เรื่องของสาวอีสานกับเขยฝรั่ง ได้ถูกหยิบมาเล่าอีกครั้งใน ‘เดอะ เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ โดยวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง และคราวนี้ ภาพของผู้คนบางส่วนในหนังอาจจะฉีกออกไปจากภาพจำเดิมๆ ที่เคยมีมาก่อนหน้านี้

‘เดอะ เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ อีกหนึ่งมุมมองของสาวอีสาน & เขยฝรั่ง และความสัมพันธ์ของ ‘คนนอก’ กับ ‘คนใน’ ที่นำไปสู่ฆาตกรรมสุดเหวอ

เมื่อไรก็ตามที่เป็นการโคจรมาพบกันของหญิงอีสานกับชายฝรั่ง ก็อาจจะมีภาพจำที่ชัดเจนอย่างที่เป็นมาแต่ก่อนกาล ว่ามันเป็นเรื่องของหญิงบ้านนอกที่หวังรวยทางลัดด้วยการจับ ‘ฝรั่งขี้นก’ สักคนที่สิ้นหวังในการจะหาเมียเชื้อชาติเดียวกัน เลยต้องหันมาหาสาวอีสานไว้ปรนนิบัติเลี้ยงดูยามแก่ และทั้งที่ทางเลือกเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิดบาปประการใด แต่ก็มักจะถูกมองในแง่ลบอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังเป็นภาพที่ถูกนำเสนอซ้ำๆ มาตลอดผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียทั้งหลายจนหลายคนเผลอมองอย่างเหมารวมไปโดยไม่รู้ตัวเรื่องของสาวอีสานกับเขยฝรั่ง ได้ถูกหยิบมาเล่าอีกครั้งใน ‘เดอะ เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’&nbsp;โดย วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง และคราวนี้ ภาพของผู้คนบางส่วนในหนังอาจจะฉีกออกไปจากภาพจำที่เราว่าไปก่อนหน้านี้<img src="https://media.thairath.co.th/image/Xnf2vysBn9GPX5MHETY2VOPBOyDnlfViNkzshHENd9Ie9vA1.jpg" data-id="101107" data-url="https://media.thairath.co.th/image/Xnf2vysBn9GPX5MHETY2VOPBOyDnlfViNkzshHENd9Ie9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">ท่ามกลางสีสันฉูดฉาดจับตาตามสไตล์ของวิศิษฐ์ (ผู้เคยมีผลงานกำกับอย่าง มหานคร, ฟ้าทะลายโจร, เปนชู้กับผี ฯลฯ) เมอร์เด้อเหรอฯ คือภาพยนตร์ฆาตกรรมหรรษาที่มีฉากหลังเป็นการฆาตกรรมหมู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด โดย ‘เอิร์ล’ รับบทโดย เจมส์ เลเวอร์ ชายชาวอังกฤษที่มาอาศัยอยู่ในไทย ตกเป็นผู้ต้องหาในคดี เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรเจ็ดศพ เพราะหลักฐานทั้งหมด ล้วนพุ่งเป้ามาที่เขา ซึ่งมีเพียง ‘ทราย’ ภรรยาของเขา ซึ่งรับบทโดย อุ้ม-อิษยา ฮอสุวรรณ กับหลานสาวอย่าง ‘จูน’ เท่านั้น ที่อาจจะทำให้เขารอดพ้นไปได้ต้องบอกว่าความน่าสนใจของ เดอะ เมอร์เด้อเหรอฯ คือ หนังเลือกเล่าภาพของสาวอีสานกับเขยฝรั่ง ทั้งแบบที่ตรงกับภาพจำที่เราเคยเห็นกันมาจนชินตา ขนานไปกับอีกภาพหนึ่งที่ดูจะเป็นอีกขั้วตรงกันข้าม เราจะเห็นทั้งภาพฝรั่งที่เหยียดคนไทยว่าจ้องจะสูบเงินของพวกเขาและมองสาวอีสานเป็นเพียง ‘ภรรยาที่ตอบโจทย์’ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นภาพของฝรั่งที่รักผู้หญิงอีกคนด้วยใจจริงโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเชื้อชาติของเธอ และแม้จะเป็นการตั้งใจหยิบสองภาพมาเปรียบเทียบกันให้เห็นโต้งๆ แต่เชื่อว่าสิ่งที่คนดูหลายคนได้เห็นก็คือความหลากหลายที่ชวนให้นึกถึงความเป็นไปได้อื่นๆ ที่สามารถเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของสาวอีสานและหนุ่มฝรั่ง และหากลองทำความเข้าใจตัวละครในเรื่อง ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนแบบไหน ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะอยากจะมี ‘ชีวิตที่ดีขึ้น’ กันแทบทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในหนังนั้นเป็นเส้นทางของคนที่มีสิ่งที่อยากคว้าไว้ในชีวิตให้ได้ หรือใครก็ตามที่อยากเสาะหาความมั่นคงในชีวิตที่ประเทศชาติบ้านเมืองหรือสังคมรอบข้างไม่อาจมีให้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เอามากๆ<img src="https://media.thairath.co.th/image/Xnf2vysBn9GPX5MHETY2VKEJCs1a2hvvz2nPGomUVXhmoMYe9vA1.jpg" data-id="101107" data-url="https://media.thairath.co.th/image/Xnf2vysBn9GPX5MHETY2VKEJCs1a2hvvz2nPGomUVXhmoMYe9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">สิ่งที่หนังย้ำให้เราเห็นชัดขึ้นคือความไม่เข้าใจ ที่นำไปสู่การมองอีกฝ่ายเป็นอื่น เป็นคนนอก หลายไดอะล็อกสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในบ้านเราหรือแม้แต่ในภาคอีสานกันเอง ที่ค่อนข้างเหยียดความสัมพันธ์ของสาวอีสานกับหนุ่มฝรั่งซึ่งมักถูกมองว่าหนีไม่พ้นเรื่องการขายร่างกายขายชีวิต เรื่องเงินๆ ทองๆ และเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน ทั้งที่จริงมันไม่ใช่เพียงเรื่องของความโลภมากหรือมักง่าย แต่ทางเลือกเหล่านี้ล้วนแต่เนื่องมาจากเหตุปัจจัยต่างๆ ในชีวิตยิ่งกว่านั้น การยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจ ก็ไม่ใช่เพียงเหตุผลเดียวเสมอไป อย่างเช่นที่งานศึกษาของ ดร.พัชรินทร์ ลาภานันท์ อาจารย์สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อปี 2552 ได้ระบุเอาไว้ว่า 2 ใน 3 ของสาวอีสานจากหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่แต่งงานกับชายฝรั่ง ล้วนเคยแต่งงานหรือมีลูกกับชายไทยมาก่อน จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่าภรรยาฝรั่งจำนวนมากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลรับผิดชอบลูกแต่เพียงลำพังมาก่อน และในมุมมองของพวกเธอ มันไม่ใช่เพียงการมีชีวิตที่สุขสบาย แต่หมายถึงการรับผิดชอบเลี้ยงดูลูกและครอบครัวของตัวเองได้ด้วย จากคำบอกเล่าของแม่ที่สนับสนุนให้ลูกสาวแต่งงานกับฝรั่ง ก็ไม่ใช่เพียงเพราะเรื่องเงิน แต่ยังเป็นเรื่องความเจ้าชู้ ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัวของอดีตสามีคนไทยด้วย ซึ่งน่าสนใจที่ในตัวหนัง เดอะ เมอร์เด้อเหรอฯ ก็ได้หยอดประเด็นเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้เอาไว้ในตัวเรื่องด้วยเช่นกัน<img src="https://media.thairath.co.th/image/Xnf2vysBn9GPX5MHETY2VKfbQk3FmD5xtRAlJts1a2hjSR4e9vA1.jpg" data-id="101107" data-url="https://media.thairath.co.th/image/Xnf2vysBn9GPX5MHETY2VKfbQk3FmD5xtRAlJts1a2hjSR4e9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">อย่างไรก็ตาม ประเด็นใหญ่ของหนังก็คือสิ่งที่ ‘เอิร์ล’ ผู้มีแนวโน้มจะเป็นฆาตกร 7 ศพ ต้องเผชิญ ไม่ว่าจากสายตาฝรั่งด้วยกันเองที่เหมาเอาว่าพวกเขาก็ล้วนแต่เป็นพวกที่พิศวาสเมืองไทยแค่เพราะมันอยู่ง่ายและเต็มไปด้วยอะไรที่ exotic โดนใจพวกเขา เมื่อย้ายมาอยู่ที่อีสาน พวกเขาก็ยังคงถูกมองเป็นอื่น อย่างที่ตัวละครหนึ่งในหนังพูดกับนางเอกว่า “เอาไปเถอะ ไอ้ฝรั่งขี้นกนั่น มันเป็นอะไรต้องมาเอาเมียคนไทย” หรือที่นายตำรวจ (รับบทโดย หม่ำ-เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) พูดเอาไว้ทำนองว่า “ไอ้พวกนี้ก็ไม่พ้นเรื่องเหล้า ยา กับเรื่องเซ็กซ์” แสดงให้เห็นชัดเจนถึงสายตาที่ไม่ได้ต้อนรับเขยฝรั่ง จึงง่ายดายมากหากเกิดเรื่องราวอย่างในหนัง นั่นคือการที่ทั้งสังคมพร้อมใจกันเชื่อว่าเขาเป็นฆาตกรดังนั้น นี่จึงไม่ใช่เพียงการชวนไปหาคำตอบว่าหนุ่มฝรั่งเป็นฆาตกรจริงไหม หรือใครเป็นคนฆ่า แต่ยังเป็นการชวนไปสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างคนอีสานกับผู้ชายฝรั่งที่เข้าไปอยู่ในชุมชนของพวกเขา รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสาวอีสานกับหนุ่มฝรั่งว่ามีแง่มุมไหนอีกบ้างที่เราอาจยังไม่เคยเห็นหรือเคยได้เข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการพาไปสำรวจ ‘ครอบครัวคนอีสาน’ ในแบบที่หนังสนใจ ว่ามีประเด็นปัญหาอะไรซ่อนอยู่อีกบ้างไหม ท่ามกลางชีวิตที่ฟังดูเรียบง่ายในอำเภอชนบท มีอะไรที่ชักนำให้เกิดฆาตกรรมใหญ่ครั้งนี้ขึ้นได้บ้าง?ดังนั้นแล้ว นอกเหนือไปจากภาพจำเก่าๆ ที่ถูกเล่าพร้อมกับอีกภาพที่ฉีกออกไป สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่เราอยากชวนให้ลองเปิดใจดูกัน ใน ‘เดอะ เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ’ ฉายแล้ววันนี้ทาง Netflixรับชมทีเซอร์ได้ที่ <a href="https://youtu.be/NQLGc1RTDdU" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://youtu.be/NQLGc1RTDdU</a>&nbsp;<img src="https://media.thairath.co.th/image/6qWuRJFURs1a2hT4Cjp1V2oOEV7aUoekynh7zZeX8Ff646pv8se9vA1.jpg" data-id="101107" data-url="https://media.thairath.co.th/image/6qWuRJFURs1a2hT4Cjp1V2oOEV7aUoekynh7zZeX8Ff646pv8se9vA1.jpg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib">

สำหรับกรณีของนักแสดงสาวชื่อดังอย่าง ฮันโซฮี และ ฮเยริ เรื่องส่วนตัวได้กลายเป็นประเด็นระดับประเทศทันที เมื่อตัวละครทั้งหมดในเรื่องล้วนแต่เป็นคนดังเบอร์ต้นของวงการ 

หรือสำหรับเกาหลีใต้ ยังไงคุณก็ต้องเป็น Good Girl จากกรณีของฮันโซฮีที่ถูกโจมตีอย่างหนัก แถมยังหลุดจากพรีเซนเตอร์ เพราะดราม่าเรื่องแฟนหนุ่ม

สำหรับเราที่ลองหยิบ Buffy The Vampire Slayer มาดูอีกครั้งด้วยเลนส์ของยุคสมัยปัจจุบันก็พบว่ามันเป็นซีรีส์ที่ ‘Woke’ มาก่อนกาล ในความพยายามส่งเมสเสจพลังหญิงด้วยการสร้างเฟมินิสต์ไอคอนสักคนเพื่อต่อสู้กับแนวคิด ‘Misogynist’ ในแง่มุมต่างๆ

27 ปี ‘Buffy The Vampire Slayer’ มือปราบแวมไพร์ผู้ต่อสู้กับแนวคิด Misogynist ผ่านมุมอ่อนแอในตัวเอง และยืนยันเรื่องพลังหญิงผ่าน ‘ทางเลือก’ ที่มีต่อเรื่องเซ็กซ์

การที่บียอนเซ่ถูกวงการคันทรีปฏิเสธไม่ใช่เพียงเพราะเธอคือป๊อปสตาร์ แต่ยังเป็นเพราะว่าเธอเป็นคนดำ และเหตุที่วงการเพลงคันทรีในอเมริกาซีเรียสเรื่องสีผิวกันนัก จนเกิดแฮชแท็กที่ว่า #CountryMusicIsSoWhite ก็มีที่มาตั้งแต่ยุค 20s กันเลยทีเดียว

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

CONVERSATION

VDO

Films

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS