“ฉันรู้สึกราวกับว่าการมีประจำเดือนคือเรื่องที่ฉันต้องเก็บไว้กับตัวเพียงคนเดียว จัดการตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนรอบตัวขยะแขยง มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียจริง”

Emily Ratajkowski นางแบบผู้พูดเรื่องเรือนร่างและเมนส์อย่างกล้าหาญชาญชัย

ย้อนไปร่วมสิบปีก่อน ทันทีที่ โรบิน ธิค ปล่อยมิวสิกวิดีโอเพลง Blurred Lines แทบทุกความสนใจก็พุ่งเป้าไปยังนางแบบสาวหน้าคมที่มาร่วมแสดงอยู่ในเอ็มวี ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นชื่อของ เอมิลี ราทาจโควสกี ก็ระเบิดขึ้นในโลกออนไลน์ ภาพนิ่งและคลิปวิดีโอที่เธอเต้นเปลือยอกเคียงข้างธิคนั้นถูกเผยแพร่ไปแทบทุกซอกทุกมุมของอินเทอร์เน็ต แจ้งเกิดเธออย่างเต็มตัวนานหลายปีหลังจากนั้น เธอจึงออกมาเล่าว่าการถ่ายทำเอ็มวีนั้นกลายเป็นบาดแผลใหญ่ เมื่อธิคล่วงละเมิดเธอด้วยการจับหน้าอกเปลือยของราทาจโควสกีขณะเตรียมเข้าฉาก โดยเธอบอกว่าเธอไม่มีปัญหากับการถ่ายทำฉากเปลือยหน้าอก แต่เริ่มมีปัญหาก็เมื่อต้องเข้าฉากสองคนกับธิค ซึ่งเริ่มเมา "แล้วจากไหนก็ไม่รู้ ฉันรู้สึกว่ามีมือเย็นๆ และให้สัมผัสแปลกๆ ของใครบางคนมากุมหน้าอกเปลือยเปล่าของฉันจากข้างหลัง พอฉันขยับตัวหนีและหันกลับไปมอง ก็พบว่านั่นคือโรบิน ธิค" เธอเล่า "เขายิ้มตอบแบบงงๆ และขยับถอยหลัง ซ่อนสายตาไว้ใต้แว่นกันแดด ฉันเองก็หลบอยู่ใต้เงาในฉาก ได้ยินเสียงสั่นๆ ของผู้กำกับหญิงตะโกนถามฉันว่า 'คุณโอเคไหม'" (ภายหลัง ไดแอน มาร์เทล ผู้กำกับเอ็มวีนี้ออกมายืนยันว่าเรื่องที่ราทาจโควสกีเล่านั้นเป็นความจริงทุกประการ)หากแต่สิ่งที่ทำให้ราทาจโควสกีฉุนเฉียวมากที่สุดคือ การที่หลายๆ คนแสดงความเห็นว่า 'ไม่แปลกที่จะโดน ก็แต่งตัวแบบนั้นเองนี่นา' โดยเธอกล่าวว่า "เราเป็นมากกว่าแค่เรือนร่างของเรานะ และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องถูกคนมาทำให้รู้สึกละอายแก่ใจเพราะเรือนร่างของเรา หรือถูกคนอื่นมาล่วงละเมิดทางเพศเราได้" และนอกจากนี้ เธอก็ภาคภูมิใจกับการถ่ายแบบวาบหวิว "การได้เป็นนางแบบที่ใช้แรงดึงดูดทางเพศและเรือนร่างมันก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงพลังอำนาจของตัวเองนี่"น่าเศร้าสำหรับราทาจโควสกี ที่ประสบการณ์การโดนล่วงละเมิดทางเพศ, การประณามหยามเหยียดที่เธอไม่ทำตัวเป็นผู้หญิง 'ที่ดี' ตามที่สังคมนิยาม (slut shaming) ตลอดจนการสู้รบปรบมือกับทัศนคติที่สังคมขีดไว้ให้ความเป็นหญิงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอเติบโตและเป็นนางแบบเซ็กซี่ หากแต่เป็นเรื่องที่ราทาจโควสกีต้องเผชิญตั้งแต่เธอเข้าสู่วัยสาว ที่เมื่อเริ่มมีประจำเดือน เธอก็รู้สึกว่าสังคมรอบข้างทำให้เรื่องนี้ซึ่งแสนจะเป็นเรื่องธรรมชาตินั้นเป็นเรื่องผิดบาป โดนเธอเล่าว่า สมัยมัธยมนั้น โรงเรียนเธอจัดทัศนศึกษาพานักเรียนไปอนุสาวรีย์ทหารนิรนามที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเธอได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของชั้น นำดอกไม้ไปวางหน้าหลุมศพเหล่าทหาร "ตอนนั้นฉันสวมกระโปรงน่ารักๆ กับรองเท้าส้นสูง เดินถือดอกไม้ไปยังหลุมศพต่อหน้าเพื่อนนักเรียนในชั้นและนักเรียนเกรดเจ็ด (ประมาณมัธยมปีที่ 1-2 ของไทย) ของโรงเรียนอื่นๆ ด้วย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีจุดแดงวงเบ้อเร่อที่ด้านหลังกระโปรง"&nbsp;ประสบการณ์นั้นทำให้ราทาจโควสกีอับอายอย่างที่สุด และรู้สึกว่าการมีประจำเดือนเป็นตราบาป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่เด็กมัธยมที่หลายคนกำลังเริ่มเข้าสู่วัยสาวและเริ่มมีประจำเดือน "แล้วคนก็จะเริ่มทำให้คุณรู้สึกว่าการเติบโตเป็นสาวมันเป็นเรื่องน่าอาย แทนที่เราจะรู้สึกว่ามันเป็นช่วงหนึ่งของชีวิต เรากลับรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าขัดเขินซึ่งแย่มากๆ ฉันรู้สึกราวกับว่าการมีประจำเดือนคือเรื่องที่ฉันต้องเก็บไว้กับตัวเพียงคนเดียว จัดการตัวเองให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้คนรอบตัวขยะแขยงอันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสียจริง"เธอยังกล่าวว่า ประจำเดือนเป็นเสมือน ‘ประสบการณ์ร่วม’ ที่คนมีประจำเดือนมีด้วยกัน ชวนนึกถึงชาวเราที่อาจเคยต้องขอหยิบยืมผ้าอนามัยจากคนแปลกหน้า หรือเป็นคนที่มอบผ้าอนามัยให้คนแปลกหน้าซึ่งต้องการฉุกเฉิน ด้วยความเข้าอกเข้าใจโดยไม่ต้องปริปากพูดอะไรกันว่ามัน ‘เร่งด่วน’ ขนาดไหน "ประจำเดือนเป็นเสมือนวัฏจักรของชีวิต มันน่าอัศจรรย์มากเลยนะ" เธอเล่า "มันคือสิ่งที่เชื่อมโยงคุณเข้ากับผู้หญิงคนอื่นๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องผ่านประสบการณ์การมีประจำเดือนเช่นเดียวกันกับคุณ เป็นสิ่งซึ่งคุณแบ่งปันร่วมกันกับผู้หญิงแปลกหน้าคนอื่นๆ ได้ และมันไม่ใช่สิ่งที่คุณควรจะเก็บซ่อนมันไว้เพียงลำพังเลยนะคะ"อย่างไรก็ดี ราทาจโควสกีเล่าว่าเธอมีครอบครัวเป็นพื้นที่พักพิงอันชวนปลอดภัยเสมอ และเมื่อเธอเริ่มเติบโตเป็นสาว แม่ก็สอนให้เธอเข้าอกเข้าใจเรือนร่างของตัวเองเสมอมา "แม่สอนให้ฉันเข้าใจและรักเนื้อตัวของตัวเองโดยไม่ต้องรู้สึกอับอายต่อการเติบโต หรือรู้สึกผิดต่อรูปร่างหน้าตาของตัวเอง ซึ่งฉันว่าทัศนคติเช่นนี้สำคัญต่อการเป็นนางแบบมากนะ" เธอบอก "ฉันโชคดีที่พ่อแม่เข้าใจเสมอมา พวกเขามักจะบอกฉันว่า 'ลูกเป็นผู้หญิง จงสนุกและเชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้เถอะ' ตลอดเลย"ทัศนคติเข้มแข็งเช่นนี้ติดตัวเธอมาจนโต และนั่นทำให้เธอไม่หวั่นไหวเมื่อถูกผู้คนประณาม หรือดูถูกเมื่อเธอถ่ายแบบวาบหวิว "ฉันคิดว่าวิธีที่ผู้ชายมองผู้หญิงนั้นมีอยู่ไม่กี่แบบ นั่นคือ คุณเป็นเด็กและคงเป็นลูกสาวใครสักคน กับอีกแบบคือมองคุณเป็นวัตถุทางเพศไปเลย คุณดูเซ็กซี่ในสายตาพวกเขา และอีกแบบคือคุณเป็นแม่ของใครสักคน คุณมีผมหงอกบนหัว และไม่ถูกมองด้วยสายตาแบบเดิมกับที่พวกเขามองคุณเมื่อสมัยคุณยังสาว" เธอว่า "และนี่แหละที่น่ากลัวสำหรับผู้หญิง เช่นเดียวกันกับเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับผู้หญิงนั่นแหละ คือมักถูกจัดไว้ในหมวดหมู่ หรือกล่องอะไรบางอย่างที่ดูไม่ซับซ้อนในสายตาสังคมเสมอเลย"สิ่งเหล่านี้ทำให้ราทาจโควสกียังเป็นหนึ่งในนักแสดงและนางแบบสายเซ็กซี่อันดับต้นๆ ของอุตสาหกรรมฮอลลีวูดมาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในหัวขบวนที่ทลายกำแพงความเชื่อที่ว่า เธอไม่มีอะไรดีนอกเสียจากความสวยและเซ็กซี่ เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้ย่อมพิสูจน์ 'สิ่งอื่น' ที่อยู่เหนือภาพลักษณ์และเรือนร่างของเธอได้เป็นอย่างดี

Pocahontas ก็เป็นหนึ่งในการ์ตูนดิสนีย์เพียงไม่กี่เรื่องที่โชคร้ายหน่อยตรงที่ว่ามันเต็มไปด้วยประเด็นเปราะบางซึ่งอาจทำให้แฟนๆ ไม่น่าจะได้เห็นมันในเวอร์ชั่นคนแสดงในเร็วๆ นี้ก็จริง แต่อยู่ๆ เพลงซาวด์แทร็กอย่าง Colors of the Wind จากการ์ตูนเรื่องนี้ที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี 1995 ก็กลับกลายเป็นเพลงการ์ตูนดิสนีย์ที่คนรุ่นใหม่หลายคนบอกว่าพวกเขา ‘อิน’ กับมันอย่างไม่น่าเชื่อ! 

Colors of the Wind เพลงจากการ์ตูน Pocahontas อายุ 30 ปีที่อยู่ๆ ก็โดนใจคนเจนฯ Z เพราะมันอาจพูดถึงสถานการณ์โลกและผู้คนยุคนี้ได้อย่างร่วมสมัย 

 Pride Month ที่ผ่านมา กิจกรรมที่ถูกนำเสนออาจเป็นภาพของการเฉลิมฉลองที่พูดถึง LGBTQ+ ในมิติเชิงสังคม อย่างการส่งเสียงถึงภาครัฐฯ เรื่องของกฎหมาย นโยบาย ความเคลื่อนไหวด้านความหลากหลายที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่น้อยนักที่กิจกรรม Pride จะพูดถึง ‘ภายใน’ ที่ลึกลงไปกว่านั้นอย่างเรื่องของ ‘จิตวิญญาณ’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งมิติที่อาจยังไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนักในสังคม 

Paradiso นิทรรศการศิลปะที่เล่าถึงภาวะศักดิ์สิทธิ์และแปลกปลอมในจิตวิญญาณของ LGBTQ+ 

“นี่คืออัลบั้มที่ฉันใส่ตัวตนของตัวเองอย่างแท้จริง”

“อัลบั้มนี้ฉันมีจุดมุ่งหมายที่จะปลดปล่อยตัวเองอย่างเต็มร้อย ระเบิดโลกที่อยู่ในใจให้ออกมา” การกลับมาของ LORDE ในอัลบั้ม Virgin ที่สำหรับเธอแล้วคือ ‘ภารกิจ’ การเยียวยาตัวเองในทุกช่วงวัย

MOVIN’ON

CULTURE

SELF

STYLE

VDO

CONVERSATION

MIRROR50

PR-NEWS

Conversation

Emily Ratajkowski นางแบบผู้พูดเรื่องเรือนร่างและเมนส์อย่างกล้าหาญชาญชัย

แชร์บทความนี้

แชร์บทความนี้

Author

MAN ON FILM

RELATED

HOT TOPICS