หมู่บ้านอูโมจา (Umoja) ในเขตซัมบูรู ประเทศเคนย่า เปิดรับแค่ผู้หญิงให้เข้ามาอยู่อาศัย และห้ามผู้ชายเข้ามาอยู่โดยเด็ดขาด

Umoja หมู่บ้านหญิงล้วนในประเทศเคนย่า พื้นที่ลี้ภัยชายเป็นใหญ่ สำหรับผู้หญิงที่เคยถูกข่มขืน ถูกทำร้าย ถูกบังคับแต่งงานตั้งแต่เด็ก หรือถูกบังคับขลิบคลิตอริส ฯลฯ

‘หมู่บ้านหญิงล้วนที่ห้ามผู้ชายเข้า’ อาจเป็นคอนเซปต์ที่หลายคนเคยเห็นเฉพาะในซีรีส์ แต่บนโลกนี้ก็ยังมีหมู่บ้านแบบนี้อยู่จริงๆ หนึ่งในนั้นก็คือหมู่บ้านอูโมจา (Umoja) ในเขตซัมบูรู ประเทศเคนย่า ที่เปิดรับแค่ผู้หญิงให้เข้ามาอยู่อาศัย และห้ามผู้ชายเข้ามาอยู่โดยเด็ดขาด ยกเว้นเด็กชายที่เป็นลูกติดของผู้หญิงในหมู่บ้าน ซึ่งเด็กชายคนนั้นก็จะถูกสอนให้เคารพความเท่าเทียมและต้องยอมรับกฎของหมู่บ้าน โดยต้องไม่พยายามใช้อำนาจเหนือผู้หญิงที่นี่ และเมื่อพวกเขาอายุครบ 18 ปี ก็จำเป็นต้องย้ายออกไปอยู่ที่อื่นหมู่บ้านอูโมจาถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1990 โดยกลุ่มผู้หญิง 15 คนที่เคยถูกทหารชาวอังกฤษจากค่ายในพื้นที่ข่มขืน (ในปี 2003 แอมเนสตี้อินเตอร์แนชันนัลได้ร้องเรียนไปยังกองทัพอังกฤษ ว่ามีทหารอังกฤษข่มขืนผู้หญิงในซัมบูรูเป็นระยะเวลายาวนาน โดยมีผู้ถูกกระทำรวมแล้วกว่า 1,400 คน) ซึ่งนอกจากจะถูกข่มขืน พวกเธอยังถูกสามีกระทำซ้ำ ด้วยการกล่าวหาว่าพวกเธอนำความอัปยศมาให้ครอบครัวและไล่พวกเธอออกจากบ้าน&nbsp;ในเวลานั้นพวกเธอทั้ง 15 คน จึงรวมตัวกันเสาะหาที่ดินผืนหนึ่งแล้วเริ่มตั้งหมู่บ้านอยู่กันเอง โดยตั้งชื่อว่า อูโมจา เป็นภาษาสวาฮิลีที่แปลว่า ความเป็นหนึ่งเดียวกัน&nbsp;และมาถึงปัจจุบัน อูโมจาก็คือพื้นที่ลี้ภัยของผู้หญิงในซัมบูรูที่ประสบภัยความรุนแรงจากวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะถูกข่มขืน ถูกทำร้าย ถูกบังคับให้แต่งงานตั้งแต่เด็ก หรือถูกบังคับให้ขลิบคลิตอริสตามความเชื่อที่ว่าผู้หญิงที่มีอารมณ์ทางเพศนั้นเป็นบาป ฯลฯ หมู่บ้านอูโมจาพร้อมต้อนรับให้พวกเธอหลบหนีจากชีวิตที่เลวร้ายมาอยู่ที่นี่ ร่วมกันสร้างงานสร้างอาชีพด้วยการทำงานฝีมือท้องถิ่นขายให้กับนักท่องเที่ยว และหากมีผู้ชายคนไหนพยายามเข้ามาในหมู่บ้าน เหล่าผู้ดูแลหมู่บ้านจะแจ้งตำรวจเพื่อให้จับตัวพวกเขาออกไป“ในฐานะผู้หญิงซัมบูรู คุณจะไม่มีสิทธิอะไรทั้งนั้น ถ้าสามีอยากฆ่าคุณ เขาก็มีสิทธิฆ่าคุณเมื่อไหร่ก็ได้เลย เพราะพวกเราถูกมองเป็นเหมือนสมบัติค่ะ และในวัฒนธรรมซัมบูรู พอมีคนได้ยินว่ามีหมู่บ้านหญิงล้วนอยู่พวกเขาก็จะบอกว่า “เราต้องทำลายหมู่บ้านนั้นซะ” แต่ยังไงพวกเราก็จะไม่ละทิ้งหมู่บ้านนี้ค่ะ” รีเบคกา โลโลโซลี (Rebecca Lolosoli) หนึ่งในผู้ก่อตั้งและเป็นผู้ใหญ่บ้านคนปัจจุบันของอูโมจากล่าวหมู่บ้านอูโมจาถูกโจมตีโดยผู้ชายอยู่หลายครั้ง ผู้ชายส่วนหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าหมู่บ้านนี้เป็นเพียงเครื่องมือทางธุรกิจ พวกเธอแค่สร้างคอนเซปต์ขึ้นมาเพื่อหาเงินจากนักท่องเที่ยวเท่านั้น ผู้ชายซัมบูรูบางส่วนยังร่วมกันตั้งหมู่บ้านชายล้วนขึ้นมาและพยายามทำธุรกิจงานฝีมือแข่งกับพวกเธอ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการใช้ความรุนแรง เช่นครั้งหนึ่งในปี 2009 อดีตสามีของรีเบคกาเคยบุกเข้ามาขู่ฆ่าพวกเธอถึงในหมู่บ้าน จนทำให้พวกเธอต้องย้ายหนีออกไประยะหนึ่ง รวมถึงมีบรรดาสามีหรือพ่อของผู้หญิงในหมู่บ้านมาตามพวกเธอกลับอยู่บ่อยครั้ง<img src="https://media.thairath.co.th/image/lef3bZs1a2hIqpSn7zNc96OJCZTEFXWyQZWlDZJvrxqnyP8e9vA1.jpg" data-id="102157" data-url="https://media.thairath.co.th/image/lef3bZs1a2hIqpSn7zNc96OJCZTEFXWyQZWlDZJvrxqnyP8e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib"><img src="https://media.thairath.co.th/image/lef3bZs1a2hIqpSn7zNc96OJCSjVls1a2hMpBUCoXrVvxmLp1V2LuUe9vA1.jpg" data-id="102157" data-url="https://media.thairath.co.th/image/lef3bZs1a2hIqpSn7zNc96OJCSjVls1a2hMpBUCoXrVvxmLp1V2LuUe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">แม้จะถูกตราหน้าจากผู้ชายบางส่วนว่าพวกเธอเป็นทาสทุนนิยมที่หนีจากครอบครัวออกมาหาเงินใช้เอง แต่เงินส่วนหนึ่งที่ชาวหมู่บ้านหาได้นั้นถูกนำไปสร้างโรงเรียนในหมู่บ้านอูโมจา ที่เปิดรับเด็กทุกเพศให้เข้ามาเรียน ทั้งยังเปิดรับเด็กๆ จากนอกหมู่บ้านให้เข้ามาเรียนได้ด้วย “เราตัดสินใจสร้างโรงเรียนขึ้นมาเพราะการศึกษาสำคัญมากค่ะ เราไม่อยากให้ลูกหลานของพวกเราเป็นแบบพวกเรา เราอยากให้ชีวิตพวกเขาได้มีแสงสว่างจากการศึกษาและการได้มองเห็นว่าบนโลกนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”&nbsp;อย่างไรก็ตาม แม้จะห้ามผู้ชายเข้ามาอาศัยในหมู่บ้านอูโมจา แต่ไม่ได้ห้ามผู้หญิงย้ายออกไป พวกเธอสามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้ตามปกติได้ รวมถึงไม่มีข้อห้ามในการคบหากับผู้ชาย หากวันหนึ่งพวกเธอคนไหนเจอความสัมพันธ์ที่ดีและอยากย้ายออกไปใช้ชีวิตใหม่ก็ไม่มีกฎข้อห้าม&nbsp;แต่ถึงอย่างนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่ในหมู่บ้านอูโมจาก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานและย้ายออกไป เพราะสำหรับบริบทของพวกเธอในซัมบูรูที่ยังคงเต็มไปด้วยวัฒนธรรมชนเผ่าและวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่อันแรงกล้า อูโมจาอาจถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเธอจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข&nbsp;อ้างอิง<a href="https://edition.cnn.com/2019/01/30/africa/samburu-umoja-village-intl-asequals-africa/index.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://edition.cnn.com/2019/01/30/africa/samburu-umoja-village-intl-asequals-africa/index.html</a>&nbsp;<a href="https://www.reuters.com/world/africa/abused-women-find-freedom-kenyan-village-where-men-are-banned-2023-02-16/" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.reuters.com/world/africa/abused-women-find-freedom-kenyan-village-where-men-are-banned-2023-02-16/</a>&nbsp;<a href="https://www.youtube.com/watch?v=deEeqOG4EPc&t=133s" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=deEeqOG4EPc&amp;t=133s</a> &nbsp;

นับเป็นเรื่องน่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง เมื่อข่าวนี้เกิดในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนเข้าเดือนไพรด์ และสะท้อนชัดเจนว่ายังมีอีกหลายพื้นที่ในประเทศไทย ที่ความเข้าใจและเปิดกว้างต่อ LGBTQ ยังไปไม่ถึง

LGBTQ ถูกฆาตกรรมโดยเด็กวัย 17 ปี ที่เกลียดชัง LGBTQ

เนื่องใน IDAHOT เราชวนมาทบทวนว่า มีอะไรบ้างที่คนในสังคมยังขาดความตระหนักรู้ถึงปัญหาการเหยียดเพศและเลือกปฏิบัติที่กลุ่ม LGBTQ+ เผชิญกันมาอย่างยาวนาน เพราะแม้ไทยเราจะมีสมรสเท่าเทียมแล้วก็จริง แต่ใช่ว่า นั่นคือจุดจบของการขับเคลื่อนเรื่องความเท่าเทียม

IDAHOT กับการเหยียดเพศและกีดกัน LGBTQ+ ที่อาจเกิดขึ้นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ แต่เป็นความเคยชินในชีวิตประจำวัน

ในบรรดาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ‘ซิฟิลิส’ นับว่าเป็นอีกโรคที่ไม่ควรมองข้าม เพราะยังไม่มีวัคซีนป้องกัน และหากปล่อยให้ไปถึงระยะสุดท้าย เชื้อจะสามารถทำลายระบบประสาทและสมองรวมถึงระบบหัวใจและหลอดเลือดได้ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Change

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS