อีกหนึ่งประเด็นเร่งด่วนที่สุดเรื่องหนึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะมาถึงช่วงปลายปีนี้ คงหนีไม่พ้นข้อเรียกร้อง ‘Care Can’t Wait’ ที่บรรดาแรงงาน รวมถึงผู้หญิงทั่วสหรัฐฯ กำลังต้องการให้รัฐบาลและผู้นำคนต่อไปพิจารณากฎหมายจ่ายเงินชดเชยวันลาหยุดที่จำเป็นสำหรับการดูแลครอบครัวให้เป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้

‘Care Can’t Wait’ เสียงจากแรงงานในสหรัฐฯ เรียกร้องให้ผู้นำคนต่อไป พิจารณากฎหมายเงินชดเชยสำหรับลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัวมากกว่าที่เป็นอยู่

อีกหนึ่งประเด็นเร่งด่วนที่สุดเรื่องหนึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งกำลังจะมาถึงช่วงปลายปีนี้ คงหนีไม่พ้นข้อเรียกร้อง ‘Care Can’t Wait’ ที่บรรดาแรงงาน รวมถึงผู้หญิงทั่วสหรัฐฯ กำลังต้องการให้รัฐบาลและผู้นำคนต่อไปพิจารณากฎหมายจ่ายเงินชดเชยวันลาหยุดที่จำเป็นสำหรับการดูแลครอบครัวให้เป็นรูปเป็นร่างมากกว่านี้เมื่อผู้หญิง 4 ใน 5 ต้องการเรียกร้องเงินชดเชยวันลาหยุดที่จำเป็นในชีวิตมากขึ้น เช่น วันลาหยุดสำหรับการดูแลครอบครัว ดูแลลูก ลาคลอด รวมถึงวันลาหยุดพักรักษาตัว&nbsp;จากผลสำรวจของ YouGov พบว่า 89% ของผู้หญิงที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต และอีก 68% ของผู้หญิงที่เทใจให้พรรครีพับลิกัน ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเรื่องการจ่ายเงินชดเชยวันลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัวนั้นเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเธอต้องการเรียกร้องจากรัฐบาลชุดต่อไปอันดับแรกๆ ก่อนเรื่องอื่นใด<img src="https://media.thairath.co.th/image/4xoUqLrwbcZRbkd9Br6MYgPA8PB3j7noUe39mbG53q4e9vA1.jpeg" data-id="101690" data-url="https://media.thairath.co.th/image/4xoUqLrwbcZRbkd9Br6MYgPA8PB3j7noUe39mbG53q4e9vA1.jpeg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบันผู้ซึ่งลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัย ตัวเเทนจากพรรคเดโมแครต ก็เคยลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าเขาจะให้ผ่านร่างกฎหมายที่ว่าด้วยการจ่ายเงินชดเชยวันลาหยุดเพื่อครอบครัว รวมถึจะมีการอัดฉีดเม็ดเงินมากขึ้นด้วยสำหรับสวัสดิการการศึกษาของเด็กๆ ในประเทศอย่างแน่นอน หากเขาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้&nbsp;“ผมให้สัญญาว่าคุณจะไม่ต้องเลือกอีกแล้วระหว่างหยุดดูแลครอบครัว พ่อแม่ที่เลี้ยงคุณมา เลือกว่าจะต้องเลือกดูแลลูกๆ ไปด้วย หรือว่าเลือกกลับไปทำงานเพื่อให้ได้เงินค่าจ้าง” โจ ไบเดน กล่าวในแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งที่วอชิงตัน ดี.ซี. “ถึงเวลาแล้วที่เราจะไม่วิ่งตามหลังประเทศอื่นๆ การจ่ายเงินชดเชยนี้จะช่วยสนับสนุนทั้งครอบครัวและระบบเศรษฐกิจของเราเองด้วย” ขณะที่จนถึงตอนนี้ ฝั่งคู่แข่งอย่างพรรครีพับลิกันยังไม่มีการเคลื่อนไหวเรื่องข้อเรียกร้องกฎหมายนี้แต่อย่างใด&nbsp;กรมแรงงานของสหรัฐฯ เปิดเผยว่ามากกว่า 1ใน 4 ของแรงงานผู้หญิงจำเป็นต้องกลับไปทำงานให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากการคลอดลูก ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจจาก YouGov ที่พบว่ากว่า 48% ของผู้หญิงที่คลอดลูก ต้องกลับไปทำงานภายใน 6 สัปดาห์ ซึ่งตามกฎหมายแรงงานของสหรัฐฯ อนุญาตให้ลาหยุดได้หลังคลอดเป็นเวลาอย่างน้อย 12 สัปดาห์ สวนทางกับข้อเท็จจริงจากสถาบันสุขภาพเพื่อผู้หญิงที่ยืนยันงานวิจัยว่า การหยุดพักร่างกายที่ไม่เพียงพอ เช่นน้อยกว่า 12 สัปดาห์หลังคลอด สามารถทำให้ผู้หญิงเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดที่รุนแรงได้&nbsp;นี่แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศผู้นำอุตสาหกรรมประเทศเดียวในโลกที่ไม่มีกฎหมายตายตัวสำหรับการจ่ายเงินชดเชยวันลาหยุดเพื่อครอบครัวและวันลาหยุดเพื่อรักษาตัวให้กับแรงงาน และยังตามหลังประเทศอังกฤษอยู่มากที่ผู้หญิงสามารถลาคลอด หรือลาหยุดเพื่อดูแล-รับอุปการะบุตรบุญธรรมได้โดยยังรับการจ่ายค่าชดเชยได้ถึง 40 สัปดาห์ ซึ่งหากกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส นี่จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐฯ ให้สิทธิ์แรงงานลาหยุดเพื่อดูแลครอบครัวและรักษาตัวได้โดยที่ยังได้รับค่าจ้างตามกฎหมาย&nbsp;เสียงจากแม่คนหนึ่งบอกว่า เธอและแม่อีกหลายๆ คนต้องทนทุกข์ทรมานจากภาวะซึมเศร้าหลังคลอด พร้อมกับรู้สึกสิ้นหวังที่จะได้รับเงินชดเชยวันหยุด ขณะที่เธอเองก็ต้องการเวลาอีกสักหน่อยเพื่อรักษาตัวและยังสามารถทำหน้าที่แม่ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องรีบกลับมาทำงานเพื่อหาเงินให้ครอบครัวในเวลาที่ยังรู้สึกไม่พร้อม “ฉันรู้สึกใจสลายเมื่อรู้ว่ายังมีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ได้รับสิทธิเหล่านี้เลย เพราะอย่างนี้เราจึงต้องการเรียกร้องให้ผู้หญิง รวมถึงพ่อแม่ทุกคนมีโอกาสได้รับการหยุดพักและอยู่กับปัจจุบันมากกว่าที่เป็นอยู่”&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.glamour.com/story/exclusive-glamour-election-poll-women-voters-want-paid-leave" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.glamour.com/story/exclusive-glamour-election-poll-women-voters-want-paid-leave</a><a href="https://www.glamour.com/story/bidens-promise-ill-pass-paid-leave" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.glamour.com/story/bidens-promise-ill-pass-paid-leave</a>

ปี 2024 เป็นปีแรกในประวัติการณ์ที่มีจำนวนนักกีฬาหญิงมากที่สุดตั้งแต่เคยมีการแข่งขันมา นั่นก็คือ 1,983 คน นี่จึงเป็นฤกษ์งามยามดีที่เราอยากชวนให้ทุกคนได้รู้จักเหล่านักกีฬาพาราลิมปิกหญิงบางส่วนจากหลากหลายประเทศ

6 นักกีฬาหญิงพาราลิมปิก 2024 ที่ประกายไฟฝันของพวกเธอ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทั่วโลก

โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับเเพทย์หญิงชาวอินเดียเมื่อเดือนที่ผ่านมาจนเกิดการลุกฮือประท้วงครั้งใหญ่ของบรรดาบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่โกรธแค้น ไม่เพียงสั่นสะเทือนไปทั่วระบบสาธารณสุขของอินเดียที่ต้องหยุดชะงัก มันยังกระตุ้นให้เกิดการทวงถามถึงสวัสดิภาพของคนทำงานในหน่วยงานสาธารณสุขที่ทุ่มเทดูแลชีวิตคนอื่น ‘ด้วยชีวิต’ แต่กลับเป็นชีวิตของพวกเขาเสียเองที่ถูกละเลยและไม่ได้รับการดูแลอย่างน่าเศร้า

การดูแลชีวิตที่ต้องแลกด้วยชีวิตของแพทย์ในอินเดีย กับความปลอดภัยและสวัสดิภาพที่ไม่เคยมาถึง 

ความโดดเด้ง แจ่มแจ๋วของ แบลร์ อีมานิ (Blair Imani) ไม่ใช่เธอเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อความเท่าเทียมทางเพศที่น่าสนใจมากที่สุดในยุคสมัยนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องที่ว่า เธอเป็นมุสลิมที่ยังมีความเชื่อด้านศาสนาเต็มหัวใจ และปรากฏตัวในชุดสะดุดตาอยู่เสมอ

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

PR-NEWS

Change

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

NUT LELAPUTRA

RELATED

HOT TOPICS