“มันก็เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอได้” – อิงฟ้า วราหะ Miss Grand Thailand 2022

“เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ” ประโยคที่มีปัญหา เมื่อ ทอม และ ชายข้ามเพศ ถูกกระทำความรุนแรงทางเพศมากกว่าชายที่ตรงเพศกำเนิด 4 เท่า

เป็นกระแสอยู่หลายวันกับประโยคที่ อิงฟ้า วราหะ Miss Grand Thailand 2022 ตอบโต้ชาวเน็ตที่เข้ามาถามเรื่องเพศสภาพท่ามกลางข่าวลือว่าเธอกำลังคบหาดูใจกับคนในวงการ โดยอิงฟ้ายืนยันว่าเธอชอบได้ทุกเพศ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ประโยคที่เป็นปัญหา และทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ถึงทัศนคติคือ “มีแฟนเป็นทอม ก็เป็นคิงได้ทำไม มันงงอะไร มันก็เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอได้” เหตุที่ประโยคนี้มีปัญหาเพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว “เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ” มักถูกพูดโดยเพศชาย ที่มาพร้อมกับมายด์เซตที่ว่าคนเป็นทอมเมื่อได้ลองมีเซ็กซ์กับผู้ชายก็มักจะติดใจและกลับไปเป็นผู้หญิง และอาจนำไปสู่ความรุนแรงทางเพศในที่สุด เพราะเชื่อว่าตนเองจะทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจได้ อย่างไรก็ตามในครั้งนี้ที่ผู้พูดจะเป็นเพศสภาพหญิงและเป็น LGBTQ+ ก็ทำให้เลเยอร์ของประโยคนี้ซับซ้อนขึ้นอีก แน่นอน การที่อิงฟ้ายืนยันในโพซิชั่นของตัวเองว่าเธอเป็นคิง aka รุก นั้นไม่ได้ผิดอะไร เพราะก็ถือเป็นการขีดเส้นว่าเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และหากว่ากันถึงรสนิยมทางเพศ ทอมเองก็อาจเป็นฝ่ายรับได้เช่นกัน หากนั่นเป็นความต้องการของเขาจริงๆ แต่ขณะเดียวกันกระแสที่เกิดขึ้นก็ทำให้เห็นว่า แม้ผู้พูดจะไม่ใช่เพศชายที่โดยภาพรวมยังคงเป็นเพศที่มีอำนาจในมือมากกว่าเพศอื่นๆ ผู้คนก็ยังมีปัญหากับประโยคนี้อยู่ดี (ก็เพราะมันเป็นปัญหาจริงๆ ยังไงล่ะ) จากสถิติแล้ว ทอม รวมถึงผู้ชายข้ามเพศ ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศมากกว่าผู้ชายตรงเพศ (cisgender) ถึง 4 เท่า และส่วนหนึ่งนั้นอาจมาจากความเชื่อที่ว่าพวกเขาอาจถูกเปลี่ยนได้จากการมีเซ็กซ์ และยังสะท้อนปัญหาว่าลึกๆ คนยังไม่ยอมรับการมีอยู่ของ LGBTQ+ การศึกษาโดย Williams Institute ประจำ UCLA School of Law ชี้ให้เห็นว่าคนข้ามเพศทั้งหญิงข้ามเพศ และชายข้ามเพศ มีโอกาสมากกว่าคนตรงเพศกำเนิด 4 เท่า ที่จะมีประสบการณ์การตกเป็นเหยื่อความรุนแรง ได้แก่ การข่มขืน การทารุณทางเพศ และการถูกทำร้าย โดยนักวิจัยได้วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมจาก National Crime Victimization Survey เขาพบว่า ในปี 2560-2561 คนข้ามเพศอายุ 16 ปีขึ้นไป ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงไปแล้ว 86.2 ต่อ 1,000 คน เทียบกับคนตรงเพศกำเนิดที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง 21.7 ต่อ 1,000 คน หากจำแนกอัตราการตกเป็นเหยื่อความรุนแรงให้มากขึ้นจะพบว่า ผู้ชายข้ามเพศตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศ 107.5 ต่อ 1,000 คน เทียบกับผู้ชายตรงเพศกำเนิด 19.8 ต่อ 1,000 คน และผู้หญิงข้ามเพศตกเป็นเหยื่อ 86.1 ต่อ 1,000 คน เทียบกับผู้หญิงตรงเพศกำเนิดที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง 23.7 ต่อ 1,000 คน ซึ่งหากอิงจากงานวิจัยนี้จะเห็นได้เลยว่าผู้ชายข้ามเพศมีอัตราการถูกทำร้ายสูงสุด ดังนั้น เราถึงย้ำว่า การเอาค่านิยมเปลี่ยนทอมให้เป็นเธอมาพูด ก็ดูจะไม่ตลกกับเหยื่อความรุนแรงในชีวิตจริงแม้แต่น้อย ในไทยเองก็มีทอม และชายข้ามเพศถูกข่มขืน หรือล่วงละเมิดทางเพศอยู่มากทั้งออกข่าว และไม่ออกข่าว และความน่าเศร้าคือแทบจะไม่มีสถิติไหนเปิดเผยตัวเลขความรุนแรงทางเพศที่เกิดกับคนข้ามเพศ และ LGBTQ+ เท่าไรนัก แต่หากอิงจากสถิติ สสส. ที่พบว่าหญิงไทยถูกละเมิดทางเพศ ถูกกระทำความรุนแรงทางร่างกายหรือจิตใจ ไม่น้อยกว่า 7 คนต่อวัน และมีสถิติผู้หญิงที่เข้ารับการบำบัดรักษา แจ้งความร้องทุกข์ประมาณปีละ 30,000 คนต่อปี ถ้านิยามความเป็นหญิงในสถิตินี้หมายถึงการดูจาก ‘เพศกำเนิด’ เนื่องจากในไทยยังไม่ได้มีการเก็บข้อมูลที่ inclusive เรื่อง LGBQ+ ก็อาจอนุมานได้ว่า ตัวเลขความรุนแรงที่พบนั้นมีทอม หรือคนชายข้ามเพศอยู่ในนั้น เพราะหลักฐานก็ชี้ชัดได้จากข่าวความรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ตามหน้าสื่อ เราทุกคนไม่มีสิทธิ์คิดเปลี่ยนเพศสภาพ หรือรสนิยมทางเพศของใคร เพราะนอกจากจะเป็นการไม่เคารพตัวตนของคนคนนั้นในฐานะมนุษย์คนหนึ่งแล้ว การ ‘อยาก’ เปลี่ยนคนอื่น มันยังส่งต่อความรุนแรงในรูปแบบการล่วงละเมิด คุกคาม และข่มขืน ที่อาจพังชีวิตจิตใจคนคนหนึ่งได้เลย ฉะนั้น ใครที่ติดพูดเล่นๆ และบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ก็อยากให้คิดกันให้มากขึ้น เพื่อสังคมที่น่าอยู่ ส่วนใครอยากอ่านเกี่ยวกับปัญหาของการ Sexualize “เปลี่ยนทอมให้เป็นเธอ” เพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่: <a href="https://www.mirrorthailand.com/culture/100443" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.mirrorthailand.com/culture/100443</a> คิดเห็นอย่างไร คอมเมนต์แลกเปลี่ยนกันได้นะ อ้างอิง: <a href="https://www.brighttv.co.th/entertain/engfa-live-drama" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.brighttv.co.th/entertain/engfa-live-drama</a> <a href="https://tna.mcot.net/social-897629" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://tna.mcot.net/social-897629</a> <a href="https://williamsinstitute.law.ucla.edu/press/ncvs-trans-press-release/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://williamsinstitute.law.ucla.edu/press/ncvs-trans-press-release/ </a>

อิทธิพลของความหวาดหวั่นต่อความไม่รู้ว่าความตายและชีวิตหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร ถูกถ่ายทอดออกมาในหนังไอคอนิกหลายเรื่องในหลายยุคสมัย ผ่านตัวละครหนึ่งที่เรียกถูกว่า Angel หมายถึง ‘เทพ’ หรือ ‘เทวดา’ ผู้ถูกส่งมาทำภารกิจอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นความตายของมนุษย์บนโลก ตั้งแต่เป็น Messenger ผู้นำพาดวงวิญญาณมนุษย์ที่หมดอายุขัยไปส่งยังโลกหลังความตาย จนถึงเป็นผู้เก็บกวาดความยุ่งเหยิงที่มนุษย์สร้างขึ้น 

Angel / Human / Death ชวนมองหนังไอคอนิกที่พูดถึง Angel หรือการมีอยู่ของเหล่า ‘เทพ’ บนโลกมนุษย์ ผู้ทั้งปลอบประโลม และช่วยให้มนุษย์มองเห็นคุณค่าของชีวิต

Ramisha Sattar ศิลปินเชื้อสายปากีฯ 
ผู้เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็น ผู้อยู่เบื้องหลัง
วิชวลปังๆ ของ Chappell Roan

Love in the Big City ภาพยนตร์โรแมนติก คอมเมดี้จากเกาหลีใต้ที่ฉายภาพมิตรภาพและการเติบโตของ ‘แจฮี’ หญิงสาว ที่มักโดนมองว่า บ้าบิ่น หลุดโลก หลุดกรอบของผู้หญิงที่สังคมกำหนดให้ และ ‘ฮึงซู’ เกย์หนุ่มที่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพศวิถีของตน จนสร้างกำแพงสูง และไม่ได้เป็นตัวเอง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS