานีรถไฟหนานจิงเหนือ (North Nanjing) ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ในรูปแบบม็อกอัป ถูกเผยแพร่ออกมาให้ชมกัน ที่ทำเอาคนจีนพูดเป็นเสียงเดียวกันบน Weibo ว่า นี่มัน ‘ผ้าอนามัยยักษ์’ ชัดๆ!

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Movement

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS