การที่บียอนเซ่ถูกวงการคันทรีปฏิเสธไม่ใช่เพียงเพราะเธอคือป๊อปสตาร์ แต่ยังเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนดำ และเหตุที่วงการเพลงคันทรีในอเมริกาซีเรียสเรื่องสีผิวกันนัก จนเกิดแฮชแท็กที่ว่า #CountryMusicIsSoWhite ก็มีที่มาตั้งแต่ยุค 20s กันเลยทีเดียว

Beyonce กับการกลับมาทำเพลงคันทรีอีกครั้ง ในอัลบั้ม Cowboy Carter ที่แม้จะมีดราม่าแต่ก็ตอกย้ำว่าเธอจริงจังกับมัน

กลายเป็นศึกในวงการเพลงอเมริกาไปแล้ว เมื่อ Beyonce ออกอัลบั้ม Cowboy Carter อัลบั้มเพลงคันทรีที่หลายคนคงได้ฟังสองซิงเกิลแรกอย่าง Texas Hold’em และ 16 Carriages กันไปแล้ว ความเซอร์ไพรส์ในการเป็นนักร้องหญิงผิวดำทำเพลงคันทรีและการสนับสนุนจากแฟนเพลงของเธอก็ทำให้ เพลง Texas Hold’em ของบียอนเซ่ ขึ้นอันดับ 1 ทั้ง Billboard’s Hot Country Songs Chart และ Billboard Charts Hot 100&nbsp;แต่ถึงอย่างนั้น ดราม่าที่ทุกคนคาดไว้แล้วว่าจะต้องมีก็ได้เกิดขึ้น เมื่อสถานีวิทยุเพลงคันทรีชื่อ “KYKC 100.1 FM” ในเมืองเอดา รัฐโอคลาโฮมา ปฏิเสธที่จะเปิดเพลงของบียอนเซ่ โดยให้เหตุผลว่านี่เป็นสถานีวิทยุเพลงคันทรี และบียอนเซ่ไม่ใช่ศิลปินแนวเพลงคันทรี!<img src="https://media.thairath.co.th/image/P8bd2lLRNkJEeeLAWnaAQxDe3torrHR2ilMZcJ2LKO4e9vA1.jpg" data-id="101499" data-url="https://media.thairath.co.th/image/P8bd2lLRNkJEeeLAWnaAQxDe3torrHR2ilMZcJ2LKO4e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">จะว่าไปแล้ว การที่เธอถูกปฏิเสธไม่ใช่เพียงเพราะเธอคือป๊อปสตาร์ แต่ยังเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนดำ และเหตุที่วงการเพลงคันทรีในอเมริกาซีเรียสเรื่องสีผิวกันนัก จนเกิดแฮชแท็กที่ว่า #CountryMusicIsSoWhite ก็มีที่มาตั้งแต่ยุค 20s กันเลยทีเดียวศาสตราจารย์ Charles Hughes แห่ง Rhodes College อธิบายเรื่องนี้ว่า การที่แนวเพลงคันทรีเป็นพื้นที่ของคนขาว เกิดขึ้นในช่วงยุค 1920s ที่มีการก่อตั้งบริษัทบันทึกเสียงเพลงเพื่อจัดจำหน่าย โดยมีการจัดแบ่งประเภทของดนตรี ไม่ว่าจะเป็น แจ๊ซ โซล หรือคันทรี ซึ่งการจัดแบ่งประเภทของงานเพลงนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อแยกงานดนตรีออกจากกันเท่านั้น แต่ยังเพื่อผลทางการตลาดด้วย โดยจะมีการกำหนดเอาไว้เลยว่าเพลงประเภทไหนมีกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร ซึ่งในยุคนั้นกลุ่มเป้าหมายก็จะยึดหลักเชื้อชาติ สีผิวเป็นหลัก เช่น เพลงแจ๊ซหรือกอสเปล จะมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนแอฟริกัน-อเมริกัน ในขณะที่เพลงคันทรีนั้นมีการกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นคนขาวตามชนบทของอเมริกา&nbsp;และจากนั้นเป็นต้นมาแนวเพลงคันทรีก็ถูกตีขลุมว่าเป็นเพลงของคนขาวในอเมริกาไปโดยปริยาย และถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและชาติพันธุ์ ทั้งจากนักการเมืองและนายทุนผู้มีอิทธิพลในวงการเพลงคันทรีHarlan Howard ศิลปินเพลงคันทรีระดับตำนาน กล่าวว่าสิ่งที่บอกว่าอะไรเป็นเพลงคันทรีนั้น มีองค์ประกอบคือ คอร์ด 3 คอร์ดและ ‘ความจริง’ โดย 3 คอร์ดที่มักจะใช้ในเพลงคันทรีนั้น ได้รับอิทธิพลมาจากแนวเพลงบลูส์และสไตล์เพลงของสกอต-ไอริช ส่วนความจริงที่ว่าก็คือความจริงที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเพลง โดยมักจะมีเนื้อความของเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตที่มีความยากลำบาก การกล่าวถึงพระเจ้า วิสกี้ การเดินทางและครอบครัวที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต&nbsp;และเมื่อมาถึงปีนี้แล้ว การที่ใครสักคนไม่ได้รับการยอมรับในวงการเพลงคันทรีเพียงเพราะไม่ใช่คนขาวตามธรรมเนียมที่สั่งสมมา ก็นับว่าน่าเจ็บใจไม่น้อย และมีคนตั้งข้อสังเกตว่า การที่บียอนเซ่ตัดสินใจออกอัลบั้มเพลงคันทรีอีกครั้ง อาจเป็นการแก้แค้นอันแสนหวานของเธอจากเรื่องราวในปี 2016 ก็ได้ในปี 2016 บียอนเซ่ออกอัลบั้ม Lemonade (ซึ่งเป็นอัลบั้มที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก ทั้งการเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวเรื่องการที่สามีนอกใจเธอในเพลง Sorry หรือการพูดถึงการถูกกระทำของคนผิวดำในเพลง Formation) และอีกหนึ่งเพลงในอัลบั้มนี้อย่าง Daddy Lessons เป็นเพลงสไตล์คันทรี และในตอนนั้นบียอนเซ่ได้ขึ้นโชว์เพลงนี้ในงาน Country Music Association Awards พร้อมกับวง Dixie Chicks (ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น The Chicks) ซึ่งก็ได้กลายเป็นดราม่าใหญ่โต ทั้งฝั่งศิลปินเพลงคันทรีเองอย่าง Travis Tritt ที่ออกมากล่าวประณาม CMAA ว่าไม่ควรให้บียอนเซ่ขึ้นแสดงเพราะเธอไม่ใช่ศิลปินเพลงคันทรี และวงการเพลงคันทรีก็อยู่ได้โดยไม่ต้องมีป๊อปสตาร์อย่างบียอนเซ่ ทางด้านแฟนเพลงคันทรีก็ออกมาต่อต้านการแสดงครั้งนี้หลังจากเห็นไลน์อัปการแสดงบนเวทีว่ามีบียอนเซ่ด้วย ไปจนถึงตัวองค์กร CMAA เองที่ถอดคลิปการแสดงครั้งนี้ออกจากเว็บไซต์ไปเลยตัดภาพมาที่ปี 2024 การกลับมาทำ Cowboy Carter เป็นอัลบั้มคันทรีเต็มตัว ก็ยังไม่วายเกิดดราม่าอยู่ดี แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าบียอนเซ่ไม่ได้ทำเพลงคันทรีเล่นๆ แต่เธอจริงจังและจริงใจกับมัน ซึ่งน่าจะเป็นข้อพิสูจน์ที่เปิดทางให้หลายๆ คนเริ่มมองเห็นแล้วว่าเส้นแบ่งของสีผิวและเชื้อชาติในวงการนี้ควรจบลงได้แล้วหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้น ป๊อปสตาร์ก็สามารถทำเพลงคันทรีได้ เราไม่จำเป็นต้องใช้แนวเพลงหลักของใครมาเหยียดกันที่ผ่านมา การแจ้งเกิดของศิลปินผิวดำในแนวเพลงคันทรีไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้ระหว่างทางจะมีคนที่ทำได้สำเร็จอยู่บ้าง อย่างก่อนหน้านั้น Tracy Chapman เจ้าของเพลง Fast Car อันโด่งดัง ก็นับเป็นศิลปินหญิงผิวดำคนแรกที่ได้รางวัล Song of the Year จากเวที Country Music Association Awards ซึ่งก็น่าสนใจว่าในปีต่อจากนี้ บียอนเซ่และอัลบั้มเพลงคันทรีของเธอ จะยังถูกเวที Country Music Association Awards ไม่ต้อนรับเหมือนเมื่อครั้งปี 2016 อยู่อีกหรือเปล่าอ้างอิง<a href="https://www.youtube.com/watch?v=6VIRtikKEnw" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.youtube.com/watch?v=6VIRtikKEnw</a> &nbsp;<a href="https://www.usatoday.com/story/entertainment/music/2024/02/20/beyonce-first-black-woman-top-no-1-billboard-hot-country-songs-chart-texas-hold-em/72675043007/" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.usatoday.com/story/entertainment/music/2024/02/20/beyonce-first-black-woman-top-no-1-billboard-hot-country-songs-chart-texas-hold-em/72675043007/</a><a href="https://www.grammy.com/news/5-black-artists-rewriting-country-music-jimmie-allen-kane-brown-mickey-guyton-willie-jones-brittney-spencer" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.grammy.com/news/5-black-artists-rewriting-country-music-jimmie-allen-kane-brown-mickey-guyton-willie-jones-brittney-spencer</a>&nbsp;

ในยุคแห่ง Diversity & Inclusion ที่โลกต่างโอบรับความแตกต่างหลกหลาย ‘ยืดเปล่า’ (YUEDPAO) แบรนด์เสื้อผ้าที่เกิดขึ้นภายใต้บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด ที่ขับเคลื่อนโดยคนรุ่นใหม่มาโดยตลอด จึงขอ Embrace ความหลากหลายผ่านภาพยนตร์สารคดีสั้น ‘รักเรา…ยืดแต่ไม่ย้วย’ นำเสนอเรื่องจริงของความรักแห่งยุคจากคู่รัก 7 คู่ที่เต็มไปด้วยความแตกต่างผ่านหลากหลายมุมมอง รวมถึงแง่มุมของการข้ามผ่านอุปสรรคต่างๆ ที่สะท้อนความสัมพันธ์ ‘ยิ่งยืด ยิ่งพอดี’ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับความรักเท่าเทียม จากกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่กำลังจะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆ นี้ 

‘รักเรายืดแต่ไม่ย้วย’ ภาพยนตร์สารคดีสั้นบอกเล่าความรักหลากเฉดสีของ 7 คู่รักในยุคแห่งความหลากหลาย จากแบรนด์ ‘ยืดเปล่า’

หนึ่งในโมเมนต์ที่ทำให้ใครหลายคนอึ้งทึ่งจากรายการ The Graham Norton Show รายการทอล์กโชว์สัญชาติอังกฤษที่ออกฉายทางช่อง BBC One และดำเนินรายการโดย กราแฮม นอร์ตัน (Graham Norton)

Saoirse Ronan กับการย้ำกลางวงเพื่อนชาย ว่าผู้หญิงหลายคนยังต้องเผชิญความหวาดระแวงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวได้ในชีวิตประจำวัน

เวลานี้หนังที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุด คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ‘The Substance’ จากฝีมือการเขียนบทและกำกับของ คอราลี ฟาร์กีต์ (Coralie Fargeat) หนึ่งในผู้กำกับหญิงที่ทำงานกับประเด็นความรุนแรงของผู้หญิงได้ไม่เหมือนใคร จนไม่เพียงคว้ารางวัล Best Screenplay จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีนี้มาครอง มันยังได้รับเสียงชื่นชมว่าเล่นกับประเด็นความรุนแรงของผู้หญิงได้อย่างเลือดสาด เกรี้ยวกราด และบ้าคลั่งที่สุดด้วย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Music

Beyonce กับการกลับมาทำเพลงคันทรีอีกครั้ง ในอัลบั้ม Cowboy Carter ที่แม้จะมีดราม่าแต่ก็ตอกย้ำว่าเธอจริงจังกับมัน

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

RUNGRAWEE SIRITHAMPHAIBOON

RELATED

HOT TOPICS