ไม่น่าแปลกใจที่หลายเสียงวิจารณ์จะเห็นตรงกันว่าฉากเซ็กซ์ใน The Idol ทางช่อง HBO Go นั้นออกจะชวนสยองมากกว่าชวนสยิว เพราะเราเห็นแต่ภาพของเซ็กซ์ที่ตอบสนองอารมณ์แบบชายๆ 

The Idol : ep1-ep2 หากซีรีส์ตั้งใจทำให้คนดูอึดอัดกับ toxic masculinity ก็นับว่าทำได้สำเร็จ

มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของซีรีส์ ep 1 และ ep 2สำหรับซีรีส์ The Idol&nbsp;แน่นอนว่าตัวละคร toxic ในเรื่องมีอยู่ไม่น้อย แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ดู toxic และชวนอึดอัดที่สุดคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเทโดรส เทโดรส (Tedros Tedros)&nbsp;ที่รับบทโดย Abel Tesfaye หรือ The Weekend ที่ควบตำแหน่งผู้สร้างและนักแสดงนำ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวออกมาว่าเขาให้ผู้กำกับหญิงออกจากกองถ่าย เพราะ “มีวิสัยทัศน์แบบผู้หญิงมากเกินไป”…สิ่งที่เราได้เห็นจึงเป็นภาพของแบดบอย ‘สุดเท่’ ที่เข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากความพังทลายของ จอสเซลิน (Jocelyn) ป๊อปสตาร์ที่เพิ่งเสียแม่ไปและยังเป๋กับชีวิต เขาตั้งใจเข้าหาและมอบความตื่นเต้นแบบ BDSM ให้เธอโดยไม่ได้ขอคอนเซนต์ก่อน หากแต่เธอก็ดันชอบถึงขั้นโหยหาและได้แรงบันดาลใจจากมันเสียอีก ส่วนสาวเนิร์ดที่เป็นทั้งผู้ช่วยและเพื่อนสนิทของจอส ก็ถูกหลอกล่อด้วยไอ้หนุ่มผิวดำที่ถูกเทโดรสฝึกปรือมาให้ช่ำชองเรื่องเซ็กซ์ (แถมยังด้วยวิธีที่ค่อนข้างรุนแรง) แม้เธอจะดูเอะใจกับการเข้ามาของพวกเขา แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรต่อ ลงท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับความอยากยอมตกเป็นฝ่าย ‘โดนเอา’ เสียอย่างนั้นไม่น่าแปลกใจที่หลายเสียงวิจารณ์จะเห็นตรงกันว่าฉากเซ็กซ์ใน The Idol นั้นออกจะชวนสยองมากกว่าชวนสยิว เพราะเราเห็นแต่ภาพของเซ็กซ์ที่ตอบสนองอารมณ์แบบชายๆ เซ็กซ์ที่ผู้ชายเป็นฝ่ายคุมเกมแต่เพียงผู้เดียวและสามารถสยบผู้หญิงได้อยู่หมัดด้วยความเด็ดของพวกเขา<img src="https://media.thairath.co.th/image/aqnHHoeIXZm1Yut58x82s1a2hCOCtKjKTpd3gSGs1a2hDzeKNmMe9vA1.jpeg" data-id="101042" data-url="https://media.thairath.co.th/image/aqnHHoeIXZm1Yut58x82s1a2hCOCtKjKTpd3gSGs1a2hDzeKNmMe9vA1.jpeg" style="width: auto;" class="fr-fic fr-dib"> ไม่เพียงเท่านั้นเรือนร่างเปลือยของผู้หญิงก็ถูกใช้อย่างไม่ยั้ง ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องผิดหากเป็นการตกลงที่แฟร์พอกับนักแสดง แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงตั้งคำถามได้ว่า