การที่วิลได้รู้จัก ‘โรบิน บักลีย์’ รุ่นพี่เลสเบี้ยนที่ได้จับพลัดจับผลูมาร่วมทีมกันเป็นหนึ่งในของขวัญชิ้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา แค่โมเมนต์ที่วิลได้เห็นโรบินจูบกับผู้หญิง ก็ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงได้แล้ว

Will และ Robin ความอบอุ่นใจเล็กๆ ของพี่น้องเควียร์แห่ง Stranger Things ท่ามกลางวิกฤติโลกกลับด้านในฮอว์กิ้นส์ และในโลกจริง ที่การเป็นเกย์ในยุค 80s ถูกตีตราว่าเป็นมะเร็งร้าย

เรื่องราวของ Stranger Things ซีซั่น 5 ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้าย เริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปี 1987 อันเป็นปีที่กองทัพเข้ามายึดครองเมืองฮอว์กินส์เพื่อขุดค้นคำตอบเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติและดำรงไว้ซึ่งความมั่นคง ขณะที่แกงค์ตัวเอกก็พยายามหาทางกำจัดเวคน่าในโลกอัปไซด์ดาวน์ เพื่อหลีกเลี่ยงภัยร้ายที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา‘วิล ไบเออร์ส์’ คือเด็กคนแรกที่ถูกจับตัวไปในโลกอัปไซด์ดาวด์ ตอนที่เขาอายุเพียง 11 ขวบ เมื่อเขากลับออกมา วิลก็พบว่าตัวเองมีบางอย่างที่แปลกไป เขายังคงมีสัญญาณที่เชื่อมต่อกับโลกอีกฝั่งได้ ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มค้นพบว่ามีความรู้สึกบางอย่างกับเพื่อนรักของเขาอย่าง ‘ไมค์’ ซึ่งดูจะเกินคำว่าเพื่อนยุค 80s คือช่วงเวลาแห่งความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์เควียร์ในสหรัฐอเมริกา มันคือยุคที่เชื้อ HIV ถูกเรียกว่า ‘มะเร็งเกย์’ (Gay Cancer) จากที่เซ็กซ์เคยเป็นเรื่องเสรีภาพที่เบ่งบานในยุค 70s ในช่วงเวลานี้เซ็กซ์กลายเป็นเรื่องต้องห้าม โดยเฉพาะเซ็กซ์ของคนเพศเดียวกัน เกย์ถูกตีตราด้วยความเกลียดชังว่าเป็นต้นเหตุของโรคระบาด ฝั่งอนุรักษนิยมมองว่าความตายของเกย์คือบทลงโทษจากพระเจ้า&nbsp;และการคัมเอาท์ในยุคนั้นอาจส่งผลต่อทั้งชีวิต มีความพยายามในการเปิดโปงความเป็นเกย์ของคนจำนวนมาก คนที่เป็นเกย์ต้องเผชิญกับการถูกครอบครัวตัดขาดจนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติ เด็กที่เป็นเกย์ต่างเติบโตขึ้นอย่างเจ็บปวดและหลงทิศหลงทาง นั่นจึงทำให้เกิดคอนเซปต์ ‘Chosen Family’ หรือครอบครัวที่พวกเขาเลือกเอง เพื่อเป็นคนที่คอยเคียงข้างกันและกันในยามที่โลกหันหลังให้ โดยในปี 1987 เอง ชุมชนเกย์ในนิวยอร์กก็ได้ก่อตั้งกลุ่ม ACT UP (AIDS Coalition to Unleash Power) ขึ้นมาเพื่อโอบรับและดูแลกันเองแม้จะมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในโลกภายนอก แต่เมืองฮอว์กินส์ก็ดูจะห่างไกลจากบริบทการต่อสู้ของเควียร์ในอเมริกา และ วิล ก็ได้กลายเป็นเด็กที่เต็มไปด้วยความสับสนและไม่แน่ใจในตัวเอง เขาถูกคนในเมืองจดจำว่าเป็นซอมบี้บอยที่กลับมาจากความตาย ขณะเดียวกันก็เขารู้ดีว่าตัวเองมีความรักให้กับเพื่อนชายและยิ่งทำให้เขา ‘ไม่เหมือนชาวบ้าน’ และเริ่มกลัวในสิ่งที่ตัวเองเป็นดังนั้นการที่วิลได้รู้จัก ‘โรบิน บักลีย์’&nbsp;รุ่นพี่เลสเบี้ยนที่ได้จับพลัดจับผลูมาร่วมทีมกันจึงเป็นหนึ่งในของขวัญชิ้นสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเขา แค่โมเมนต์ที่วิลได้เห็นโรบินจูบกับผู้หญิง ก็ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลงได้แล้วโรบินเป็นคนที่คัมเอาท์ออกมาตั้งแต่ซีซั่น 3 เมื่อเธอบอกกับ ‘สตีฟ แฮร์ริงตัน’ ตรงๆ ว่าเธอไม่ได้ชอบเขา แต่เธอชอบผู้หญิง แน่นอนว่านอกจากสตีฟแล้วก็อาจยังแทบไม่มีใครรู้ เพราะการเปิดเผยความเป็นเกย์ของตัวเองในช่วงเวลานั้นนับเป็นเรื่องสุ่มเสี่ยง และตอนที่วิลแอบเห็นเธอจูบกับแฟนสาวอย่างวิคกี้ในซีซั่น 5 ทีแรกโรบินยังเลือกบอกกับวิลว่านั่นเป็น ‘มิตรภาพ’ อีกแบบที่คนอาจยังไม่เข้าใจ จนกระทั่งเธอได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่วิลมีให้ไมค์ และรู้ว่าเขาเองก็เป็นเกย์เหมือนๆ กัน เธอจึงเลือกที่จะบอกบางอย่างกับเขา ซึ่งเป็นโมเมนต์เล็กๆ ที่แสนทรงพลัง และกลายเป็นคีย์สำคัญที่ช่วยให้วิลแน่ใจในคุณค่าและพลังที่ตัวเองมีและมันเป็นเพียงโมเมนต์สั้นๆ ในอุโมงค์ ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องการคัมเอาท์หรือเพศสภาพ พวกเขาแค่พูดคุยถึงความรักที่เกิดขึ้นอย่างเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์&nbsp;“ตอนที่ฉันเจอแทมมี่ ฉันรู้ว่าคนนี้ใช่เลย กับแทมมี่ฉันเป็นตัวเองได้ในที่สุด เป็นตัวเองทั้งหมด เพราะมีส่วนตัวหนึ่งตัวฉัน ที่ฉันกลัวมันมาตลอด แต่แค่นึกว่าแทมมี่รักฉัน รักทั้งหมดที่ฉันเป็น ฉันคงไม่ต้องกลัวอีก” และแม้ความรักครั้งนั้นของโรบินและแทมมี่จะไม่ได้ไปต่อ แต่มันก็ทำให้โรบินได้เข้าใจในที่สุด ว่า คนเดียวที่จะรักและยืนยันได้ว่าตัวเธอเองมีคุณค่าก็คือตัวโรบินเอง ไม่ใช่ใครอื่น“ฉันออกไปหาคำตอบจากคนอื่น แต่ทุกคำตอบอยู่ในตัวฉันเอง ก็แค่ต้องเลิกกลัวหัวหดซักที เลิกกลัวตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง และเมื่อทำได้ ฉันรู้สึกเป็นอิสระสุดๆ” เธอบอกแน่นอนว่าโรบินอยากให้วิลเชื่ออย่างนั้นเช่นกัน และใครที่ได้ดูแล้วก็น่าจะเห็นว่าเสียงของโรบิน ส่งผลกับตัววิลมากแค่ไหน และนี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งส่วนที่งดงามที่สุดใน Stranger Things ซีซั่นสุดท้ายนี้ และเมื่อพาร์ทสองมาถึง เราก็น่าจะได้เห็นการเติบโตไปด้วยกันของ Chosen Family นี้แน่นอน (หวังว่าอย่างนั้น)Fun fact: วิล บายเออร์ส์ รับบทโดย โนอาห์ ชแนปป์ นักแสดงผู้ได้ค้นหาตัวเองผ่านบทบาทของวิล และคัมเอาท์ว่าเป็นเกย์เมื่อปี 2023

สำหรับค่ำคืนของงาน Victoria’s Secret Fashion Show 2025 ได้จบลงอย่างสวยงามกับการคัมแบ็คครั้งที่ 2 หลังจากห่างหายไปนานถึง 6 ปี และนอกจากเหล่านางฟ้าแล้วที่หลายคนรอคอยแล้ว นักร้องในปีนี้ก็แซ่บไม่แพ้กัน

Victoria’s Secret 2025 กับความหลากหลายของนักร้องสาวที่ได้ Madison Beer และ Missy Elliott ตัวแทนสาวอเมริกา
Twice แห่งเอเชียและ Karol G แห่งอเมริกาใต้มาร้องเพลงเป็นครั้งแรก

แต่ไม่ว่าเธอจะเผชิญมรสุมชีวิตแบบไหน Katy ก็ยังเลือกใช้เสียงเพลงเป็นพื้นที่ถ่ายทอดความเปราะบางและแผลในใจ ผ่านซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘Bandaids’ ที่เหมือนการแปะพลาสเตอร์ไว้บนรอยแตกของหัวใจของเธอเอง

ชีวิตบ้งแค่ไหน ชาวเน็ตสาปเท่าไร ก็ต้องสู้กันต่อไป และถ้าย้อนกลับไปได้.. ก็จะทำเหมือนเดิมอีกครั้ง Bandaids เพลงที่เป็นเหมือนพาสเตอร์ติดแผลหัวใจในชีวิตของ Katy Perry

อะไรบางอย่างในแผ่นอะคริลิกใสชิ้นเล็กๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่วางกองนิ่งๆ อยู่พื้นห้อง แต่กลับเคลื่อนไหวคล้ายกับประกายของเเสงโบเกต์ในเวลาค่ำคืน สะท้อนอยู่บนผนังห้องสีขาวเมื่อถูกแสงจากไฟฉายตกกระทบ ที่ทำให้เราซึ่งยืนอยู่ในห้องนั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของมันเป็นเวลาเนิ่นนานโดยไม่รู้ตัว

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Films

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS