‘Freakier Friday ศุกร์สยองสี่ร่างสลับรุ่น’ คือหนังภาคต่อของ Freaky Friday หนังตลกร้ายครอบครัวที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี 2003 ซึ่งล่าสุดมันได้กลับมาพร้อมลูกหลานตัวละครใหม่ๆ อีกมากมายที่การันตีเลยว่าจะทวีความอลเวงให้สนุกยิ่งขึ้น

22 ปี Freakier Friday หนังตลกร้ายในตำนานกับการเล่าเรื่องครอบครัวยุคใหม่
ที่ยำรวมมิตรความชุลมุนของคนเจนฯ Baby Bloomer, Gen X, Millenials และ Gen Z ได้อย่างกลมกล่อม

*บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของหนัง ‘Freakier Friday ศุกร์สยองสี่ร่างสลับรุ่น’ คือหนังภาคต่อของ Freaky Friday หนังตลกร้ายครอบครัวที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี 2003 ซึ่งล่าสุดมันได้กลับมาพร้อมลูกหลานตัวละครใหม่ๆ อีกมากมายที่การันตีเลยว่าจะทวีความอลเวงให้สนุกยิ่งขึ้น Freakier Friday เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของสองนักแสดงที่หลายคนรักและคิดถึงอย่าง ‘Jamie Lee Curtis’ และ ‘Lindsay Lohan’ ที่หวนมารับบทเดิมในบทแม่-ลูก Tess และ Anna Coleman&nbsp; เราจะพามาดูกันว่าสองตัวละครนี้จะเติบโตไปขนาดไหนในระยะเวลา 22 ปี… <img src="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTBAoZByW9s1a2hLL8UkGO5N3p1V25we9vA1.jpg" data-id="102544" data-url="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTBAoZByW9s1a2hLL8UkGO5N3p1V25we9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ปัจจุบัน Tess Coleman เป็นนักจิตวิทยาที่ประสบความสำเร็จ และกำลังเตรียมตัวออกทัวร์เปิดตัวหนังสือเล่มแรกของเธอ ในฐานะภรรยาของ Ryan (รับบทโดย Mark Harmon) แม่ของ Anna และยายของ Harper (รับบทโดย Julia Butters) เธอเป็นคนที่ทุ่มเทและอยู่เคียงข้างทุกคนในครอบครัวเสมอ แต่บางครั้งก็เผลอก้าวก่ายชีวิตของคนอื่นไปบ้าง&nbsp; ขณะเดียวกัน Anna ก็ต้องรับมือกับงานอันแสนเครียดในฐานะผู้จัดการของป๊อปสตาร์ชื่อดังอย่าง Ella (รับบทโดย Maitreyi Ramakrishnan) ซึ่งกำลังเผชิญกับการเลิกราที่เจ็บปวด จนส่งผลต่อความคิดสร้างสรรค์และความมั่นใจของเธอ โดย Anna เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวของลูกสาววัยรุ่นชื่อ Harper เด็กสาววัย 15 ปีที่หลงใหลการโต้คลื่น และกำลังมีปัญหาในการทำความเข้าใจแม่ของเธอ เมื่อ Anna ได้พบกับ Eric Davies (รับบทโดย Manny Jacinto) เชฟชื่อดังเจ้าของร้านอาหาร จนเกิดเป็นรักแรกพบ แต่ Eric เองก็เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกสาววัย 15 ปีชื่อ Lily (รับบทโดย Sophia Hammons) ผู้ซึ่งย้ายมาจากอังกฤษ และใฝ่ฝันจะกลับไปเรียนต่อด้านแฟชั่นที่ลอนดอน แม้ว่า Lily จะต่อต้านความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาระหว่างพ่อของเธอกับ Anna อย่างโจ่งแจ้ง แต่ Anna และ Eric ก็เชื่อมั่นว่าทั้งสองครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันได้ และในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะแต่งงานกัน<img src="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTLKExqV3XEiDBUzuP7dRas1a2hMe9vA1.jpg" data-id="102544" data-url="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTLKExqV3XEiDBUzuP7dRas1a2hMe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">การกลับมาในฉบับภาคต่อครั้งนี้ Freakier Friday ทำให้เราเห็นถึงค่านิยมของครอบครัวอเมริกันที่เปลี่ยนไปจากปี 2003 มากขึ้น กับการโอบรับความเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวที่สังคมส่วนใหญ่มีความเข้าใจ ยอมรับได้ และไม่ได้ทำให้เป็นปมดราม่าที่อาจจะเหมือนกับค่านิยมในสมัยก่อน และการที่ให้บทคุณยาย คนเจนฯ บูมเมอร์ได้มีส่วนร่วมในการเลี้ยงหลาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของลูกสาว ก็ ‘ไม่ใช่เรื่องน่าอาย’ อีกต่อไป หากเทียบกับแต่ก่อนที่สังคมตะวันตกอาจมีค่านิยมเรื่องการแยกครอบครัวออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยว แต่ในตอนนี้ สังคมยังได้ยอมรับครอบครัวที่มีคนหลายเจนฯ มาอยู่ร่วมกันแบบช่วยเหลือกันได้มากขึ้นแล้ว<img src="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTOlp1V2ykzbIJPeH3kN2ivs1a2htYMe9vA1.jpg" data-id="102544" data-url="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTOlp1V2ykzbIJPeH3kN2ivs1a2htYMe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ด้านของตัวละครต่างๆ ที่เรียกว่ายกแผงมาจากภาคเดิมเกือบทั้งหมด ยังผสมผสานกับตัวละครใหม่ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ จุดนี้เองที่หนังสะท้อนถึงความเป็นค่านิยมยุคใหม่ โดยไม่ทิ้งเสน่ห์ของหนัง Comedy เบาสมองจากยุค 2000s ที่เรียกเสียงหัวเราะดังๆ ให้เราเหมือนเดิม ในภาพยนตร์ภาคต่อเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีโครงสร้างเดิมของภาคเก่าอยู่ ตรงที่คนเป็นลูกสาวต้องเผชิญความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว กับการแต่งงานครั้งใหม่ของคุณแม่ แต่หนังภาคต่อนี้ก็ยังมีความซับซ้อนมากกว่านั้น ตรงที่เราได้เห็น ‘Generation Gap’ ของคนทั้งสามรุ่น ถูกนำมาเป็นมุกตลกล้อเลียนความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของบริบทในแต่ละวัย ยิ่งทำให้หนังมีมิติและตลกต่อเนื่องแบบ ‘ไม่อ่อม’&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTOs1a2hY1BnTvjg1NjgACoF98qce9vA1.jpg" data-id="102544" data-url="https://media.thairath.co.th/image/bv2cIZ5jyZOaNzuR1RYpTOs1a2hY1BnTvjg1NjgACoF98qce9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">และหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของนักแสดงสาว Lindsay Lohan แล้วละก็ อาจจะเห็นอีสเตอร์เอ้กต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเธออยู่ในนั้นเต็มไปหมด ซึ่งชาวมิลเลเนียลอย่างผู้เขียนเองก็ดูแล้วรู้สึกคอมพลีต ชื่นใจ (และแอบแก่นิดๆ) ไปตลอดเรื่อง โอเค…ไม่อยากสปอยมากแล้ว เราขอแนะนำให้จับมือคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่โตมาด้วยกันไปดู ‘Disney's Freakier Friday ศุกร์สยองสี่ร่างสลับรุ่น’ เองในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศได้แล้ววันนี้ค่ะ

RM แห่งวง BTS กล่าวถึงแรงกดดันที่ 'ผู้หญิง' เจอเกี่ยวกับการแต่งงานไว้ว่า “ทุกวันนี้ผู้คนเผชิญแรงกดดันว่าต้อง ‘แต่งงาน’ และมีแง่มุมต่างๆ ที่ทำให้เราต้องเก็บเรื่องนี้ไปพิจารณา โดยเฉพาะกับ ‘ผู้หญิง’ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากสังคมและสื่อ ไม่ว่าจะเรื่องการมีลูก และเรื่องอื่นๆ ผมอยากให้ทุกคนได้ใช้ชีวิตในแบบที่อยากใช้กันนะครับ”

มุมมองที่เติบโตของ ‘RM’ แห่งวง BTS ต่อความเท่าเทียมทางเพศ ที่พยายามเรียนรู้และเข้าใจ ‘ผู้หญิง’ แม้เคยพลาดจากเพลงในอดีตที่เข้าข่าย Misogyny แต่ก็ไม่หยุดปรับปรุงและพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น

ไทยเรามี ‘สมรสเท่าเทียม’ และเมื่อความรักของคนทุกเพศเท่าเทียมกันโดยมีกฎหมายคุ้มครอง การนำเสนอความรักของ LGBTQ+ ในซีรีส์ที่เราดู มันก็ล้วนเป็นความรักที่ปกติธรรมดาที่สามารถเล่าเรื่องชีวิตหลังแต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสออกมาได้ดู ‘จริง’ เพราะนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นได้จริง

ทะเบียนสมรสของแซฟฟิก การรับรองบุตรบุญธรรมของคู่รักเกย์ และรักอันยืนยาวจนถึงวัยชราที่ ‘มีอยู่จริง’ ของ LGBTQ+ ดีเทลเล็กๆ แต่มีความหมาย จาก 3 คู่รักในซีรีส์ไทย ‘ตะวัน-ไอร่า’ ใน เพียงเธอ ‘พ่อครู-เขม’ ใน เขมจิราต้องรอด และ ‘ตฤณ-ธันวา’ ใน Shine

แต่ไม่ว่าเธอจะเผชิญมรสุมชีวิตแบบไหน Katy ก็ยังเลือกใช้เสียงเพลงเป็นพื้นที่ถ่ายทอดความเปราะบางและแผลในใจ ผ่านซิงเกิลใหม่ล่าสุด ‘Bandaids’ ที่เหมือนการแปะพลาสเตอร์ไว้บนรอยแตกของหัวใจของเธอเอง

ชีวิตบ้งแค่ไหน ชาวเน็ตสาปเท่าไร ก็ต้องสู้กันต่อไป และถ้าย้อนกลับไปได้.. ก็จะทำเหมือนเดิมอีกครั้ง Bandaids เพลงที่เป็นเหมือนพาสเตอร์ติดแผลหัวใจในชีวิตของ Katy Perry

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Films

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

Plair Bunlangkarn

RELATED

HOT TOPICS