หลายคนน่าจะเฝ้ารอดูบทบาทสายลับ 007 ของ ลาชานา ลินช์ (Lashana Lynch) นักแสดงชาวอังกฤษเชื้อสายจาเมกา ที่เป็นที่พูดถึงมาตั้งแต่ปีก่อนในฐานะตัวละครเอกที่เป็นผู้หญิง ซึ่งไม่ใช่ ‘ผู้หญิงของบอนด์’ แต่เป็นคนที่มีศักยภาพในการเป็นสายลับมือหนึ่งเหมือนกันกับเจมส์ บอนด์
ลินช์จะปรากฏตัวใน No Time to Die ภาพยนตร์ในซีรีส์ 007 ลำดับที่ 25 ซึ่งแดเนียล เครก ผู้รับบทเจมส์บอนด์คนปัจจุบันจะปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้าย และมีการคาดเดาว่าหลังจากที่เจมส์ บอนด์รีไทร์ไปใช้ชีวิตสงบสุขที่จาเมกา คนที่จะมารับไม้ต่อภารกิจการเป็นสายลับของเขาก็คือตัวละครของลินช์ที่มีชื่อว่า โนมี่ (Nomi) และเป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งที่ทั้งเก่งกาจและทรงเสน่ห์นี้จะถูกถ่ายทอดโดยผู้หญิง
ตอนนี้ลินช์กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมตัว เธอต้องฝึกร่างกายอย่างหนัก เพื่อรับบทสายลับได้อย่างสมบูรณ์แบบ เธอต้องเรียนรู้การใช้อาวุธหลากชนิดให้คล่องมือ พร้อมกับฝึกเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั้งการวิ่ง โจมตี หรือหลบหลีก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นงานหินและเป็นสิ่งที่นักแสดงชายที่รับบทนี้เคยผ่านมาแล้ว และเธอจะทำมันได้เช่นกัน โดยลินช์กล่าวถึงบทบาทโนมี่ว่า
“เธอเป็นคนซับซ้อน เป็นอิสระ เปิดกว้าง และจะถ่ายทอดความเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่จุดเปลี่ยนที่เยี่ยมยอดของหน่วย MI6”
ทั้งยังกล่าวถึงทิศทางของความหลากหลายในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อีกว่า
“ตอนนี้วงการภาพยนตร์ไม่ได้ทำแค่สิ่งที่คนดูอยากดู แต่ยังทำสิ่งที่อยากให้คนดูได้เห็น และสำหรับบอนด์ จะเป็นหญิงหรือชายก็ได้ เป็นคนขาว คนดำ คนเอเชียนหรือลูกผสมก็ได้ จะเด็กหรือแก่ก็ได้ ต่อให้ท้ายที่สุดพวกเขาเลือกให้เด็ก 2 ขวบมาเล่นเป็นบอนด์ ทุกคนก็จะไปดูว่าเด็กสองขวบจะเป็นบอนด์แบบไหน”
อย่างไรก็ตาม หน่วยสืบราชการลับ MI6 ทั้งในหนังและ MI6 จริงๆ ในประเทศอังกฤษ ต่างต้องเผชิญกับการปรับตัวไปสู่โลกที่ออกห่างจากระบบชายเป็นใหญ่ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ริชาร์ด มัวร์ (Richard Moore) ก็เพิ่งออกมาขอโทษอีกครั้งที่ MI6 เคยมีกฎแบนเจ้าหน้าที่ที่เป็น LGBTQ เพราะมองว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความอ่อนไหวและอาจถูกใช้ประโยชน์จากความอ่อนไหวนี้ ซึ่งแม้กฎนี้จะถูกยกเลิกไปเมื่อปี 1991 แต่ทางองค์กรก็ยังต้องการแสดงความขอโทษต่อคนที่เคยได้รับผลกระทบจากกฎที่ว่านี้
และไม่ว่าจะในหนังหรือในชีวิตจริง ก็ควรเป็นที่ประจักษ์กันสักทีว่าหน้าที่ที่ต้องอาศัยความเก่งกาจและเด็ดเดี่ยว ไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดอยู่เฉพาะกับผู้ชายอีกต่อไป
อ้างอิง : theguardian , bbc