My Body My Choice เป็นคำที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในทุกวันนี้ ซึ่งโดยพื้นฐานก็เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว ที่ทุกคนควรได้รับความเคารพในสิทธิบนเนื้อตัวร่างกาย เจ้าของร่างกายจะตัดสินใจกับร่างกายตัวเองอย่างไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น
แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ได้หมายความว่า ‘ชอยส์’ ที่ฝั่ง My Body My Choice สนับสนุน ต้องเป็นสิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับ Norm ของสังคมเท่านั้น ที่สุดแล้วเรายังคงต้องเคารพในทุกการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกายนั้นๆ ไม่ว่าคุณจะเปิดเผยร่างกายตัวเองหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะจัดการกับขนรักแร้ตัวเองหรือไม่ ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นสิทธิของคุณ และไม่มีใครควรถูกบังคับขืนใจให้ทำสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ
อย่างล่าสุดนี้ ที่เราเพิ่งนำเสนอประเด็นของนิวเคลียร์ หรรษา ที่เธอยืนยันว่า “ผู้หญิงที่โตแล้ว แต่งตัวเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อเอาใจผู้ชาย” มีคอมเมนต์หนึ่งที่เห็นแย้งในทำนองว่า หากแต่งตัวเพื่อเอาใจผู้ชายมันผิดตรงไหน ซึ่งถ้าจะว่ากันแล้ว มันก็ไม่ผิดเช่นกัน เพราะนั่นคือทางเลือก อย่างที่เราเชื่อเสมอว่าหากใครตัดสินใจจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีอำนาจไม่เท่ากัน และจำเป็นต้องอยู่ต่อด้วยเหตุปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยความรักหรือกระทั่งความมั่นคงในชีวิต—นั่นก็เป็นทางเลือก และเราก็เคารพมัน ไม่มีใครสามารถก้าวก่ายได้ เพราะโครงสร้างสังคมยังไม่ได้เอื้อให้ทุกคนใช้ชีวิตได้อย่างมีเสรีภาพขนาดนั้น
เพียงแต่สิ่งสำคัญน่าจะเป็นการตระหนักรู้ว่าสิ่งที่เผชิญอยู่คืออะไร และมีความไม่สมดุลในอำนาจอย่างไรบ้าง ความตระหนักรู้ที่ว่านี้ อาจทำให้วันหนึ่งสามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ แม้จะไม่ใช่ในทันทีทันใดก็ตาม
เช่นกันในประเด็น Beauty Standard ซึ่งบางครั้ง My Body My Choice ก็ถูกมองว่าต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Beauty Standard เท่านั้น ทั้งที่มันไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป เราสนับสนุนคนที่ไว้ขนรักแร้ มีพุง มีรูปลักษณ์ต่างๆ อย่างไร เราก็ไม่กีดกัดคนที่ไม่ไว้ขนรักแร้ ลดความอ้วน หรือทำศัลยกรรมเช่นกัน
เหตุที่เราจำเป็นต้องต่อสู้กับ Beauty Standard เพราะมันทำให้คนจำนวนมากต้องทุกข์ระทมกับมัน โดยเฉพาะในโลกทุนนิยมและปิตาธิปไตยที่เราอาศัยกันอยู่ทุกวันนี้ My Body My Choice จึงเป็นหนึ่งในแนวคิดที่เข้ามาสร้างพื้นที่ให้คนที่ไม่ได้ตรงกับ norm ของสังคม ไม่ให้ถูกกีดกันออกไป ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ และสามารถพอใจกับตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น แต่มันก็ไม่ควรใช้กีดกันคนที่ยังไม่พร้อมจะหลุดออกจากกรอบในทันทีด้วย
แก่นสำคัญอาจจะเป็น “เราไม่ควรเหยียดกันและไม่บีบบังคับใครให้คนอื่นต้องเลือกแบบเรา” ไม่ว่าใครคนนั้นจะตรงกับ norm ของสังคมหรือไม่ และทุกๆ ทางเลือก ควรได้รับความเคารพ เมื่อมันเกิดขึ้นจากการตัดสินใจที่ตระหนักรู้ถึงปัจจัยแวดล้อมต่างๆ สังคมที่เราอยู่ คนที่เราแคร์ ปัจจัยที่เรามี (เช่น เงิน เวลาในการดูแลตัวเอง) เพราะในทางปฏิบัติ บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น และไม่สามารถฟันฉับว่าอะไรเป็นขาวเป็นดำได้กริบในทุกกรณี ที่สุดแล้วเราคงต้องย้ำว่าตราบใดที่เจ้าของร่างกาย “พอใจ” “สะดวกใจ” และ “ตระหนักรู้” ก็ไม่ควรมีใครกีดกันและบงการทางเลือกของคนอื่น
เพียงแต่ที่เราต้องต่อสู้กันอยู่ในทุกวันนี้ เพราะสังคมส่วนใหญ่ยังไม่เปิดกว้างพอ ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายอนุญาตให้คนทำแท้งเพิ่งถูกคว่ำ บางประเทศกฎหมายข้อนี้ไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ หลายสังคมยังมีการเลือกปฏิบัติด้วยเพศสภาพ หรือรูปลักษณ์ภายนอก และเมื่อมีคนถูกกดทับก็ยังต้องมีคนออกมาต่อสู้เรียกร้อง และในช่วงเวลานี้ที่เรายังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน การถกเถียงก็ยังคงสำคัญ เราจึงอยากเป็นอีกเสียงเล็กๆ ที่ขอยืนยันอีกครั้งว่า ที่บอกว่าเคารพทุกทางเลือก หมายถึงทุกทางเลือกจริงๆ ขอแค่แต่ละฝ่ายไม่ไปบีบบังคับกันด้วยอำนาจบาตรใหญ่ก็พอ