เข็มกลัด อาวุธลับเล็กๆ ที่หญิงอินเดียหลายคนเลือกพกติดตัวไว้ ทางเลือกหนึ่งของการ ‘สู้กลับ’  การถูกคุกคามทางเพศ

ผู้หญิงอินเดียกับอาวุธลับ ‘เข็มกลัด’ วิธีโต้กลับการคุกคามทางเพศในที่สาธารณะ  ในวันที่นักคุกคามไม่ยอมหมดไปสักที

อินเดียเป็นอีกสังคมที่วิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ฝังรากแน่น ผู้หญิงยังคงถูกมองเป็นเครื่องตอบสนองความใคร่ เพศสภาพหญิงหลายคนล้วนเคยเผชิญกับการคุกคามทางเพศในที่สาธารณะ ทางเลือกหนึ่งนั้นจึงเป็นการ ‘สู้กลับ’ ด้วยอาวุธลับเล็กๆ ที่หญิงอินเดียหลายคนเลือกพกติดตัวไว้ นั่นก็คือเข็มกลัดดีพิก้า เชอร์กิลล์ (Deepika Shergill) เปิดเผยเรื่องราวผ่านทาง BBC ว่า เธอเป็นคนหนึ่งที่เคยใช้เข็มกลัดในการสู้กับคนที่พยายามลวนลามเธอบนรถบัสระหว่างเดินทางไปทำงานแทบทุกวัน ตอนนั้นเธอไม่อยากโวยวายให้คนอื่นรู้เพราะรู้สึกอับอาย “จนกระทั่งเขาเริ่มช่วยตัวเองแล้วปล่อยใส่ฉัน” นั่นเป็นจุดที่เธอรู้สึกว่าจะไม่ทนอีกต่อไปเธอรู้สึกแย่มากและยังคงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่เธอเลือกที่จะเอาคืน วันถัดมาเธอขึ้นรถไปทำงานพร้อมกับพกเข็มกลัดไปด้วย เมื่อชายคนเดิมเข้ามาประชิดตัวเธออย่างที่เคย เธอยืนขึ้น ใช้ส้นสูงเหยียบเท้าเขาและใช้เข็มกลัดจิ้มที่ท้องแขน ก่อนจะรีบลงจากรถ หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เจอชายคนดังกล่าวอีกเลยฟังดูเป็นเรื่องเล่าที่ไม่ปกติธรรมดา แต่จากรายงาน นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหลือเกินในประเทศอินเดีย ท่ามกลางคนที่พร้อมจะฉวยโอกาส ผู้หญิงอินเดียต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อเชื่อวันจากการสำรวจทางออนไลน์ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจาก 140 เมืองในประเทศอินเดีย พบว่า ผู้หญิงกว่า 56% เคยถูกคุกคามทางเพศบนขนส่งสาธารณะ และมีเพียง 2% เท่านั้นที่แจ้งตำรวจ ขณะที่ส่วนใหญ่เลือกทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และบางส่วนเลือกจะหนีออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ ยิ่งกว่านั้น 52% ระบุว่าพวกเธอต้องลาออกจากงานหรือสถานศึกษาเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย“ความกลัวต่อการถูกกระทำความรุนแรงทางเพศนั้นส่งผลกับสภาวะจิตใจของผู้หญิงรวมถึงความคล่องตัวในการใช้ชีวิตมากกว่าความรุนแรงจากการตบตีเสียอีก” กัลปานา วิศวานัธ (Kalpana Viswanath) ผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร Safetipin (เข็มกลัด) กล่าว โดยทางองค์กรต่อสู้เพื่อขับเคลื่อนให้พื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงอย่างแท้จริง และเลือกใช้ชื่อว่าเข็มกลัดเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เล็กๆ ของผู้หญิงนั่นเองกัลปานาเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องเกิดขึ้นที่ทัศนคติของคนในสังคมเป็นหลัก เพราะแม้ใน ค.ศ. นี้แล้ว ชาวอินเดียหลายคนก็ยังไม่ได้รู้สึกว่าการลวนลามในที่สาธารณะเป็นเรื่องใหญ่อะไร หนังละครหลายเรื่องก็ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเพียงการหยอกล้อผู้หญิงเล่นๆ ด้วยซ้ำ&nbsp;อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะไร้ซึ่งความเปลี่ยนแปลงเสียทีเดียว ในเมืองหลวงอย่างกรุงนิวเดลี บนรถบัสเริ่มติดตั้งปุ่มกดเพื่อขอความช่วยเหลือและมีกล้องวงจรปิด นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมพนักงานบนรถให้ช่วยสอดส่องความปลอดภัยสำหรับผู้โดยสารหญิง ทางตำรวจก็ทำแอปพลิเคชันสำหรับร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงในเมืองใหญ่ๆ ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ผู้หญิงยังต้องคอยพกเข็มกลัดไว้ป้องกันตัวเองอยู่ที่สุดแล้วจึงควรต้องเป็นอย่างที่องค์กร Safetipin พยายามทำ นั่นคือการเรียกร้องให้เกิดการพูดคุยเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อให้เกิดความรับรู้ในวงกว้าง และนำไปสู่นโยบายระดับประเทศรวมถึงการสร้างทัศนคติที่ดีในสังคม ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่ในอินเดีย แต่อีกหลายพื้นที่ทั่วโลกด้วย—ให้เราได้ใช้เข็มกลัดกลัดผ้าก็พอเถอะ&nbsp;อ้างอิง<a href="https://www.bbc.com/news/world-asia-india-64979731" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.bbc.com/news/world-asia-india-64979731 </a>

Fallen Leaves เป็นหนังสัญชาติฟินแลนด์ในปี 2023 ที่จัดอยู่ในหมวด Romantic-comedy ได้ เพียงแค่ว่าไม่ใช่ในบริบทของหนังรอม-คอมแบบที่ใครหลายคนอาจคุ้นเคยจากภาพแบบหนังอเมริกันฝันหวาน เล่าเรื่องคนชนชั้นกลางในเมืองใหญ่ เพราะความโรแมนติกของหนังเรื่อง Fallen Leaves น่าจะมาจากความรันทดที่ชีวิตมอบให้ มันรันทดเสียจนต้องหลุดขำออกมา ราวกับหัวเราะเยาะประชดประชันให้กับความขื่นขมของชีวิตเสียมากกว่า 

แด่ความจน และคนคลั่งรัก ย้อนดู Fallen Leaves หนังฟินแลนด์ที่ว่าด้วยความรักกับความหวัง ปนความขม บนความ 'จน' ของการเป็นชนชั้นแรงงาน

ซีรีส์ ‘Resident Playbook’ เดินทางมาถึงตอนที่ 6 แล้ว โดยในตอนนี้ได้นำเสนอ ‘ความยากลำบากของการเป็นแม่’ ผ่าน 3 เคสตัวอย่างในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน นับตั้งแต่ผู้หญิงที่พยายามตั้งครรภ์
กำลังตั้งครรภ์ ไปจนถึงช่วงคลอดบุตร ว่าพวกเธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดใดบ้าง

ความยากลำบากของการเป็นแม่ 3 เคสตัวอย่างจาก ‘Resident Playbook’ ซีรีส์ที่ว่าด้วยชีวิตการทำงานของเหล่าแพทย์ประจำบ้านด้านสูตินรีเวช

Common People คือเอพิโสดแรกซึ่งอาจเรียกได้ว่าปวดใจที่สุดอีกเอพิโสดหนึ่งของมหากาพย์ Black Mirror ซีรีส์ว่าด้วยด้านมืดของเทคโนโลยี ที่สร้างต่อเนื่องมาหลายปีจนมาถึงซีซั่นที่ 7 และมันก็ยังคงยืนยันที่จะพูดเรื่องผลร้ายของโลกอนาคตอันใกล้กับเทคโนโลยีสุดล้ำต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แถมเล่นกับประเด็นมืดหม่นไม่แผ่ว ตามสไตล์ผู้สร้างทีมเดิมอย่าง Charlie Brooker 

Common People : ที่สุดแล้วความเหลื่อมล้ำจะตามเราเจอ ตอนหนึ่งของซีรีส์ Black Mirror ที่ว่าด้วยความเหลื่อมล้ำของเทคโนโลยี ซึ่งไม่ว่าจะอยู่หรือตาย ก็ทำให้มนุษย์ไม่มีวัน ‘เท่ากัน’ 

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS