ลูกคนดังมีต้นทุนชีวิตสูงกว่าคนอื่น เช่น การเข้าถึงโอกาสต่างๆ ที่มากกว่าในบางครั้ง

Nepo Baby พริวิเลจจากการเป็นลูกคนดัง ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าล้มบนฟูกนั้นสบายกว่า และทุกคนเริ่มจาก 0 เท่ากันไม่มีจริง

เกิดเป็นลูกเซเลบริตี้ผิดไหม? ก็ตอบได้เลยว่าไม่ผิดอะไร แต่เราต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งในสังคมกันก่อนว่าเรื่องของพริวิเลจ (privilege) หรือ สิทธิพิเศษ เป็นเรื่องที่มีอยู่จริงในสังคม และการเป็นลูกคนดังที่มีต้นทุนชีวิตสูงกว่าคนอื่น ทั้งด้านฐานะ ชื่อเสียง หน้าตาทางสังคม รวมถึงการเข้าถึงโอกาสต่างๆ ที่มากกว่าในบางครั้ง ก็เป็นเรื่องจริงข้อหนึ่งที่เลี่ยงยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ ซึ่งในฮอลลีวูดเขาเรียกเหล่าลูกดารา หรือลูกเซเลบริตี้ที่มีพริวิเลจกันว่า ‘Nepo baby’ หรือ ‘Nepotism baby’ ประเด็น Nepo baby ถูกพูดถึงมาตลอดในวงการบันเทิงต่างประเทศ รวมถึงไทยเองก็มี ที่ลูกของคนดังก้าวเข้าสู่แสงสปอตไลท์ แล้วต้องมีการตั้งคำถามขึ้นถึงความพริวิเลจที่พ่วงมากับการได้รับความสนใจจากนามสกุลดังของพวกเขา อารมณ์เหมือนการที่ลูกคนรวยออกมาพูดว่า ทุกคนเริ่มจาก ‘ศูนย์เท่ากัน’ และความขยัน อดทน หรือความสามารถของเขาทำให้เขาประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ แต่เดี๋ยวก่อน…เราไม่เถียงว่าลูกคนดังสามารถเก่ง เจ๋ง และขึ้นไปสู่ดวงดาวได้จากความสามารถ แต่การจะบอกว่าทุกคนเริ่มจาก ‘ศูนย์’ เท่ากัน มันอาจจะไม่ใช่แบบนั้น และมันอาจจะคล้ายๆ ว่ากำลังเบลอเรื่องของพริวิเลจในสังคมนี้ให้ไม่มีอยู่จริง อย่าลืมว่าการเป็นลูกเซเลบริตี้ นั้นมีโอกาสได้รับความสนใจมากกว่าเด็กคนหนึ่งที่ไม่ได้มีต้นทุนนี้ตั้งแต่แรก และถ้าคุณล้มจากการลองผิดลองถูก คุณก็อาจจะล้มบนฟูกที่มีฐานะ และชื่อเสียงของครอบครัวรองรับอยู่เสมอ เรื่องของ Nepo baby ร้อนแรงขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากการถกเถียงล่าสุด เมื่อ ลิลลี่ โรส เดปป์ (Lily-Rose Depp) นักแสดง นางแบบ และลูกของ จอห์นนี่ เดปป์ กับอดีตภรรยา วาเนสซ่า พาราดิส ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Elle ถึงการถูกเรียกว่าเป็น Nepo baby ว่า “โลกอินเทอร์เน็ตดูเหมือนจะสนใจเรื่องประเภทนั้นมาก ผู้คนจะมีความคิดอุปาทานเกี่ยวกับตัวคุณ หรือคิดว่าคุณไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร และฉันสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า ไม่มีอะไรที่ทำให้คุณได้บทนั้นนอกจากคุณจะเหมาะกับบทบาทนั้นค่ะ”<img src="https://media.thairath.co.th/image/uJ0pxTaJmBJzyp1V2QMzpn0gfb82gaChNYUm02TkIxGpW4e9vA1.jpg" data-id="100723" data-url="https://media.thairath.co.th/image/uJ0pxTaJmBJzyp1V2QMzpn0gfb82gaChNYUm02TkIxGpW4e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">เธอยังบอกอีกว่า “ถ้าพ่อหรือแม่ของใครสักคนเป็นหมอ แล้วลูกของเขากลายเป็นหมอด้วย คุณก็จะไม่แบบ ‘แหม คุณก็เป็นได้แค่หมอเพราะว่าพ่อแม่คุณเป็นหมอ’ อารมณ์แบบ ‘ไม่ ฉันเข้าโรงเรียนแพทย์ และถูกเทรนมานะ” ลิลลี่เสริมว่า เธอไม่ได้เปรียบเทียบสายงานของเธอกับคนในวงการแพทย์ เพียงแค่ยกตัวอย่างขึ้นเฉยๆ ซึ่งเธอมองว่าลูกสาวของเซเลบริตี้จะถูกตั้งคำถามมากกว่าลูกชายของเซเลบริตี้ และเธอคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ประเด็นนี้อาจจะต้องแยกไปอีกส่วน ถึงความไม่เท่าเทียมทางเพศ ที่ผู้หญิงยังถูกคาดหวังมากกว่าผู้ชาย ทีนี้ หลังจากบทสัมภาษณ์ของเธอถูกปล่อยออกมา ไม่กี่วันถัดมา นางแบบสาวชาวอิตาลี วิตตอเรีย เซเรตตี (Vittoria Ceretti) ก็ออกมาพูดบนอินสตาแกรมส่วนตัวว่า นักแสดงที่มีพ่อแม่เป็นคนมีชื่อเสียงควรจะ “ตระหนักรู้ว่าพวกคุณมาจากไหน” เซเรตตีแสดงความคิดเห็นของเธอว่า “ฉันเข้าใจทั้งหมดกับประโยคที่ว่า ‘ฉันมาอยู่ตรงนี้ได้ และฉันทำงานหนักเพื่อมัน’ แต่ฉันอยากจะเห็นจริงๆ เลยว่า คุณจะใช้เวลาไปกับ 5 ปีแรกในสายงานของฉันยังไง ไม่ใช่แค่การถูกปฏิเสธ เพราะฉันรู้ว่าคุณคงมีประสบการณ์นั้นมาบ้าง และคุณสามารถเล่าเรื่องเศร้าเล็กๆ น้อยๆ ให้ฉันฟังได้ (แม้ว่าตอนใกล้จบวัน คุณก็จะไปร้องไห้บนโซฟาของพ่อในวิลล่าของคุณที่มาลิบูได้เสมอ)” “แต่จะเป็นยังไง ถ้าคุณไม่ใช่คนที่จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินกลับบ้านให้ครอบครัวได้? รอหลายชั่วโมงเพื่อฟิตติ้ง แคสติ้ง แล้วก็แค่มอง nepo baby เดินผ่านหน้าคุณไปจากที่นั่งอุ่นๆ บนรถเมอร์เซเดส พร้อมกับคนขับรถ และเพื่อน ผู้ช่วย เอเจนต์ ที่ดูแลเรื่องของสุขภาพจิตให้?” เรียกได้ว่าเป็นการลงสตอรี่ไอจีที่เจ็บแสบ และเสียดสีอย่างมากของเซเรตตี เซเรตตีเป็นอีกคนที่เริ่มเป็นนางแบบตั้งแต่อายุ 14 ปี เธอทิ้งท้ายว่า “คุณไม่รู้หรอกว่าต้องสู้มากแค่ไหน เพื่อให้คนเคารพในตัวคุณ…(บางคน) ใช้เวลาหลายปี แต่คุณได้รับมันฟรีในวันแรก” สำหรับเรา การ “Check your privilege” จึงอาจเป็นเรื่องสำคัญไม่ว่าจะเกี่ยวกับประเด็นอะไรก็แล้วแต่ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่รู้เท่าทันสิทธิพิเศษที่มีในตัวเอง มันจะนำไปสู่การเป็นกระบอกเสียงเรื่องความไม่เท่าเทียมให้กับคนที่ไม่มีสิทธิพิเศษได้ หรืออย่างน้อยที่สุดมันก็โชว์ให้เห็นว่าคุณไม่ได้เพิกเฉยต่อสภาพสังคม ลองคิดดูหากคนที่มีพริวิเลจมองว่าทุกคนเริ่มจากศูนย์เท่ากัน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ ความเท่าเทียมมันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ที่ผ่านมามีลูกเซเลบริตี้หลายคนที่ตระหนักถึงปัญหานี้ และยอมรับออกมาตรงๆ ว่าตัวเองมีพริวิเลจ ซึ่งการมีพริวิเลจในบางครั้งก็เหมือนกับการที่พวกเขาต้องพิสูจน์ความสามารถอย่างมากท่ามกลางอคติ เพื่อให้คนยอมรับว่าเก่งจริง เหมาะสมจริง เพราะพวกเขารู้ดีว่าการเริ่มต้นที่ได้เปรียบคนอื่นนั้นมีอยู่จริง และไม่อยากทำให้คนอื่นผิดหวัง เช่น มายา ฮอว์ค (Maya Hawke) ลูกสาวของ อีธาน ฮอว์ค กับ อูมา เธอร์แมน นักแสดงขวัญใจใครหลายคน ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า เธอเข้าใจดีว่าชื่อของพ่อแม่ นำพาเธอให้เข้าสู่อุตสาหกรรมบันเทิง และเธอบอกว่า “ฉันรู้สึกขอบคุณมากสำหรับความจริงที่ว่าพวกเขาทำให้มันง่ายกับฉันที่จะทำในสิ่งที่ฉันรัก ฉันคิดว่าฉันจะได้รับโอกาสสัก 2 ครั้งด้วยชื่อของพวกเขา และถ้าฉันห่วยขึ้นมา ฉันก็อาจจะถูกเตะออกจากอาณาจักรนี้ และนั่นคือสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นค่ะ ดังนั้นฉันจะพยายามไม่ทำตัวห่วย” จีจี้ ฮาดิด (Gigi Hadid) นางแบบที่ดังเป็นพลุแตก ซึ่งเป็นลูกสาวของอดีตนางแบบ โยลันดา ฮาดิด กับ โมฮัมเหม็ด ฮาดิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ก็เคยให้สัมภาษณ์กับ Vogue ออสเตรเลีย ว่า “ฉันรู้ว่าฉันมาจากพริวิเลจ ดังนั้นเมื่อตอนฉันเริ่มต้น ฉันก็จะรู้สึกผิดมากกับพริวิเลจ” ซึ่งนอกจากจีจี้จะยอมรับเรื่องพริวิเลจที่เธอมีจากการเป็นลูกคนดังแล้ว เธอยังใช้พริวิเลจนั้นช่วยเหลือคนอื่น เช่น นำรายได้จากการร่วมเดินแฟชั่นโชว์ไปบรรเทาทุกข์ให้กับชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และออกมาแสดงจุดยืนในฐานะคนที่มีเชื้อสายปาเลสไตน์ อยู่เคียงข้างชาวปาเลสไตน์ หลังถูกกองกำลังอิสราเอลโจมตี การมีพริวิเลจที่เกิดจากครอบครัวไม่ใช่เรื่องผิด แต่การยอมรับว่ามีพริวิเลจ และไม่มองว่ามันไม่มีอยู่จริง มักดีกว่าเสมอ เพราะมันทำให้คุณไม่เป็นหนึ่งฟันเฟืองหนึ่งที่พยายามกลบความไม่เท่าเทียมในสังคมให้ฝังลึกลงไป ไร้การแก้ไขปัญหา ขณะที่คุณมีโอกาสเฉิดฉายบนเส้นทางความฝันจากการมีต้นทุน คนอื่นที่เขาพยายามมาเหมือนกัน ความสามารถมีเท่ากัน แต่อาจโลดแล่นไปได้ช้ากว่า หรือไม่สามารถไปถึงฝันนั้นได้เลย การรับรู้สิ่งนี้ไว้จึงจำเป็น และไม่ใช่เรื่องน่าอาย อ้างอิง: <a href="https://www.elle.com/culture/celebrities/a41894075/0125-0141-an-idol-rising-december-2022/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.elle.com/culture/celebrities/a41894075/0125-0141-an-idol-rising-december-2022/</a> <a href="https://www.independent.co.uk/life-style/fashion/vittoria-ceretti-lily-rose-depp-nepo-baby-b2228568.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.independent.co.uk/life-style/fashion/vittoria-ceretti-lily-rose-depp-nepo-baby-b2228568.html&nbsp;</a> <a href="https://people.com/movies/maya-hawke-knows-parents-ethan-hawke-and-uma-thurman-helped-her-get-in-the-door/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://people.com/movies/maya-hawke-knows-parents-ethan-hawke-and-uma-thurman-helped-her-get-in-the-door/</a> <a href="https://www.vogue.com.au/celebrity/interviews/gigi-hadid-on-paparazzi-social-media-haters-and-learning-to-say-no/news-story/d572e9c897008798f0c34c3915d6f636" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.vogue.com.au/celebrity/interviews/gigi-hadid-on-paparazzi-social-media-haters-and-learning-to-say-no/news-story/d572e9c897008798f0c34c3915d6f636</a> &nbsp;

ซีรีส์ ‘Resident Playbook’ เดินทางมาถึงตอนที่ 6 แล้ว โดยในตอนนี้ได้นำเสนอ ‘ความยากลำบากของการเป็นแม่’ ผ่าน 3 เคสตัวอย่างในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน นับตั้งแต่ผู้หญิงที่พยายามตั้งครรภ์
กำลังตั้งครรภ์ ไปจนถึงช่วงคลอดบุตร ว่าพวกเธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดใดบ้าง

ความยากลำบากของการเป็นแม่ 3 เคสตัวอย่างจาก ‘Resident Playbook’ ซีรีส์ที่ว่าด้วยชีวิตการทำงานของเหล่าแพทย์ประจำบ้านด้านสูตินรีเวช

America's Sweetheart หรือ ‘หวานใจอเมริกัน’ ใช้อธิบายถึงบุคคลสาธารณะและโดยทั่วไปแล้วมักเป็นผู้หญิงที่เป็นที่รักและที่ชื่นชมของประชาชน มีบุคลิกนอบน้อมอ่อนโยน ดูเข้าถึงง่าย และไม่มากก็น้อย มันมีวงเล็บล่องหนที่หมายถึงการไม่แสดงความเห็นขัดแย้งใคร สุภาพ หัวอ่อนและว่าง่ายด้วยด้วย

ศิลปินหญิงกับการงัดข้อกับขนบของการเป็น America’s Sweetheart ตำแหน่งสาวน้อยน่ารักแห่งชาติ ที่ต้องไม่มีปากมีเสียง

กลุ่มสยามพิวรรธน์ ได้เล็งเห็นการต่อยอดที่ประเทศไทยมีกฏหมายสมรสเท่าเทียมประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงจัดงาน มหกรรมเฟสติวัลระดับโลก Bangkok Pride Festival 2025 และ งาน “The Celebration : Right to Love 2025” 

ความหลากหลายทางเพศที่เบ่งบานไปทั่วงาน Bangkok Pride Festival 2025 โดยกลุ่มสยามพิวรรธน์และพันธมิตร  พร้อมดันไทยเป็นหมุดหมายช่วง Pride Month ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS