Negging การชมแบบแอบด้อยค่าคนรัก ที่นักจิตวิทยามองว่าเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง
Negging การชมแบบแอบด้อยค่าคนรัก ที่นักจิตวิทยามองว่าเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง

Negging การชมแบบแอบด้อยค่าคนรัก ที่นักจิตวิทยามองว่าเป็นความรุนแรงอย่างหนึ่ง

by PATCHSITA PAIBULSIRI07 Jul 2022

แชร์บทความนี้

แต่ละคนคงมีวิธีจีบหรือวิธีดำเนินความสัมพันธ์ที่แตกต่างกันไป และหนึ่งในวิธีที่หลายคนก็ตกหลุมไปโดยไม่รู้ตัวก็คือ ‘Negging’ หรือการหว่านล้อมให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ดีเด่อะไรหรอก แต่กลับได้เป็นคนพิเศษเพราะมีคนคนนึงอุตส่าห์มาหลงรักและทำดีด้วย

“ปกติฉันไม่ชอบติ่งเกาหลีเลยนะ เธอเป็นคนแรกเลย”, “ปกติฉันไม่ชอบคนอ้วนนะ แต่เธอทำให้ฉันชอบได้” หรือ “ถ้าเป็นคนอื่นทำอะ เราคงอี๋มากเลย แต่เป็นเธอ หยวนๆ ก็ได้” หลายครั้งประโยคเหล่านี้ก็อาจชวนให้งงว่า เอ๊ะ นี่เราต้องเจ็บมั้ยนะ หรือไม่เจ็บก็ได้ เพราะเขาชอบเราไงเตง นานไปมันอาจสะสมเป็นปมในใจที่แก้ยากยิ่งกว่าเสาไฟฟ้าประเทศไทย และส่งผลต่อการมองเห็นคุณค่าในตัวเองที่ลดลงด้วย

Negging เป็นหนึ่งใน Emotional Manipulation หรือการควบคุมความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่าย ในที่นี้ส่วนมากจะมาในรูปแบบคำชมที่แฝงมาด้วยคำแซะ คำเหน็บ หรือการดูถูกซึ่งพูดออกมาโดยอ้างว่าแค่แสดงความคิดเห็นเฉยๆ พูดง่ายๆ ว่าเป้าหมายของการ Negging คือการทำให้อีกฝ่าย Self-Esteem ต่ำลง เพื่อให้จีบง่ายขึ้นในกรณีที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน และเมื่อเป็นแฟนกันก็จะใช้คอนโทรลอีกฝ่ายง่ายขึ้น เพื่อให้ตัวเองดูสูงส่งกว่าอีกฝ่าย และบางครั้งมันก็เกิดขึ้นโดยที่บางคนอาจจะทำไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

“Negging คือการแจกจ่ายคำชมเชยที่ดูชัดเจน แต่แฝงการดูถูก เพื่อบ่อนทำลายความมั่นใจของใครบางคน และการใช้เวลากับใครบางคนที่บั่นทอนคุณ เพื่อให้ตัวเขารู้สึกดีขึ้น มันไม่เคยสนุก และไม่เป็นผลดีในความสัมพันธ์ระยะยาวแน่ๆ” อเล็กซ์ เมลเลอร์-บรู๊ค (Alex Mellor-Brook) ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกเดท กล่าว และ เออร์เนสโต ลีรา เด ลา โรซา (Ernesto Lira de la Rosa) นักจิตวิทยาคลินิกยังบอกว่านี่ไม่ใช่วิธีการจีบที่ถูกต้อง เพราะ “Negging คือความรุนแรงรูปแบบหนึ่ง”

บางคนอาจจะชินกับวลี ผู้ชายแกล้ง ผู้ชายร้ายใส่ แปลว่าผู้ชายชอบ ก็ต้องบอกว่ามันมีจริงๆ ไม่ได้มีแค่ในซีรีส์แน่นอน และแกล้งในที่นี่ ไม่ได้มีแค่การลงมือทำร้ายร่างกาย แต่การแกล้งด้วยคำพูดดูถูก เพื่อใช้ลองใจ หรือทำให้ตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่าย เพราะคิดว่าสนุกดี เท่ดี พอมาเกิดขึ้นในชีวิตจริงนอกจอ มันไม่ได้น่าอภิรมย์ หรือโรแมนติกหวานแหวว แต่เป็นความรุนแรงที่เหมือนตบหัวด้วยการทำร้ายจิตใจกันก่อน แล้วลูบหลังด้วยประโยคบอกรัก และการทำพฤติกรรมแย่ๆ แบบนี้จึงไม่ควรถูกทำให้ปกติเพื่อใช้เข้าหาใคร

“วัฒนธรรมที่แพร่หลายเชื่อว่า หากมีใครสักคนมาปฏิบัติไม่ดีต่อคุณ นั้นเป็นสัญญาณของความชอบ ทำให้การกระทำที่ไม่ดีดูเหมือนเป็นเรื่องยอมรับได้ ที่จะทรีตคุณแบบนั้น…มันเป็นพฤติกรรมที่ท็อกซิก และไม่ควรจะทำให้เป็นปกติ เพราะว่ามันไร้ศีลธรรม และลดทอนความเป็นมนุษย์” มุมมองของ ซิลวี่ แซกเซนา (Silvi Saxena) นักสังคมสงเคราะห์ ซึ่งมันสะท้อนสังคมที่มองว่าความรุนแรงจะมีแค่การลงไม้ลงมือ จนเกิดบาดแผลตามตัว แต่ความเป็นจริงความรุนแรงยังเกิดขึ้นทางจิตใจด้วยจากเรื่องที่คนมองข้ามไป

“ทุกครั้งที่มีคนควบคุมจิตใจของใครอีกคนเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ถือเป็นความรุนแรง 100%” แซกเซนา กล่าว ซึ่งก็มีหลายประโยคที่หลายคนชินชา คิดว่ามันดูปกติ หรือไม่ก็อาจจะไม่รู้จริงๆ ว่าพูดแบบนี้มันเป็นการดูถูกอีกฝ่าย

“คงไม่มีใครทนเธอได้เท่าเราแล้วแหละ”
“คุณน่าสนใจกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลย”
“ฉันชอบชุดของคุณมาก แต่รองเท้าที่ใส่มา มันแอบไม่เข้ากันป้ะ”
“คุณจะดูสวยมาก ถ้าลดน้ำหนักอีกหน่อย”
“ผมชอบผู้หญิงผมสั้นมากกว่า (พูดทั้งที่เราผมยาว)”
ฯลฯ

ที่เรายกตัวอย่างมา มันก็สะท้อนทัศนคติบางอย่างของผู้พูดได้เหมือนกัน และเชื่อว่าหลายคนฟังแล้วก็คงรู้สึกแย่กับตัวเอง หรืออยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมากขึ้น ทั้งๆ ที่…เราต้องเปลี่ยนเพื่อเขา หรือเชื่อฟังเขาจริงๆ เหรอ?

“มีวิธีสื่อสารความรู้สึก และแสดงออกทางความรักอีกมาก การพูดสิ่งที่ใจร้าย และทำร้ายจิตใจ ไม่ใช่วิธีการจีบที่ควรยอมรับ หรือเหมาะสมเลยนะ” แซกเซนา เสริมต่อว่า การควบคุมจิตใจให้อีกฝ่ายรู้สึกด้อยค่าลง ส่งผลต่อวิธีการมองการกระทำของตัวเอง หรือมุมมองที่มีต่อตัวเอง และโลก

บางคนอาจจะออกจากบ้านมาด้วยความมั่นใจ ว่าฉันสวย แต่พอเจอคนทัก ก็ทำให้กลับมาโบยตีตัวเองว่ายังสวยไม่พอ ต้องลดน้ำหนัก ต้องเลิกทาปากสีนี้ แต่งตัวแบบนี้ ซึ่งหนักเข้าก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้กลายเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง และต้องรอการถูกยอมรับจากใครบางคน ซึ่งแน่นอน ในที่นี้ ก็คือพวก Negger ที่แอบคอนโทรลคุณอยู่

“จำไว้ว่า คุณไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับพวกเขา” แซกเซนาบอกว่า วิธีรับมือ มันก็อาจจะพูดง่ายๆ ว่า “ถ้าพวกเขาไม่ใช่คนที่ใกล้ชิดคุณ คุณก็แค่เมินเขาไปเลย” แต่ถ้าเป็นคนที่ใกล้ชิด หรือคุณดันตกหลุมรักเขาไปแล้ว สิ่งที่คุณทำได้มันอาจเริ่มต้นที่การเผชิญหน้ากับเขา บอกทุกความไม่ชอบให้เขาได้รู้ เพราะ “คุณไม่ควรกลัวที่จะพูดความคิดของคุณ และยืนหยัดเพื่อตัวคุณเอง”

หรือถ้าคิดประโยคพูดกับเขาไม่ออก จอห์น แมทธิวส์ (John Mathews) นักบำบัด ก็ชี้แนะว่าลองพูดแบบนี้ตามก็ได้ “เมื่อคุณแสดงความคิดเห็นแบบนั้น มันทำให้ฉันทั้งโกรธ และเจ็บปวด โกรธเพราะว่าคุณพยายามทำให้ฉันรู้สึกแย่ และเจ็บปวดเพราะฉันรู้แรงจูงใจของคุณ แต่คำพูดของคุณก็ยังส่งผลกระทบต่อฉันอยู่ดี”

ไม่ว่าจะจีบโดยวิธี Negging หรือประครองความรักด้วยวิธี Negging ล้วนเป็นการกระทำที่อันตราย และสร้างบาดแผลให้อีกฝ่าย การจีบ หรือการเติมความรัก ให้คนที่คุณรักที่เฮลตี้ คือการใส่ใจอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด ไม่ต้องลดทอนคุณค่า ไม่ต้องคิดแผนเพื่อลองเชิงอะไรบางอย่าง เพราะอย่าลืมว่านี่คือเส้นทางของความสัมพันธ์ ไม่ใช่วิดิโอเกมที่ต้องใช้ชั้นเชิงอะไรเยอะแยะเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ

“เมื่อคู่ของคุณวิจารณ์คุณมากเกินไป มันจะทำให้คุณเสียขวัญ และลดความนับถือในตัวเอง จากนั้นคุณก็จะบิดตัวเองเป็นเกรียว เปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อทำให้คู่ของคุณพอใจ ขณะที่แพทเทิร์นการวิจารณ์คุณลบๆ จะเกิดขึ้นต่อไป มันกลายเป็นรูปแบบการควบคุมที่ลดทอนคุณ ทำให้คุณต้องรู้สึกพึ่งพาเขา รูปแบบความสัมพันธ์ลบๆ นี้จะวนเวียนไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะจากไป” เมลินดา คาร์เวอร์ (Melinda Carver) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ กล่าว

รักที่ดีต้องไม่ลดทอนคุณค่าของอีกฝ่าย แต่ต้องเพิ่มให้อีกฝ่ายรู้สึกมีคุณค่าเพิ่มขึ้นต่างหากล่ะ และสำหรับใครที่มีมายเซ็ทฝังหัวว่า การเข้าหาแบบร้ายๆ แบดๆ ผู้หญิงทุกคนจะชอบ ต้องบอกไว้ตรงนี้ว่า นอกจากจะไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบแล้ว คุณกำลังสร้างความเกลียดชังในตัวเองของคนที่คุณตกหลุมรักอยู่ ซึ่ง…จะทำไปเพื่ออะไรนะ?

อ้างอิง:

https://www.bustle.com/p/what-is-negging-7-signs-someone-is-doing-it-to-you-72174

https://www.irishexaminer.com/lifestyle/relationships/arid-40343162.html

https://www.mindbodygreen.com/articles/negging/

https://www.womenshealthmag.com/relationships/a39439243/negging-meaning/

...

แชร์บทความนี้

RELATED

HOT TOPICS

...

...