แยม-ฐปณีย์ เอียดศรีไชย คือนักข่าวภาคสนามแห่งรายการ ข่าว 3 มิติ และเป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าวออนไลน์ The Reporters สิ่งที่เธอต้องการผลักดันให้เกิดขึ้นก็คือ ‘สันติภาพ’ ซึ่งคงเกิดขึ้นได้ยากหากผู้คนไม่ได้มองเห็นแง่มุมของเหล่าคนนอกและคนชายขอบอย่างเข้าใจ

Mirror 50 : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวภาคสนามที่อยากให้สันติภาพเกิดขึ้นจากความเข้าใจ

แยม-ฐปณีย์ เอียดศรีไชย คือนักข่าวภาคสนามแห่งรายการ ‘ข่าว 3 มิติ’ ที่หลายคนจดจำวลี “ค่ะ คุณกิตติคะ” ของเธอในยุคนั้นได้เป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบันนี้เธอยังคงทำงานภาคสนาม และเป็นผู้ก่อตั้งสำนักข่าวออนไลน์ The Reporters ที่พาทุกคนไปรู้ไปเห็นสถานการณ์และประเด็นสำคัญต่างๆ และพยายามตีแผ่ความจริงที่เกิดขึ้นอย่างจริงจังเสมอ&nbsp;และคงไม่เกินจริงหากจะบอกว่าฐปนีย์คืออีกคนหนึ่งที่ทุ่มสุดตัวให้กับการทำงาน ไม่ว่าจะต้องขึ้นเขาลงห้วยไปเกาะติดสถานการณ์ฝนตกน้ำท่วม ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ยันหยัดอยู่ท่ามกลางเหตุการณ์ความไม่สงบหรือแม้แต่กลางวงล้อมระหว่างการชุมนุม ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังพยายามต่อสู้เรื่องการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง พร้อมทั้งเป็นกระบอกเสียงหนึ่งในที่เรียกร้องสิทธิมนุษยชนให้กับผู้อพยพชาวโรฮีนจาตลอดหลายปีที่ผ่านมา บ่อยครั้งที่งานของฐปณีย์ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดจนเธอเคยคิดอยากเลิกเป็นนักข่าว แต่ความเชื่อว่า ‘มากกว่าความนักข่าวคือความเป็นมนุษย์’ นี่เองที่ยังคงปลุกเธอให้ตื่นมาทุกวันและทำงานของตัวเองต่อไปด้วยความหวังที่ว่าโลกใบนี้จะมีสันติภาพเกิดขึ้นและเห็นคุณค่าของมนุษย์ทุกคนมากกว่าที่เป็นอยู่&nbsp;<img src="blob:https://cms.mirrorthailand.com/8b598389-108f-4d06-bd4b-c61da82bfa48" data-url="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArjftp1V27iD0raR7q5xR2euazIe9vA1.jpg" style="box-sizing: inherit; cursor: pointer; padding: 0px 1px; max-width: 100%; width: auto;" class="fr-fil fr-dib">Q: ตลอดเส้นทางการเป็นสื่อมวลชนมา 23 ปี อยากให้รีวิวให้ฟังหน่อยว่าเติบโตขึ้นอย่างไร และได้เรียนรู้อะไรจากอาชีพนี้บ้าง&nbsp;A: ถามว่าเรามีเส้นทางชีวิตในการเป็นนักข่าวอย่างไร เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าววิทยุที่สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็นนะคะ จากนั้นก็เข้าสู่เส้นทางการเป็นนักข่าวโทรทัศน์ค่ะ ก็ที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปี 2551 จนไอทีวีถูกปิดสถานีไป จอดำไป เราก็ย้ายมาอยู่ที่ช่อง 3 อยู่ที่ข่าว 3 มิติตั้งแต่ปี 2551 จนถึงปัจจุบัน แล้วก็ในปี 2563 ที่สื่อออนไลน์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เราก็มาก่อตั้งสำนักข่าว The Reporters เป็นสำนักข่าวออนไลน์ที่เรียกได้ว่าเป็นทั้งนักข่าวและผู้บริหาร เพราะว่าเป้าหมายก็อยากที่จะให้เป็นสื่อ เป็นตัวแทนของความเป็นนักข่าวที่มีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนสังคมแล้วก็ความเป็นตัวตนของฐปนีย์ที่เราก็อยากให้มีฐปนีย์เยอะๆ ในการเป็นนักข่าว มันก็เลยเป็นที่มาของ The Reporters ที่แปลว่านักข่าวแต่เติม ‘s’ นะ เพราะว่าที่นี่คือแหล่งรวมของนักข่าวทุกคนค่ะQ: มองว่าในปัจจุบัน บทบาทแล้วก็หน้าที่ของสื่อมวลชนมีความสำคัญอย่างไรบ้าง&nbsp;A: สำคัญมากๆ นะคะ ในยุคปัจจุบันมันจะมีคำพูดหนึ่งว่า ‘อยู่ในยุคออนไลน์ ยุคโซเชียลมีเดีย ทุกคนก็เป็นสื่อได้’ นั่นหมายความว่าคนที่จะทำสื่อมันอาจจะไม่ใช่คนที่เติบโตมาจากสายวิชาชีพที่เรียนทางด้านของนิเทศศาสตร์ วารสารศาสตร์ หรือสายสื่อมวลชนอีกต่อไปแล้ว แต่ทุกคนสามารถเป็นสื่อได้เพราะสามารถที่จะใช้เทคนิค ใช้เครื่องมือต่างๆ ที่มาใช้ในการสื่อสารเรื่องราวของตัวเอง แต่ในความหมายของคำว่า ‘ใครก็เป็นสื่อได้’ มันไม่ได้หมายความเหมือนสื่อในความหมายที่เป็นวิชาชีพนะคะ&nbsp;ยิ่งข้อมูลข่าวสารที่มันมีมากมายมีหลากหลายและใครทุกคนก็เป็นได้ ยิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีสื่อมวลชนวิชาชีพค่ะ คือไม่ได้เป็นการแบ่งแยกนะคะ แต่เพียงแต่ว่าในสังคมเราจำเป็นจะต้องมีการสื่อสารในฐานะวิชาชีพสื่อด้วย การสื่อสารที่ถูกต้อง มีการตรวจสอบ บางครั้งเราต้องการความรับผิดชอบ เราต้องการความเป็นมืออาชีพ เรายังต้องการจรรยาบรรณในฐานะสื่อ เพื่อจะช่วยคัดกรองข้อมูลให้กับสังคม&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArgQJ1lzHvshwvs1a2hDKP2CS7pEe9vA1.jpg" data-id="101311" data-url="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArgQJ1lzHvshwvs1a2hDKP2CS7pEe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">Q: ถ้าให้เลือกหนึ่งประเด็นที่อยากผลักดันที่สุด คุณอยากผลักดันเรื่องอะไรA: อย่างที่บอกว่าเราเริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวการเมือง ต่อมาก็ทำข่าวเหตุการณ์เรื่องภัยพิบัติ เรื่องการค้ามนุษย์แล้วก็เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรม รวมถึงเรื่องของผู้ลี้ภัย ปัญหาเรื่องของการสร้างสันติภาพทั้งในชายแดนภาคใต้และสันติภาพทั่วโลก เพราะฉะนั้นเป้าหมายของการเป็นนักข่าวคือเราก็อยากจะมีพื้นที่ข่าวที่ทำให้สังคมเกิดความเข้าใจกัน&nbsp;ความขัดแย้งทุกความขัดแย้งมันย่อมมีความคิดเห็นที่แตกต่างค่ะ แต่ว่าถ้าสื่อเลือกที่จะเสนอแต่เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ให้พื้นที่ของเราเป็นตัวกลางในการที่จะนำความคิดเห็นที่แตกต่างนั้นๆ มาถกเถียงกัน สังคมก็จะถูกชี้นำไปในทิศทางใดทางหนึ่ง ดังนั้นนี่แหละค่ะจุดมุ่งหมาย จุดเป้าหมายของเราในการทำข่าวก็คือเราอยากจะเป็น ‘สื่อเพื่อสันติภาพ’ ในคำนี้มันอาจจะแบบ… ดูโลกสวยดูอะไร แต่ว่านี่คือโลกของความเป็นจริงค่ะ ถ้าหากเราจะหลุดพ้นหรือก้าวข้ามจากความขัดแย้ง สันติภาพเท่านั้นที่จะเป็นทางออก แต่ว่าที่ผ่านมามันไม่เคยเกิดขึ้นได้เลย แม้กระทั่งเนี่ยค่ะ สิ่งที่เราเห็นในสงครามในทั่วโลก&nbsp;ดังนั้นสื่อมีบทบาทสำคัญที่เราอยากจะให้พื้นที่ตรงกลางในการที่ความขัดแย้งต่างๆ มันถูกถกเถียงและถูกถ่ายทอดออกไป เช่นเดียวกันเรื่องราวของผู้คนที่ไม่ถูกนำเสนอ เรื่องราวของคนชายแดน คนชายขอบ คนที่เป็นถูกกดทับในสังคม คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม นั่นคือสิ่งที่ตั้งใจ และทุกวันนี้เราก็มี The Reporters มาเพื่อให้เป็นพื้นที่ตรงนี้ พื้นที่ของคนทุกคนที่ถูกริดรอนสิทธิเสรีภาพ มันคือสิ่งที่จะทำให้สังคมนี้ได้รับข้อมูลที่จะนำไปถกเถียงและหาทางออกร่วมกันได้ ถามว่าเราก็ทำมาเยอะมากแล้วแต่ยังต้องทำอยู่ เพราะหลายๆ เรื่องมันไม่ได้ถูกทำไปสู่การแก้ไขและปัญหาบางทีมันก็ถูกย้อนกลับมาที่เดิม ดังนั้นหน้าที่ตรงนี้มันอาจไม่มีวันสิ้นสุดก็ได้&nbsp;Q: มองว่า ณ ตอนนี้มีคนกลุ่มไหนควรถูกมองเห็นมากขึ้นอีกบ้างA: อย่างตอนนี้นะคะ เราให้ความสนใจไปที่สงครามที่เกิดขึ้นที่อิสราเอลกับปาเลสไตน์แต่จริงๆ ในชายแดนไทยของเรานะคะ ที่ชายแดนไทย-เมียนมาร์ก็เกิดสงครามอยู่กว่าสองปีแล้ว มีผู้ลี้ภัย มีผู้อพยพจากฝั่งของเมียนมาร์ เช่นที่รัฐกะเหรี่ยงเขาอพยพมาที่ไทยหลายครั้งละ เป็นในช่วงสองปีที่ผ่านมา คนเหล่านี้จริงๆ เป็นพี่น้องที่เป็นเพื่อนบ้านของเราค่ะ แต่พวกเขาไม่เคยถูกมองเห็น&nbsp;เราคิดว่าอยากจะให้สังคมไทยมองเห็นปัญหาหรือผลกระทบสงครามที่เกิดขึ้นในเมียนมาร์ที่อยู่ใกล้ตัวเรา เป็นเพื่อนบ้านเรา รวมถึงพี่น้องทุกชาติพันธุ์ที่ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาติพันธุ์กะเหรี่ยงหรือไทใหญ่ หรือตอนนี้เกิดเหตุการณ์โจมตีทางอากาศไปที่ค่ายผู้ลี้ภัยที่รัฐกะฉิ่น ประชาชนผู้บริสุทธิ์เขาได้รับผลกระทบนี้มากว่าสองปีแล้ว แต่จริงๆ มันยาวนานนะคะในประวัติศาสตร์ของเมียนมาร์เอง 70 กว่าปีที่ยังคงมีปัญหาอยู่ ยังไม่สามารถที่จะหาทางออกอย่างสันติภาพได้&nbsp;ที่อยากให้พวกเราสนใจเรื่องพวกนี้ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าพี่น้องทุกชาติพันธุ์ของเมียนมาร์เขาก็อยู่ในประเทศไทยด้วย มาเป็นแรงงาน มามีส่วนในการพัฒนาประเทศไทย เขาเหล่านั้นแหละคือส่วนสำคัญในการพัฒนาบ้านเราอะค่ะ ตึกที่สร้างอยู่หรืออะไรหลายๆ อย่าง แม้กระทั่งคนทำงานบ้านที่บ้านก็เป็นพี่น้องชาติพันธุ์หรือเป็นชาวเมียนมาร์ อยากให้นึกถึงพวกเขาค่ะ จริงๆ พวกเขาก็ไม่ได้อยากจะมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยหรอก เขาก็อยากจะกลับบ้าน แต่บ้านเขาไม่มีความสงบสุข บ้านเขามีสงคราม นี่คือสงครามใกล้ตัวที่อยากให้นึกถึงค่ะ<img src="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArtsK6D6euEg8fwouDif6m1Ae9vA1.jpg" data-id="101311" data-url="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArtsK6D6euEg8fwouDif6m1Ae9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib"><img src="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArvI1Isv1LMcOvtZow1MLhYwe9vA1.jpg" data-id="101311" data-url="https://media.thairath.co.th/image/pbjq5AcAG1as1a2hHQ4T3YOArvI1Isv1LMcOvtZow1MLhYwe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">

‘ดุจดาว วัฒนปกรณ์’ คือนักจิตบำบัดด้านการเคลื่อนไหว ผู้ก่อตั้ง Empathy Sauce และ Soulsmith บริษัทเล็กๆ ที่พูดเรื่อง Empathy หรือ ‘เข้าอกเข้าใจ’ ที่มนุษย์ควรมีซึ่งกันและกัน

MIRROR50 : ดุจดาว วัฒนปกรณ์ 
นักจิตบำบัดด้านศิลปะการเคลื่อนไหวที่สร้างความตระหนักเรื่อง Empathy และการมีสุขภาพใจที่แข็งแรงของคนในสังคม

แคมเปญ MIRROR50 การเฉลิมฉลองให้กับ 50 รายชื่อบุคคลและองค์กรแห่งปีที่ก้าวข้ามความกลัวให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนในด้านต่างๆ แก่สังคม ด้วยความเชื่อมั่นที่จะ ‘เป็น’ ตัวเอง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Changer

Mirror 50 : ฐปณีย์ เอียดศรีไชย นักข่าวภาคสนามที่อยากให้สันติภาพเกิดขึ้นจากความเข้าใจ

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS