ขณะที่ความเชื่อเรื่องการบูชา ‘จู๋’ หรือปลัดขิก / ศิวลึงค์ นั้นมีมาอย่างยาวนาน และถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในประเทศไทยบ้านเรา ฟากฝั่งที่บูชา ‘จิ๋ม’ หรือ ‘โยนี’ ก็มีเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถูกพูดถึงกันมากนัก ทว่าหลังจากที่มีคนพบเห็นโยนีขนาดใหญ่ปิดทอง ณ สำนักพราหมณ์ธรรมโชติหิรัญ ซึ่งเป็นไวรัลในโลกอินเทอร์เน็ตตอนนี้ กระแสทัวร์ลงกีก็ได้เกิดข้ึน บ้างก็มองว่าเป็นทัศนอุจาด บ้างก็มองว่าไม่เหมาะสม แต่ทำไมกันนะ พอเป็นจู๋ ผู้คนถึงชินกันมาได้ตั้งนมนาน หรือเปิดรับมันมากกว่ากี
เรื่องนี้น่าตั้งคำถามหลายข้อ เพราะมันเต็มไปด้วยความย้อนแย้งหลายตลบ ทั้งมุมมองการบูชากีของบางคนที่คิดว่ามันผิดแปลกถ้าเทียบกับการบูชาจู๋ หรือการที่ผู้คนเคารพทั้งจู๋ ทั้งจิ๋ม แต่เซ็กซ์ทอยบ้านเราก็ยังผิดกฎหมายอยู่ ไปจนถึง พอกีกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้กราบไหว้ แต่หากมองถอยออกมาบางคนก็ยังเหยียดผู้หญิงที่ใช้กีในการทำมาหากิน อย่างอาชีพ sex worker
ยิ่งกว่านั้น การบูชากีในครั้งนี้ หากจะมองว่ามัน empower ผู้หญิงก็ทำได้ แต่ไฉนมันกลับกลายเป็นพื้นที่แก้กรรมเรื่องทำแท้ง ที่กดทับสิทธิเสรีภาพในร่างกายผู้หญิงเต็มๆ
ว่ากันที่เรื่องแนวคิดการบูชาโยนีกันก่อน แม่พราหมณ์เนาวรัตน์กชพร ศรีเมธาวงศ์ สำนักพราหมณ์ธรรมโชติหิรัญ กล่าวว่า ลึงค์ และโยนี เป็นต้นกำเนิดของชีวิต และความอุดมสมบูรณ์ในโลก ถือเป็นเรื่องไม่แปลก และถือเป็นสิ่งเคารพบูชาอย่างหนึ่งของผู้นับถือศาสนาพราหมณ์ในอินเดียมาตั้งแต่ 5,000 ปี เกิดขึ้นครั้งแรกที่ลุ่มแม่น้ำสินธุ แคว้นปัญจาบ อินเดีย
เรายังสามารถย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของพลังกีในหลายๆ ประเทศ ที่มีความเชื่อกันว่ากีเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ เช่น การพบรูปปั้นดินเผาเมื่อปี 1896 ในซากวัดศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตศักราช ณ เมืองกรีกโบราณอย่าง Priene รูปปั้นดังกล่าวมีลักษณะเป็นใบหน้าของผู้หญิง ที่ระหว่างช่วงคางลงไปปรากฏเป็นรูปทรงปากช่องคลอดชัดเจน ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่ารูปปั้นนี้คือ Baubo เทพธิดาผู้มีชื่อเสียงด้านการใช้จิ๋มให้กำลังใจเทพีเกษตรกรรม Demeter เช่นเดียวกับนักประวัติศาสตร์ศิลปะ Winifred Milius Lubell เจ้าของผลงาน The Metamorphosis of Baubo: Myths of Women’s Sexual Energy ที่เธอได้ติดตามภาพสัญลักษณ์ของปากช่องคลอดผ่านช่วงเวลา ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรม เธอคิดว่า Baubo เป็นแง่มุมของพิธีกรรมทางการเกษตรเพื่อความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งกีของเธอจะใช้ย้ำเตือนให้เทพีเกษตรกรรมทำงานเพื่อมอบชีวิตให้แก่มนุษยชาตินั่นเอง
นอกจากนี้บางคนอาจเคยได้ยินมาว่า กีในสมัยโบราณก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ปัดเป่าความชั่วร้ายได้ โดยผู้หญิงสมัยโบราณเชื่อว่าปากช่องคลอดที่เปลือยเปล่าสามารถขับไล่วิญญาณชั่วร้าย ไล่สิงโตป่าให้กลัว และขับไล่ผู้ที่เข้ามาโจมตี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เราจะพบเห็นเครื่องรางของขลังรูปทรงกีขึ้นมา ไม่ต่างจากปลัดขิกที่ผู้ชายมีติดไว้ เช่น เครื่องรางโยนีที่แต่งตัวเหมือนผู้แสวงบุญโดยชาวยุโรปยุคกลาง ณ เส้นทางนักบุญยากอบ (Camino de Santiago)
ส่วนของไทยก็มีขายเครื่องรางโยนีเหมือนกัน แต่อาจไม่ได้มีแพร่หลายเท่าปลัดขิก ซึ่งบางครั้งก็ตีความเครื่องรางโยนีไปถึงเรื่องดึงดูดโชคด้านความรัก กลับมาที่สำนักพราหมณ์ธรรมโชติหิรัญที่เป็นประเด็น นอกจากคำกล่าวของแม่พราหมณ์ที่บอกว่า หากปิดทองกราบไหว้ พ่อใหญ่ (อวัยวะเพศชาย) จะสมดังใจปรารถนาถ้าคุณพูดดี และแม่ใหญ่ (อวัยวะเพศหญิง) จะทำให้ร่ำรวยแล้ว เธอยังบอกว่า เริ่มสร้างที่นี่เป็นสำนักปฏิบัติธรรมเพราะส่วนหนึ่งคือเรื่องแก้กรรมสำหรับผู้หญิงที่ทำแท้ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต ผู้มีจิตศรัทธามักจะมาถือศีล 8 อาบน้ำมนต์ และเชื่อว่าพ่อใหญ่ และแม่ใหญ่ เป็นมวยคู่เอกของโลก ที่คนต้องมาแก้เคล็ด
จะเห็นได้ว่าในบางความคิดของหลักศาสนาก็ยังผูกโยงอยู่กับร่างกายของผู้หญิง อย่างกรณีทำแท้งที่หลายคนเชื่อว่ายังเป็นบาป และต้องมาแก้กรรม โดยลืมไปถึงการเคารพสิทธิในร่างกายของเจ้าตัวว่า หากทนคลอดลูกออกมาแล้วไม่พร้อมเลี้ยงลูก จะไม่แย่ หรือบาปกว่าเดิมหรือ?
สุดท้ายนี้ ความเชื่อเรื่องบูชาจิ๋ม บูชาจู๋ ก็ล้วนเป็นความเชื่อส่วนบุคคล เพียงแต่เมื่อเลือกจะยึดโยงอวัยวะเพศกับศาสนาแล้ว ก็ยิ่งพบความไม่เข้าใจหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้คน และสังคม
ทำไมเราถึงบูชาจู๋ บูชาจิ๋ม เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ แต่บางคนแอนตี้การมีเซ็กซ์ทอยไว้เป็นที่ก็เป็นอีกหนึ่งที่พึ่งทางใจด้านสุขภาพทางเพศ
ทำไมเราถึงบูชาจิ๋ม พร้อมๆ กับที่มองสิทธิในร่างกายของผู้หญิงเป็นสิ่งไม่ดี ไม่ว่าจะคนที่ใช้ร่างกายประกอบอาชีพอย่าง sex worker หรือแม้แต่คนที่แต่งตัวโชว์เนื้อหนังก็ถูกมองว่าเป็นหญิงร้ายๆ ไปจนถึงสิทธิในร่างกายที่เลือกจะมี หรือไม่มีลูกอีกต่างหาก ที่กลายเป็นเรื่องบาปกรรมไปเสียได้
ถ้ามองว่ากีสามารถเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ช่วยโลก และผู้คน เพราะฉะนั้นเราก็ควรไม่ลืมที่จะเคารพผู้มีกีในชีวิตจริงโดยปราศจากอคติทางเพศด้วยเหมือนกัน
อ้างอิง:
https://bust.com/baubo-ancient-vagina-goddess/
https://www.khaosod.co.th/newspaper/newspaper-front-page/news_7678260
https://msmagazine.com/2023/03/25/vulva-art-history/
https://www.thaich8.com/news_detail/124363
https://thethaiger.com/th/news/847581/