“สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงไม่ว่าคุณจะเป็นเกย์ เป็นสเตรท หรือเป็นอะไรก็ตาม” 

ผู้สร้างซีรีส์ The Last of Us พูดถึงตัวละครคู่เกย์ บิล-แฟรงก์ ในซีรีส์ ที่ถูกชาวเน็ตบางส่วนมองว่ายัดเยียด

แทบทุกครั้งที่มีซีรีส์ หรือภาพยนตร์ที่ผู้กำกับเพิ่มน้ำหนักของคาแรกเตอร์ หรือนักแสดงที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าไป จะต้องมีคนบางส่วนออกมาวิจารณ์ว่า Woke หรือยัดเยียดกันอยู่เต็มไปหมด ทั้งๆ ที่หากมองว่า LGBTQ+ ก็เป็นคนปกติในสังคม และมีอยู่จริง เราจะมองการมีอยู่ของตัวละครเพศนั้น เพศนี้ เป็นเรื่อง ‘เกินจริง’ ได้จริงไหม และตอนนี้กระแสถกเถียงที่เพิ่งเกิดหมาดๆ และดุเดือดในโลกโซเชียล คือกรณีที่อีพี 3 ของซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ ‘The Last of Us’ บน HBO ในตอน Long Long Time ถูกปล่อยออกมา ที่ทำให้แฟนซีรีส์ต่างออกมาพูดถึงคาแรกเตอร์ของ ‘บิล’ และ ‘แฟรงก์’ ผู้ชายวัยกลางคนสองคนที่เป็นเกย์ และเป็นแฟนกัน ซึ่งในอีพีนี้นั้นพวกเขาได้จูบกัน เพื่อแสดงออกทางความรักตามประสาคู่รัก และเป็นอีพีที่เล่าถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้งท่ามกลางการเอาตัวรอดหนีซอมบี้อย่างกินใจ ซึ่งก็มีฝ่ายที่ออกมาชื่นชมถึงอีพีนี้ แต่อีกฝ่ายก็ออกมาโวย และแสดงความคิดเห็นทั้งเชิงเหยียดเพศ และมองว่าขัดหูขัดตา ยกตัวอย่างคอมเมนต์เชิงบวกกันก่อน เช่น “อีพีคืนนี้ของ The Last of Us เป็นหนึ่งในตอนที่สวยงามที่สุดบนจอโทรทัศน์ที่ฉันเคยดูมา” / “ฉันไม่ได้อยากคุยโวนะว่าตอน 3 ของ The Last of Us มันอเมซิ่งขนาดไหน ฉันจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับมันนะ แต่ฉันชอบมันจริงๆ จนถึงตอนนี้” ส่วนคอมเมนต์เชิงลบก็มีมากพอสมควร เช่น “มากไป พอหอมปากหอมคอก็พอละมั้ง” / “Woke เกิน ยัดเยียดเกิน” / “เกือบซึ้งแล้ว แต่เห็นลุงหนวดเฟิ้มจูบกันแล้วผมขนลุก” / “ไม่ได้เหยียด มีเพื่อนเป็น LGBTQ+ แต่…” จริงๆ เราอยากให้ทำความเข้าใจกันก่อนว่า ซีรีส์คนแสดง The Last of Us เขาสร้างมาจากเกมในชื่อเดียวกัน โดยเนื้อหาคร่าวๆ ก็คือการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ และว่ากันตามตรง หากใครเคยได้เล่นเกมมาก่อน ก็จะพอกันรู้ว่าในเกมก็มี hint บางอย่างที่พอจะพูดได้ว่าบิล และแฟรงก์ นั้นอาจเป็นเกย์ เพียงแต่ผู้สร้างเกมไม่ได้พูดมันออกมาตรงๆ ในเกมขนาดนั้น แต่พอมาเป็นซีรีส์ที่ นีล ดรัคแมนน์ (Neil Druckmann) ผู้สร้างเกม ร่วมพัฒนากับ เครก มาซิน (Craig Mazin) ผู้สร้างซีรีส์ ทำให้พวกเขาทั้งสองอยากจะเล่าเรื่องราวของคู่นี้ให้ชัดๆ ผ่านซีรีส์คนแสดงเรื่องนี้ไปเลย และแน่นอน เมื่อคนสร้างเกมต้องการจะเคลียร์ให้ชัดว่า บิล และแฟรงก์ เป็น ‘เกย์’ อย่างชัดเจน มันอาจทำให้คนบางกลุ่มที่ยังมีอคติกับเกย์อดที่จะออกมาโจมตีไม่ได้ เพราะหากเขาจะเลือกทำให้เพศสภาพของบิล และแฟรงก์ เบลอๆ ไม่ชัดเจนว่าเป็นอะไร ก็ย่อมทำได้ แต่เขาก็เลือกที่จะเปิดเผย เพื่อทำให้การเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ซึ่งก็ถือเป็นจุดยืนที่เด็ดเดี่ยว และน่าชื่นชม “อีพีนั้นมันยอดเยี่ยมมาก แม้จะมีแฟนๆ หลายคนที่อารมณ์เสียกับมัน…สำหรับผม เรื่องราวที่เราเล่ามันมีอยู่จริงบนโลกนี้ (ความรักของชายรักชาย) และมันก็จริงแท้สำหรับธีมที่เรากำลังพูดถึง” นีล ดรัคแมนน์ ให้สัมภาษณ์กับ The New Yorker ก่อนอีพีนี้จะออนแอร์เสียอีก เหมือนเขาทราบดีอยู่แล้วว่าปล่อยอีพีนี้ออกไป ก็ต้องโดนโจมตี เพราะบนโลกนี้ยังมีคนที่เกลียดชังความรักของเพศเดียวกันอยู่มาก ด้านเครก มาซิน เพิ่งออกมาพูดว่า “ผมต้องการสำรวจธีมของความรัก และรูปแบบความรักต่างๆ” ซึ่งสิ่งที่เขาอยากสื่อสารให้ผู้คนทำความเข้าใจจริง มันไปไกลกว่าว่าบิล และแฟรงก์ เป็นอะไร แต่นี่คือรูปแบบความรักแบบที่คู่รักวัยกลางคนรู้สึก และอยากให้ทุกคนได้ลองสำรวจมัน เหมือนที่เขาได้แต่งงานกับภรรยามาแล้ว 26 ปี ทำให้เรานึกถึงคอมเมนต์หนึ่งจากชาวเน็ตที่แสดงความคิดเห็นโต้ตอบคนที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบทำนองว่า “โลกนี้ไม่ได้มีแค่ผู้ชายหน้าตาดีที่รักกันแบบซีรีส์วาย” ซึ่งก็ถูกของเขา เพราะเรามักคุ้นชินกับภาพลักษณ์หนุ่มวัยรุ่นรักกันในซีรีส์วายหลายเรื่อง ที่บรรยากาศดูจะ aesthetics ทำให้คนเคลิ้มตามได้ง่าย แม้บางประเด็นในซีรีส์จะไม่ได้ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศเลยก็ตาม และมองว่าสิ่งนี้น่า ‘รับได้’ มากกว่าซีรีส์บางเรื่อง หรืออย่างเรื่องนี้เองที่เลือกเล่าอะไรที่ดูจริงกว่า อย่างเช่น มีเกย์ที่รักกันนาน และรักกันจริงอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานานจนอายุมากขึ้นตามกาลเวลา แม้จะไม่ได้มีหน้าตาเป็นเด็กหนุ่มหล่อตรงสแตนดาร์ดขนาดนั้น “วิธีที่เราจะเข้าถึงทุกๆ สิ่งได้ คือการเริ่มจากความเป็นมนุษย์ทั่วไปก่อน…นักแสดงมีความหลากหลาย และเรารับมือกับความหลากหลายนี้ เพราะบนโลกนี้มีความหลากหลาย โชว์ของเรา (ซีรีส์) ไม่ได้เกี่ยวกับความหลากหลาย หรือความสำคัญของการเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้คน อย่างที่มันเกิดขึ้น มีคนเป็นเกย์ มีคนผิวดำ มีคนผิวขาว มีคนพิการ และมีคนหูหนวก เราแค่สะท้อนโลกรอบตัวเราให้ออกมาเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้” “มนุษย์ตกหลุมรัก มนุษ์เลิกรัก มนุษย์สูญเสียมนุษย์ พวกเขาอาลัยมนุษย์ พวกเขาติดแหงก และพวกเขาผิดพลาด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริงไม่ว่าคุณจะเป็นเกย์ หรือเป็นสเตรท หรือเป็นอะไรก็ตาม” เครก มาซิน กล่าว เราขอยกย่องประโยคที่บิลพูดในซีรีส์แก่ความรักของทุกเพศบนโลก “ฉันแก่แล้ว ฉันพึงพอใจ และคุณคือจุดมุ่งหมายของผม” เพราะความรักของเกย์วัยกลางคนนั้นมีอยู่จริง เพียงแค่ซีรีส์เรื่องนี้เป็นตัวแทนสะท้อนความรักของพวกเขาให้พวกคุณได้ดูเท่านั้น และมันควรจะเป็นเรื่องปกติสักที อ้างอิง: <a href="https://www.dailymail.co.uk/tvshowbiz/article-11693365/The-Episode-3-hailed-one-greatest-TV-episodes-EVER.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.dailymail.co.uk/tvshowbiz/article-11693365/The-Episode-3-hailed-one-greatest-TV-episodes-EVER.html</a>&nbsp; <a href="https://www.newyorker.com/magazine/2023/01/02/can-the-last-of-us-break-the-curse-of-bad-video-game-adaptations" rel="noopener noreferrer noopener noreferrer" target="_blank">https://www.newyorker.com/magazine/2023/01/02/can-the-last-of-us-break-the-curse-of-bad-video-game-adaptations</a>&nbsp; <a href="https://www.yahoo.com/entertainment/the-last-of-us-gay-love-story-bill-frank-craig-mazin-bella-ramsey-153741239.html" rel="noopener noreferrer" target="_blank">https://www.yahoo.com/entertainment/the-last-of-us-gay-love-story-bill-frank-craig-mazin-bella-ramsey-153741239.html</a> &nbsp;

Seven หนังอาชญากรรมของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ฉายเมื่อปี 1995 ยังคงเป็นหนึ่งในหนังที่มีแมสเสจทรงพลัง สะท้อนความเป็นไปของโลกและสังคมทุกยุคสมัยได้เป็นอย่างดี เมื่อหนึ่งในเเมสเสจเหล่านั้น คือการตั้งคำถามต่อผู้คนที่ยังคงใช้ได้ในทุกเจนฯ ถึงการที่มนุษย์คนหนึ่งจะเกิด และเติบโตด้วยความหวังอย่างไร ท่ามกลางโลกที่กำลังไร้ซึ่งความหวัง

30 ปี หนังเรื่อง ‘Seven’ กับคำถามถึงคนทุกเจนฯ ที่ยังคงร่วมสมัย “มนุษย์คนหนึ่งจะเกิด และเติบโตด้วยความหวังอย่างไร 
ในโลกที่กำลังสิ้นหวัง ฟอนเฟะเลวทราม” 

เรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จอันงดงามในวัย 62 ปีของ Demi Moore หลังจากที่เธอเพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม เวที Golden Globes 2025 จากภาพยนตร์สุดตราตรึงอย่าง The Substance

Demi Moore ชนะรางวัลลูกโลกทองคำเป็นครั้งแรกในชีวิตการแสดง 45 ปี จากบทนำใน The Substance

REBEL HEART จากมินิอัลบั้มชุดที่ 3 ของสาวๆ ‘IVE’ บทเพลงที่ปลุกความเข้มแข็งในใจทุกคน ให้กล้าจะถูกเกลียดจากคนที่เขาไม่รักเรา พร้อมๆ กับยังมองเห็นความรักที่คนที่รักเรามอบให้

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Films

ผู้สร้างซีรีส์ The Last of Us พูดถึงตัวละครคู่เกย์ บิล-แฟรงก์ ในซีรีส์ ที่ถูกชาวเน็ตบางส่วนมองว่ายัดเยียด

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

PATCHSITA PAIBULSIRI

RELATED

HOT TOPICS