จากการสำรวจของบริษัท Dove พบว่าผู้หญิงจากกลุ่มสำรวจกว่า 50% เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถดูดีได้ถ้าไม่มีการแต่งรูป และอีก 60% ก็รู้สึกไม่โอเค ที่หน้าจริงของตัวเองไม่สามารถสวยได้แบบรูปที่แต่งออกมา

เทรนด์เลิกใช้ฟิลเตอร์ใน TikTok การปฏิเสธค่านิยมความงาม หรือแค่ขิงว่าไม่ต้องมีฟิลเตอร์ฉันก็งามได้?

ขณะที่ฟิลเตอร์ทั้งหลายในโซเชียลมีเดีย กลายเป็น ‘ทางรอด’ ของใครหลายคน แต่อีกทางหนึ่งมันก็ทำให้อีกหลายคนรู้สึกพอใจกับหน้าแท้ๆ ของตัวเองน้อยลง และไม่สบายอกสบายใจทุกครั้งถ้าจะเปิดเผยหน้าไร้ฟิลเตอร์ของตัวเองเทรนด์หนึ่งใน TikTok จึงเกิดขึ้น นั่นคือการถ่ายคลิปตัวเองโดยเริ่มจากมีฟิลเตอร์ฉ่ำ จากนั้นค่อยกดเอาฟิลเตอร์ออกเพื่อเผยหน้าจริงให้ชาวเน็ตได้เห็น โดยพื้นฐานมันก็คือการปฏิเสธมาตรฐานความงามที่มาพร้อมกับฟิลเตอร์ช่วยชีวิตทั้งหลาย ไม่ว่าจะทำให้ปากน่าจุ๊บ แก้มระเรื่อ ผิวเนียน ตาโต ตาคม ฯลฯ การปลดฟิลเตอร์ออกก็เท่ากับการบอกทุกคนว่าเรามีหน้าตาธรรมดาๆ อย่างที่เป็นกันอยู่ก็ได้นะว่าแต่ฟิลเตอร์ดันเพดานมาตรฐานความงามให้สูงขึ้นได้จริงหรือ? จากคำถามนี้ มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าจริง จากการสำรวจของบริษัท Dove พบว่าผู้หญิงจากกลุ่มสำรวจกว่า 50% เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถดูดีได้ถ้าไม่มีการแต่งรูป และอีก 60% ก็รู้สึกไม่โอเค ที่หน้าจริงของตัวเองไม่สามารถสวยได้แบบรูปที่แต่งออกมาความรู้สึกเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้ผู้คนต้องสรรหาการแต่งหน้า รวมถึงการเข้าคลินิกพบแพทย์เพื่อทำให้ตัวเองสวยขึ้น เหมือนในโซเชียลมีเดีย และทัดเทียมกับคนอื่นๆ (ที่ก็อาจจะแต่งรูปเหมือนกัน) ได้มากขึ้น ซึ่งถ้าเป็นสิ่งที่เลือกแล้วก็แล้วไป แต่หลายครั้ง หากไม่มีฟิลเตอร์มาเป็นตัวกระตุ้น เราอาจไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นก็ได้หรือเปล่า?สิ่งเหล่านี้เอง ที่เป็นต้นทางให้เกิดเทรนด์การปฏิเสธฟิลเตอร์ในติ๊กต๊อก สาวๆ ตะวันตกหลายคนต่างชื่นชมว่าเทรนด์นี้เป็นเทรนด์บิวตี้ที่ปังและเฮลตี้ที่สุดแล้ว แต่เทรนด์นี้ช่วยทำให้มาตรฐานความงามในสังคมลดน้อยลงจริงไหม อันนี้เรายังไม่แน่ใจขณะที่บางคนปลดฟิลเตอร์ออก และเผยหน้าตาที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เช่น การมองเห็นรอยสิวหรือริ้วรอยใดๆ ที่คนทั่วไปมีกัน แต่เรายังเห็นอินฟลูเอนเซอร์หลายคนที่เมื่อปลดฟิลเตอร์ออก พวกเธอก็ยังคงมีใบหน้าที่เป็นไปตามมาตรฐานความงาม-ผิวเนียน อมชมพู หน้าสวย ฯลฯ และบอกกับทุกคนว่านี่คือใบหน้า “ธรรมชาติ” และ “สุขภาพดี” ซึ่งแน่นอนว่าคนที่ใบหน้าธรรมชาติไม่ได้สวยงาม หรือดูสุขภาพดีอย่างอินฟลูฯ เหล่านั้น ก็อาจยิ่งไม่กล้าเผยหน้าสดของตัวเอง และยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเองไปอีกก็ได้&nbsp;ที่สุดแล้วมันอาจเป็นแค่เทรนด์หนึ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่มันจะเป็นเพียงของเล่นอีกชิ้นของคนที่มีใบหน้าตามมาตรฐานความงามของสังคมหรือเปล่า เป็นสิ่งที่เราอยากชวนให้ตั้งคำถามกันอ้างอิง<a href="https://www.dazeddigital.com/beauty/head/article/55837/1/tiktok-users-are-rejecting-filters-and-embracing-their-natural-faces" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.dazeddigital.com/beauty/head/article/55837/1/tiktok-users-are-rejecting-filters-and-embracing-their-natural-faces </a><a href="https://www.dazeddigital.com/beauty/head/article/55837/1/tiktok-users-are-rejecting-filters-and-embracing-their-natural-faces" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.dove.com/ca/en/dove-self-esteem-project.html</a>

Ramisha Sattar ศิลปินเชื้อสายปากีฯ 
ผู้เป็นทั้งเพื่อนรักและเป็น ผู้อยู่เบื้องหลัง
วิชวลปังๆ ของ Chappell Roan

LISA ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยครั้งแรกว่า “รอยยิ้มที่มั่นใจ มันมาจากอินเนอร์ หนูเชื่อว่าทุกคนมีรอยยิ้มที่สวยงาม และเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ถ้าเรามั่นใจ มีรอยยิ้มที่มั่นใจ มันก็จะส่งผลให้คนที่มองเรา มีความสุขไปด้วย”

LISA ผู้แทนตัวเองเป็น Boss Lady และใช้รอยยิ้มที่มั่นใจจากข้างใน ส่งต่อความสุขให้แฟนๆ ออกมาข้างนอก

ขณะที่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่รู้สึกเชื่อมโยงกับขนมโบราณอย่างวากาชิไม่ได้ ร้านขายวากาชิเจ้าดั้งเดิมเลยเกิดแนวคิดว่า "ถ้าเราเปลี่ยนวรรณกรรมชื่อดังให้กลายเป็นวากาชิได้ แม้แต่คนที่ไม่คุ้นเคยกับวากาชิก็อาจจะสนใจลองชิม"

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Social Issues

เทรนด์เลิกใช้ฟิลเตอร์ใน TikTok การปฏิเสธค่านิยมความงาม หรือแค่ขิงว่าไม่ต้องมีฟิลเตอร์ฉันก็งามได้?

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

SERENE

RELATED

HOT TOPICS