มันจำเป็นขนาดนั้นไหม? ทั้งตัวละครจอสเซลินเอง ที่แต่งตัวเปิดเผยร่างกายเป็นอย่างมากตลอดเวลา—แม้ซีรีส์จะย้ำเสมอว่า Her Body, Her Choice— หรือตัวละครต่างๆ ที่แวะเวียนเข้ามาในฉาก อย่างสาวแปลกหน้าสักคนที่มาปาร์ตี้ในบ้านของจอสแล้วจู่ๆ ก็แก้ผ้าวิ่งลงสระน้ำที่น่าสนใจคือ ชัดเจนว่าทีมผู้สร้างตระหนักรู้ถึงแนวคิดแบบพีซีและเฟมมินิสม์อยู่เต็มอก และเลือกจะทำให้แนวคิดเหล่านี้คล้ายจะเป็นเรื่องงี่เง่า ไร้สาระ หรือกระทั่งกลายเป็นเครื่องมือของนักธุรกิจบันเทิงหัวหมอ ย้อนไปที่เอพิโซดแรก เราจะเห็นได้ว่าซีรีส์เริ่มต้นด้วยข้อกังวลทั้งหลายซึ่งเป็นข้อถกเถียงในสังคม&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นการโรแมนติกไซส์ความเจ็บป่วยทางจิต ที่มีตัวละครหนึ่งแย้งขึ้นมาว่าไม่ควรทำสิ่งนี้ แต่กลับถูกตอบกลับอย่างเจ็บแสบว่าเป็นวิธีทำให้พวกชายธรรมดาสามัญทั้งหลายมีโอกาสฝันถึงสาวคนดังในฝัน ที่หากพวกเธอไม่ได้มีอาการทางจิตนิดๆ เธอจะไม่มีทางมา ‘เอา’ กับเขาได้เลย หรือเรื่อง slut shaming ที่ถูกหยิบมาพูดเพียงเพื่อจิกกัดกันขำๆ ในวงสนทนา ทั้งที่การกระทำนั้นคือ slut shame จริงๆ&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น ซีรีส์ยังสร้างบทสนทนาให้ตัวละครเลือกจะใช้ ‘ความเป็นเหยื่อ’ ของจอสเซลีนที่ถูกเผยแพร่ภาพลับ เป็นเครื่องมือในการย้อมชื่อเสียงที่เสียไปของเธอ หนำซ้ำทีมงานหัวหมอยังอยากผลิตภาพเธอให้กลายเป็น ‘Feminist Hero’ หลังจากมีภาพหลุดไปเสียอีก ทั้งที่พวกเขาไม่ได้อินอะไรกับถ้อยคำเหล่านี้มากไปกว่าเป็นข้ออ้างในการหาทางรอดจากสถานการณ์วิกฤติเลยอย่างไรก็ตาม หากว่ากันที่ 2 ep แรก เราคงยังไม่สามารถตัดสินซีรีส์ทั้งเรื่องได้ ว่าพวกเขาตั้งใจส่อเสียดสังคมที่เพิกเฉยต่อการคุกคามสิทธิเพศหญิงหรือไม่ อย่างไร แต่เท่าที่ได้ดูมา ก็ค่อนข้างเห็นได้ชัดว่าซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วย male gaze และแม้จะมีการพยายามให้คนดูเห็นภาพของจอสเซลีนที่ ‘เป็นมนุษย์’ แต่เราก็ยังได้เห็นแต่เพียงมิติด้านอารมณ์ของเธอนั่นคือด้านที่แตกสลายและด้านที่หลงใหลไปกับเซ็กซ์เพียงเท่านนั้น เรายังไม่ได้รู้ถึงนิสัยใจคอหรือความนึกคิดต่างๆ ของเธอมากเท่าใดนัก สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกร่วมได้อย่างเด่นชัดคือความอึดอัดและความรู้สึกได้ถึงอันตรายที่มาจากตัวละครชายสุดท็อกซิกอย่างเทโดรส เทโดรส จึงต้องบอกอย่างที่ได้พาดหัวเอาไว้ ว่าหากซีรีส์ตั้งใจทำให้คนดูอึดอัดกับ toxic masculinity ก็นับว่าทำได้สำเร็จจริงๆ แต่หากพวกเขาตั้งใจจะนำเสนอมันในฐานะเสน่ห์ของตัวละคร ก็นับว่าเป็นวิธีสร้างตัวละครที่ไม่น่าอภิรมณ์เอาเสียเลย

“ฉันก็แค่มนุษย์คนนึงที่มีจิตใจเช่นกัน ฉันอึดอัด ฉันติดแหง็ก ไม่น่าเลย เกลียดตัวเอง” เป็นคำสารภาพของซูเปอร์สตาร์ เซเลน่า โกเมซ (Selena Gomez) ที่ก็รู้สึกเหมือนกับเราๆ กับกราฟชีวิตที่เราได้เห็นเธอตั้งแต่การเป็นดาราเด็ก นักร้องเพลงฮิต คู่รักขวัญใจมหาชน ไปจนถึงมนุษย์ที่หัวใจแตกสลาย อารมณ์ซึมเศร้า โรคแพ้ภูมิตัวเอง ผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องสำอางค์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิที่สนับสนุนการรักษาจิตใจ จนถึงการหมั้นหมายกับคนรักที่ช่วยกันผลักดันอัลบั้มใหม่ล่าสุดอย่าง I said I love you first

รักเก่า รักใหม่ มิตรภาพ การเติบโต ส่วนผสมอันกลมกล่อมใน I said I love you first อัลบั้มที่สร้างด้วยหัวใจของ Selena Gomez ที่มีคนรักอย่าง Benny Blanco เป็นโปรดิวเซอร์

ล่าสุดในนิตยสาร HOMMEGIRLS VOLUME 13 เจนนี่ที่มาในลุคเปลือยท่อนบน มีหลายคนเข้ามาด่า บางคนด่าถึงขนาดตั้งคำถามว่าเธอมีผลทำให้ภาพลักษณ์ของผู้หญิงเอเชียเสื่อมเสีย

อีกครั้งที่ ‘JENNIE’ ยังคงถูกด่าเรื่องความเซ็กซี่ หลังถ่ายแบบเปลือยด้านบน ปิดแค่อก ที่สะท้อนทั้งอคติต่อผู้หญิงเอเชียที่เซ็กซี่ และความไม่เข้าใจเรื่องร่างกายผู้หญิงและพลังหญิง

ภาพเควียร์หนุ่มใหญ่ของ Luca Guadagnino เป็นอีกหนึ่งก้าวของหนังเควียร์ยุคใหม่ที่ไม่ได้พูดถึงเพียงเเค่มุมมองความรักโรแมนติก หรือการ Coming-of age แต่การเลือกเล่าเรื่องเควียร์ที่เลยวัยน่ารักสดใสสู่การเป็นเควียร์วัยกลางคนที่กำลังจะล่วงเลยไปสู่วัยชรา ช่วยเพิ่มมิติการรับรู้แง่มุมของเควียร์ในแบบอื่นๆ ที่ต่างออกไป อย่างการสะท้อนภาวะ Mid-life Crisis ซึ่งทำให้เราเห็นความเป็นจริงของชีวิตเควียร์เหล่านั้นได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น

What else should I be? All apologies. ตัวตนหล่นหายของเควียร์วัยกลางคนในหนังและซีรีส์ อีกแง่มุมของเควียร์ที่ไม่โรแมนติก ไม่แฟนตาซี แต่สะท้อนความเปลี่ยวเหงาและเเปลกแยกอย่างลึกซึ้ง

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Films

The Idol : ep1-ep2 หากซีรีส์ตั้งใจทำให้คนดูอึดอัดกับ toxic masculinity ก็นับว่าทำได้สำเร็จ

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MIRROR TEAM

RELATED

HOT TOPICS